โรดแมป 4 เดือน‘รัฐบาลภท.’ ฝันของ‘อนุทิน’ สู่นายกรัฐมนตรี คนที่ 32

สมการ 146 เสียง“รัฐบาลภูมิใจไทย”สานฝัน “อนุทิน ชาญวีรกูล”หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย สู่เก้าอี้นายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ประกอบด้วย พรรคภูมิใจไทย 68 เสียง พรรคกล้าธรรม บวกพรรคเล็ก 31 เสียง พรรคพลังประชารัฐ 17 เสียง พรรครวมไทยสร้างชาติ กลุ่มสุชาติ ชมกลิ่น 16 เสียง พรรคเพื่อไทย 8 เสียง พรรคไทยสร้างไทย 3 เสียง พรรคประชาธิปัตย์ 3 เสียง คือ สรรเพชร บุญญามณี สมยศ พลายด้วง สส.สงขลา และราชิต สุดพุ่ม สส.นครศรีธรรมราช

ภายใต้ 5 ข้อตกลงร่วม 1. นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ต้องยุบสภาผู้แทนราษฎรภายใน 4 เดือน นับตั้งแต่วันที่ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภา เพื่อจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป

2. ในกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ในการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จำเป็นต้องมีการออกเสียงประชามติก่อนที่รัฐสภาจะดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ตามมาตรา 256 นั้น  

คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ต้องจัดให้มีการออกเสียงประชามติในประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 เพื่อนำไปสู่การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยสภาร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากการเลือกตั้ง โดยเร็ว ทั้งนี้ต้องไม่เกินกว่าวันลงคะแนนเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป

3.ในกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ในการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ไม่จำเป็นต้องมีการออกเสียงประชามติก่อนที่รัฐสภาดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ตามมาตรา 256 นั้น คณะรัฐมนตรีชุดใหม่

พรรคประชาชน และพรรคภูมิใจไทย จะเร่งผลักดันร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม เพื่อกำหนดให้มีกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยสภาร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากการเลือกตั้ง ให้แล้วเสร็จในวาระของสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้โดยเร็ว 

4.เพื่อสร้างหลักประกันว่า นายกรัฐมนตรีคนใหม่จะยุบสภาผู้แทนราษฎรภายใน 4 เดือนจริง พรรคภูมิใจไทยต้องไม่ดำเนินการโดยวิธีการใดๆ เพื่อทำให้เป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก

5. พรรคประชาชนยืนยันเป็นฝ่ายค้านต่อไป โดยจะทำหน้าที่ตรวจสอบการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลชุดใหม่อย่างเต็มที่ และจะไม่มีบุคคลใดจากพรรคประชาชนไปดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี

ย่อมต้องจับตาไทม์ไลน์4เดือนซึ่ง “อนุทิน” ย้ำนักแน่นว่าเพียงพอต่อการผลักดันวาระสำคัญ 

ลุ้นศาล10ก.ย.แก้รธน.-ภท.เล่นหน้าไหน

โฟกัสไปที่ประเด็นการทำประชามติ แก้ไขรัฐธรรมนูญ เวลานี้ยังมีคำร้องที่ประธานรัฐสภา ขอให้ศาลวินิจฉัย ปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่ และอำนาจของรัฐสภา ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 210 วรรคหนึ่ง (2) ในประเด็นการเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งล่าสุดศาลนัดลงมติ ในวันที่ 10 ก.ย. 

ประเด็นดังกล่าวถูกจับตาว่า “ภูมิใจไทย”จะเล่นหน้าไหน กับบทบาทที่พรรคสีน้ำเงิน เคยแสดงจุดยืน“คัดค้าน” 

 

ต้องย้อนกลับไปในการประชุมร่วมรัฐสภา เมื่อวันที่ 12 ก.พ.2568 ที่ผ่านมา ซึ่งมีการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 256 และเพิ่มหมวด 15/1) จำนวน 2 ร่าง ซึ่ง “พริษฐ์ วัชรสินธุ” สส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคประชาชน และ“วิสุทธิ์ ไชยณรุณ” สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เป็นผู้เสนอ

การประชุมวันนั้น “พรรคภูมิใจไทย” ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลเพื่อไทย โดยเฉพาะ “ไชยชนก ชิดชอบ” สส.บุรีรัมย์ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ลุกขึ้นอภิปรายระบุว่า ในฐานะตัวแทนในนามของตัวแทนสมาชิกรัฐสภา ในสังกัดพรรคภูมิใจไทยทั้งหมด มีความคิดเห็นว่า วาระที่จะถูกพิจารณาหลังจากนี้ เข้าขั้นที่จะผิด และขัดกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ จึงขออนุญาตไม่เข้าร่วมพิจารณา ก่อนที่สส.พรรคภูมิใจไทยทั้งหมด จะวอล์กเอาต์จากที่ประชุม

ต่อมาวันที่ 17 มี.ค.2568 ที่ประชุมร่วมรัฐสภา จะมีมติให้ความเห็นชอบญัตติด่วน กรณี "เปรมศักดิ์ เพียยุระ“  สมาชิกวุฒิสภา(สว.) และ”วิสุทธิ์ ไชยณรุณ" สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เสนอให้รัฐสภาพิจารณามีมติขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยปัญหา เกี่ยวกับอำนาจและหน้าที่ของรัฐสภา ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 210 วรรคหนึ่ง (2) 

กระทั่งวันที่ 9 เม.ย.2568 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับคำร้องดังกล่าวไว้พิจารณา และกำลังจะชี้ขาดในวันที่ 10 ก.ย.นี้

ภายใต้บริบทการเมืองที่เปลี่ยนไป “ภูมิใจไทย”ที่ถูกผลักไปเป็นฝ่ายค้าน พลิกเกมกลับมาอยู่ในสถานะแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ในฐานะรัฐบาลเสียงข้างน้อย จำเป็นต้องพึ่งพา 143 เสียงพรรคประชาชนเป็นแรงหนุน ส่งผลให้โมเดลแก้ไขรัฐธรรมนูญ กลับมาอยู่ในโฟกัสอีกครั้ง 

โรดแมป 120 วันรัฐบาลภูมิใจไทย

หากผ่าโมเดล 120วัน “รัฐบาลภูมิใจไทย” ที่มีการถกในวงประชุมกรรมการบริหารพรรคเมื่อวันที่ 2 ก.ย.2568 ที่ผ่านมา มีการพูดถึงไทม์ไลน์หลังจากแถลงนโยบาย รวมถึงกรอบการลงพื้นที่ของฝ่ายบริหาร หรือ ครม.สัญจร ซึ่งจะเน้นไปในพื้นที่ภัยพิบัติ และจังหวัดที่มีปัญหาชายแดนไทย - กัมพูชา เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่ประชาชนจะต้องได้รับการดูแลเป็นลำดับแรก ๆ

นอกจากนี้ ภูมิใจไทยจะปัดฝุ่นนโยบายที่เคยมีรัฐมนตรีกำกับดูแลกระทรวง เพื่อต่อยอดให้ได้มากที่สุด  

ส่วนการขับเคลื่อนวาระงานในสภาผู้แทนราษฎร หากพรรคภูมิใจไทยได้เป็นรัฐบาล จะเร่งบรรจุวาระการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในวาระแรกของการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ตามเงื่อนไขที่ได้ตกลงไว้กับพรรคประชาชน โดยยืนยันว่า จะดำเนินการให้เป็นไปตามไทม์ไลน์ที่ได้ร่วมกำหนดไว้ และยังจะพิจารณาปลดล็อกฎหมายการกระจายอำนาจท้องถิ่นอีกด้วย

ต้องจับตาสูตรจัดตั้ง “รัฐบาลภูมิใจไทย” 146 เสียง จนถึงนาทีนี้ ยังมีการเกมฝั่งพรรคเพื่อไทย หวัง"ยื้อโหวต" นายกฯ คนที่ 32 เพื่อสกัดฝันของ “หนู” ไม่ให้เกิดขึ้นได้โดยง่าย 

ทั้งการทูลเกล้าฯร่างพ.ร.ฎ.ยุบสภา ที่แม้จะมีข่าวว่า สำนักองคมนตรีในฐานะหน่วยงานกลั่นกรอง และถวายความเห็นประกอบการกราบบังคมทูล เพื่อทรงมีพระบรมราชวินิจฉัย ตีกลับร่างพ.ร.ฎ.ยุบสภา กลับมาที่ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) สัญญาณล่าสุดดูเหมือนว่า ฝั่งเพื่อไทยยังพยายามที่จะหาช่องกฎหมายเพื่อยื้อโหวตออกไป

 ไหนจะกรณี “20สส.เพื่อไทย” เดินเกมยื่นศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาความชอบด้วยกฎหมาย กรณีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ผู้วินิจฉัยคำร้องในคดีคลิปเสียง “แพทองธาร ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี 

จึงได้เห็นสัญญาณล่าสุดจากฝั่งสีน้ำเงิน รุกกลับด้วยการ ส่ง “ศุภชัย ใจสมุทร” ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคภูมิใจ แจ้งความร้องทุกข์เอาผิด “ภูมิธรรม เวชยชัย” ในประเด็นยุบสภา เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157

แม้ยังมีความอลหม่านปั่นป่วนในเกมชิงอำนาจตั้งรัฐบาล แต่บทสรุปชัดเจนแล้วว่า นายกฯคนที่ 32 ตกเป็นของภูมิใจไทยที่จะได้ครองอำนาจบริหารไม่ต่ำกว่า 4 เดือน