'ภูมิใจไทย' ท้าชน 'เพื่อไทย' วัดเกมสภาฯ ดันโหวต ‘อนุทิน’

'ภูมิใจไทย' ท้าชน 'เพื่อไทย'  วัดเกมสภาฯ ดันโหวต ‘อนุทิน’

แม้วาระ "โหวตนายกฯ" ถูกบรรจุในการประชุมสภาฯ วันนี้ ทว่าทางที่ไปสู่วาระนี้ ยังมีด่านที่ต้องฝ่า เพราะ "เพื่อไทย" พยายามยื้อ แต่ "ภูมิใจไทย" พร้อมชน แม้เสียงเป็นรอง

KEY

POINTS

  • พรรคภูมิใจไทยพยายามผลักดันให้เลื่อนวาระการประชุมสภาฯ เพื่อโหวตเลือก "อนุทิน ชาญวีรกูล" เป็นนายกรัฐมนตรี ขณะที่พรรคเพื่อไทยต้องการให้พิจารณาตามลำดับวาระเดิม
  • การชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นการแข่งขันระหว่าง "อนุทิน" กับ "ชัยเกษม นิติสิริ" จากพรรคเพื่อไทย
  • การเลื่อนวาระประชุมได้สำเร็จหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการรวบรวมเสียงข้างมากในสภาฯ ซึ่ง "ภูมิใจไทย" ยังเป็นรอง ต้องรอ "พรรคประชาชน" ตัวแปรสำคัญในการตัดสิน
  • หากแผนไม่มีเปลี่ยนกลางดึก "เพื่อไทย" ยังต้องยื้อโหวตนายกฯ ออกไป และหาก "ภูมิใจไทย" ฝ่าด่านเกมสภาฯ ไปได้ 
  • เส้นทาง "อนุทิน" จะเข็นสู่เก้าอี้นายกฯ ไม่มีอะไรยาก เพราะรวบรวมเสียงข้างมาก เลยเกณฑ์เสียงเกินครึ่งของสภาฯ ได้แล้ว

วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ ยืนยันเพิ่มวาระประชุม วันที่ 5 ก.ย.2568 เพื่อโหวตนายกฯ ​คนที่ 32 และจัดลำดับให้เป็นเรื่องด่วน อันดับที่ 8 ต่อท้ายจากเรื่องด่วนอีก 7 เรื่องที่บรรจุวาระไว้แล้วก่อนหน้านี้

ตามกลไกของสภาฯ สส.มีสิทธิเสนอเลื่อนระเบียบวาระที่ต้องการขึ้นมาพิจารณาก่อนได้ หากไม่มีใครเห็นแย้ง สามารถเดินหน้าเลื่อน และพิจารณาได้

แนวโน้มในเรื่องนี้ในฝั่งวิป “ขั้วรัฐบาลใหม่” พร้อมขอเลื่อนวาระพิจารณา ในเวลา 10.00 น. เพราะมองว่าการโหวตนายกฯ คือ เรื่องสำคัญสุดในยามนี้

ขณะที่ท่าทีของ “พรรคเพื่อไทย” ล่าสุด ช่วงเย็นของวันที่ 4 ก.ย.68 ยังยืนยันไม่เห็นด้วย และต้องการให้พิจารณาตามลำดับเพราะมี ร่างกฎหมายสำคัญ 3 ฉบับที่ ครม.อยากผลักดันให้ผ่าน ทั้ง ร่าง พ.ร.บ.อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน พ.ศ… ร่างพ.ร.บ.ศูนย์กลางประกอบธุรกิจการเงิน และ ร่างพ.ร.บ.การเดินเรือในน่านน้ำไทย

แม้ว่าวาระโหวตนายกฯ พรรคเพื่อไทยยืนยันเสนอชื่อ “ชัยเกษม นิติสิริ” แคนดิเดตนายกฯ ของพรรค ชิงตำแหน่งกับ “อนุทิน ชาญวีรกูล” แคนดิเดตนายกฯ จากพรรคภูมิใจไทย ก็ตาม

'ภูมิใจไทย' ท้าชน 'เพื่อไทย'  วัดเกมสภาฯ ดันโหวต ‘อนุทิน’

 ทว่า ก่อนจะถึงวันโหวตนายกฯ พบสัญญาณฝุ่นตลบ โดยเริ่มจากการอ้างถึง “ผู้นำฝ่ายค้าน-ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” ที่ให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ของประธานสภาฯ เพื่อขอให้เลื่อนการโหวตนายกฯ ออกไป ซึ่ง “ณัฐพงษ์” ลุกโต้ทันควันกลางที่ประชุมสภาฯ ว่า “ไม่จริง พร้อมย้ำให้เดินหน้าโหวตนายกฯ ตามที่กำหนดไว้ในระเบียบวาระ”

จะเห็นได้ว่าการปล่อยข่าว หรือใช้แทกติกเพื่อ “ชะลอโหวตนายกฯ” ยังคงมีเกิดขึ้นนับตั้งแต่ต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่เมื่อกลไกของ สภาฯ เดินหน้าแล้ว และมีวาระบรรจุไว้ในระเบียบวาระ ดังนั้นจึงต้องขับเคลื่อนไปตามลำดับ

ส่วนความเห็นที่ขัดแย้งกัน 2 ฝั่ง และตกลงกันเองไม่ได้ กติกาของสภาฯ ต้องใช้เสียงข้างมาก หากเช็กเสียงต่อประเด็นนี้ “ฝ่ายเพื่อไทย” ถือว่ามีข้อได้เปรียบ เพราะกุมเสียงข้างมากของสภาฯ อยู่ที่ 203 เสียง ขณะที่ “ฝ่ายภูมิใจไทย” มี 147 เสียง ยังไม่รวมกับ “พรรคประชาชน” ที่มี 142 เสียง แต่กำลังเผชิญปัญหาการคุมเสียงให้เป็นเอกภาพ

อย่างไรก็ดี หากวาระนี้ “แนน บุณย์ธิดา สมชัย” โฆษกพรรคภูมิใจไทย ประกาศไม่ยอมแพ้ หากใครจะดึงเกม ขึงด่านขวางการโหวต “อนุทิน” นั่งนายกฯ

ดังนั้นหาก “ภูมิใจไทย” ตกลงกับ “พรรคประชาชน” ได้ และขอเสียงชนะโหวตสำเร็จ การเลื่อนระเบียบวาระจะเกิดขึ้น โดยฉากต่อไปคือ การเสนอชื่อ “อนุทิน-ชัยเกษม” ต่อที่ประชุมสภาฯ

สิ่งที่ถูกจับตาคือ เวทีแสดงวิสัยทัศน์ของ “อนุทิน ชาญวีรกูล” ที่คงสถานะเป็น “สส.” ถือเป็นคนในสภาฯ ต่อประเด็นนี้ “วันนอร์” บอกว่าแม้ที่ประชุมสภาฯ ไม่มีข้อบังคับกำหนดให้ต้องแสดงวิสัยทัศน์ ทว่าในห้วงที่ผ่านมา พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตแคนดิเดตนายกฯจาก พรรคก้าวไกล เคยได้แสดงวิสัยทัศน์ต่อเวทีสภาฯ

ดังนั้น เหมือนเป็นธรรมเนียมปฏิบัติต่อสภาฯ ที่ถูกริเริ่มไว้ว่า ผู้ที่ถูกเสนอชื่อ ควรแสดงวิสัยทัศน์ต่อที่ประชุมสภาฯ นัยหนึ่งคือ การประกาศต่อสาธารณะบนเวทีอันศักดิ์สิทธิ์ ในการทำหน้าที่หรือแสดงเจตจำนงต่อวาระทางการเมือง โดยเฉพาะ “ข้อตกลง” ที่ “พรรคประชาชน” กับ “พรรคภูมิใจไทย” ลงนามร่วมกัน

'ภูมิใจไทย' ท้าชน 'เพื่อไทย'  วัดเกมสภาฯ ดันโหวต ‘อนุทิน’

ทว่า แคนดิเดตนายกฯ จากฝั่งเพื่อไทย “ชัยเกษม” อาจเสียสิทธินี้ เพราะถือว่าเป็นคนนอกสภา และที่ผ่านมา “แคนดิเดตนายกฯ” ที่ไม่มีตำแหน่ง สส. ได้รับการยกเว้นไม่ต้องแสดงวิสัยทัศน์ต่อที่ประชุม

สำหรับการลงมตินั้น ตามรัฐธรรมนูญ กำหนดให้ต้องทำอย่างเปิดเผย โดย “ขานชื่อลงมติ” ทีละคน ส่วนผู้ที่จะถูกตัดสินให้เป็น “นายกฯ คนที่ 32" ต้องได้เสียงข้างมากเกินกึ่งหนึ่งของที่ประชุม หรือ 246 เสียงขึ้นไปจาก สส.ที่มีในสภาฯทั้งสิ้น 492 คน

ขณะที่ท่าทีของพรรคการเมืองที่สนับสนุน “ข้างพรรคเพื่อไทย” 9 พรรค นาทีนี้ยังยืนยันการลงมติโหวต “ชัยเกษม” อาทิ พรรคประชาชาติ “วรวิทย์ บารู” รองหัวหน้าพรรค บอกว่า ได้หารือกับ สส. 7-8 คนแล้ว เห็นว่าควรยึดคำมั่นเดิม และพร้อมสนับสนุนแคนดิเดตจากพรรคเพื่อไทย

เช่นเดียวกับ “พรรคชาติไทย” โดย วราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรค ยึดในสัจจะที่ให้ไว้ และกุมเสียงของ สส. ทั้งขั้ว บ้านใหญ่สุพรรณบุรี และ บ้านใหญ่นครปฐม ไว้อย่างเป็นเอกภาพ รวมถึง “พรรคประชาธิปัตย์” ที่กุมเสียงส่วนใหญ่ของพรรคไว้ได้

ส่วนขั้วของ “พรรคภูมิใจไทย” ที่เดินหน้าฟอร์ม “ทีมรัฐมนตรี” ไปแล้ว ถือว่ามีเครื่องยึดเหนี่ยว เสียง “พรรคการเมือง” ที่ตกลงร่วมรัฐบาลเอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่น และการันตีว่าไม่มีใครบิดพลิ้ว

ทว่าต้องจับตาเสียงจาก “พรรคประชาชน” ที่พร้อมโหวต แต่ไม่ร่วมรัฐบาล ซึ่งมีปรากฏการณ์ ว่า “สส.พรรคส้ม” แสดงความอึดอัดใจ ต่อการลงมติเลือก “อนุทิน” กลางสภาฯ เพราะยอมรับว่าการเมืองในพื้นที่ อาจเดินได้ลำบาก และมีข่าวลือตลอดทั้งวัน ว่า “สส.พรรคส้ม” อาจ “ไม่ปฏิบัติตามมติพรรค”

ทว่า ข่าวนี้ “หัวหน้าพรรคประชาชน” ออกมายืนยันต่อสาธารณะเมื่อช่วงเย็น วันที่ 4 ก.ย.68 ยืนยันว่า “สส.ของพรรคจะปฏิบัติตามมติของพรรค โดยไม่มีสิ่งใดที่ไขว้เขว หรือ แตกแยกภายในพรรค”

'ภูมิใจไทย' ท้าชน 'เพื่อไทย'  วัดเกมสภาฯ ดันโหวต ‘อนุทิน’

แม้ “เพื่อไทย” จะยื่นข้อเสนอสุดท้าย ว่า จะยุบสภาทันทีหลังแถลงนโยบาย เพราะสิ่งที่ “พรรคประชาชน” ประเมินไว้ตั้งแต่ต้น คือ เป็นการชิงจังหวะความได้เปรียบทางการเมือง หาใช่ความจริงใจต่อการพาประเทศออกทางตันทางการเมือง

ดังนั้น หากวันนี้ “ภูมิใจไทย” ฝ่าด่านเลื่อนระเบียบวาระการประชุมได้ และนำไปสู่การโหวตนายกฯ คนใหม่ เส้นทางการขอเสียงในสภาฯ เพื่อสนับสนุน “อนุทิน” เป็นนายกฯ คงไม่มีอะไรยาก แม้ว่า “เพื่อไทย” เตรียมเปิดแผลการขาดคุณสมบัติ ไว้รอรับรัฐบาลใหม่แล้วก็ตาม

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์