'เพื่อไทย' ยืมมือ ‘ศาลรัฐธรรมนูญ’ ยื้อสภาฯโหวต ‘นายกฯ หนู’

เส้นทางการโหวต "นายกฯ" คนใหม่ ที่ชื่อ "อนุทิน ชาญวีรกูล" ในสภาฯ ไม่ได้ปูด้วยกลีบกุหลาบ หลัง "เพื่อไทย" ใช้ทุกแทกติก-พยายามยื้อทุกวิถีทาง
KEY
POINTS
- พรรคเพื่อไทยยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญผ่าน สส. 20 คน เพื่อให้ตรวจสอบกระบวนการถอดถอน "แพทองธาร" จากเก้าอี้นายกฯ
- เป้าหมายหลักของการยื่นเรื่องคือเพื่อใช้เป็นข้ออ้างในการประวิงเวลาและชะลอการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่จากพรรคภูมิใจไทย
- กลยุทธ์ดังกล่าวส่งผลให้ที่ประชุมวิปไม่สามารถกำหนดวันโหวตนายกฯ ได้ เนื่องจากมีความเห็นไม่ตรงกัน ตามประเด็นคำร้อง 20สส.เพื่อไทย
- พรรคภูมิใจไทยแก้เกมโดยยื่นหนังสือถึงประธานสภาฯ เพื่อขอให้เร่งบรรจุวาระการโหวตนายกฯ โดยเร็วที่สุด โดยอ้างว่ากระบวนการของสภาฯ ไม่ควรหยุดชะงัก
สภาพหลัง “พรรคเพื่อไทย” เพลี่ยงพล้ำเกมชิงอำนาจจัดตั้งรัฐบาล ให้กับ “พรรคภูมิใจไทย” ที่ได้แรงสนับสนุนจาก “พรรคประชาชน” อย่างเป็นทางการ
ทำให้การเมืองทั้งกระดาน อยู่ในสภาพ ไม่ต่างจากการเล่นเกม ชิงออกจาก “เขาวงกต” หากใครไปถึงทางออกได้ก่อน คือ ผู้ชนะ
ทว่า “ทางออกของเกมนี้” พรรคเพื่อไทย ฐานะผู้ป้องกันแชมป์ กับ “พรรคภูมิใจไทย” ฐานะผู้ท้าชิง มองทางออกต่างกัน
หากตั้งต้นที่การโหวตนายกฯ คนใหม่ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 159 กำหนดให้ต้องดำเนินการผ่านสภาผู้แทนราษฎร สิ่งที่ต้องโฟกัส คือ การเปิดประชุมสภาฯ เพื่อนัดลงมติว่าจะเลือกแคนดิเดตของพรรคเพื่อไทย หรือแคนดิเดตจากพรรคภูมิใจไทยเมื่อใด
แม้ว่าจะเห็นหน้าตาแคนดิเดตนายกฯคนใหม่กันชัดเจน แต่ตามรัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนด “เดดไลน์” ว่าจะต้องเลือกภายในกี่วัน นับตั้งแต่ที่ประเทศเว้นว่างนายกฯ ตัวจริง ดังนั้น จึงเป็นการเปิดช่องให้พรรคเพื่อไทยใช้จังหวะ “ยื้อ” ทุกทาง
จากข้อเท็จจริงที่เป็นอยู่คือ 20 สส.พรรคเพื่อไทย นำโดย “วิสุทธิ์ ไชยณรุณ” สส.บัญชีรายชื่อ และ 19 สส. เข้าชื่อ ยื่นเรื่องถึงศาลรัฐธรรมนูญ ผ่าน “วันมูหะมัดนอร์ มะทา” ประธานสภาฯ
ให้พิจารณาความชอบด้วยกฎหมายของกระบวนการพิจารณาวินิจฉัย คดีถอดถอน “แพทองธาร ชินวัตร” ออกจากตำแหน่งนายกฯ เนื่องจากมีข้อคาใจต่อกรณีของ “ปัญญา อุดชาชน” ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่อาจต้องพ้นจากตำแหน่งก่อนการตัดสินคดี 30 ส.ค.2568 เพราะ “สราวุธ ทรงศิวิไล” ได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญคนใหม่ แทนแล้ว
ถือเป็นหมากที่วางไว้ เพื่อให้เกิดประเด็นข้อถกเถียงต่อการเดินหน้าโหวตนายกฯ ในกรณีที่มีเรื่องถูกส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญ ว่า “สภาฯ” ควรเดินหน้าต่อ หรือควรรอจนกว่าที่ศาลรัฐธรรมนูญจะให้คำตอบ
ในประเด็นนี้ “20 สส.เพื่อไทย” ไม่ได้อ้างการใช้สิทธิตามบทบัญญัติใดของรัฐธรรมนูญ ทำให้เข้าข่ายว่า กรณีนี้คือ “การร้องทุกข์ทั่วไป” แม้เรื่องจะถูกส่งไปตามกระบวนการของสภาฯ เมื่อไปถึงศาลรัฐธรรมนูญแล้ว จะมี 2 ทาง คือ “รับไว้พิจารณา” หรือ “ไม่รับไว้พิจารณา”
ต่อกรณีนี้ “ฝ่ายกฎหมายของรัฐสภา” ฟันธงไว้แล้วว่า “ไม่รับไว้พิจารณา” เพราะข้อเท็จจริงไม่ได้เป็นไปตามคำร้อง อีกทั้งมีแนวโน้มว่าไม่อยู่ในเขตอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ
ทว่า ผลการตัดสินจะเป็นอย่างไร ไม่ใช่เป้าหมายที่พรรคเพื่อไทยต้องการจริง แต่ประเด็นแอบแฝง คือ เมื่อยื่นเรื่องแล้ว จะเป็นตัวช่วย ให้ “การโหวตนายกฯ” ถูกดึงเวลา และยืดออกไป อย่างน้อยจนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะตอบกลับคำร้องอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรในสัปดาห์หน้า
โดยชอตนี้ พรรคเพื่อไทยเดินหมากบนกระดาน ยื้อเวลาได้สำเร็จ เห็นได้จากวงหารือวิป หรือกรรมการประสานงานสภาฯ เมื่อวานนี้(3ก.ย.) เวลา 10.30 น. ไม่สามารถสรุปความเห็นร่วมกันได้ว่า จะกำหนดวันโหวตนายกฯคนใหม่ ได้ช่วงเวลาใด ในสัปดาห์นี้ เพราะความเห็นไม่ลงรอยกัน จากกรณี “คำร้องสส.เพื่อไทย” เป็นตัวยัน
ภูมิใจไทยรู้ทันแทคติก เกมยื้อนี้ เพราะหลังรู้เรื่องจากวิปไม่ถึงชั่วโมง ได้แก้เกมทันควัน โดย “ไชยชนก ชิดชอบ” เลขาฯภูมิใจไทย ได้นำคณะเข้ายื่นเรื่องต่อประธาน “วันนอร์” เพื่อขอให้บรรจุวาระโหวตนายกฯ ตามมาตรา 159 ของรัฐธรรมนูญ ในระเบียบวาระประชุมสภาฯโดยด่วน
พร้อมยกตัวอย่าง กรณีของการบรรจุวาระเรื่องการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 และเพิ่มหมวดใหม่ ว่าด้วย สภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ที่พบเรื่องบรรจุในวาระของที่ประชุมร่วมรัฐสภา แม้ว่าปัจจุบันจะมีประเด็นที่รอศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยต่อกระบวนการทำประชามติก่อนหรือหลังแก้ไขมาตรา 256 และจำนวนครั้งของการทำประชามติ
“ขอให้ประธานสภาฯช่วยบรรจุวาระโหวตนายกฯ ซึ่งสามารถออกวาระด่วนได้ในวันที่ 4 ก.ย. และแจ้งให้สมาชิกทราบว่าจะมีการบรรจุวาระในวันศุกร์ ที่ 5 ก.ย. ซึ่งการออกจดหมายนัดทำได้ 2 แบบ คือ กำหนดเป็นวาระเดียวคือโหวตนายกฯ หรือ เสนอเป็นเรื่องอื่นเพิ่มเติม” ภราดร ระบุ
เท่ากับว่า พรรคภูมิใจไทยที่ถือไพ่เหนือกว่า กำลังใช้กลไกฝ่ายที่กุมเสียงข้างมากทลายหมากที่พรรคเพื่อไทยวางไว้
เนื่องจาก ตามกติกาของสภาฯ เมื่อเรื่อง “โหวตนายกฯ” ถูกบรรจุไว้ในระเบียบวาระ “ฝ่ายที่ได้เปรียบ” สามารถใช้เสียงข้างมาก เสนอให้เลื่อนระเบียบวาระขึ้นมาพิจารณาได้ ภายใน 5 ก.ย. นี้
ขณะที่ ตามธรรมเนียมปฏิบัติ เรื่องใดที่ส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญแล้ว ยังไม่รู้ผลชี้ขาด ก็ไม่เคยมีสภาฯชุดใด กล้าเสี่ยงเดินหน้า แม้จะมองเห็นคำตอบสุดท้ายก็ตาม
อย่างไรก็ดี กับเกมโหวต นายกฯ คนใหม่ นอกจากต้องรอคำตอบของศาลรัฐธรรมนูญแล้ว ยังต้องพิจารณาถึงปัจจัยเกี่ยวเนื่อง คือ การเสนอพระราชกฤษฎีกายุบสภา ที่ “ภูมิธรรม เวชยชัย" แกนนำเพื่อไทย รักษาการนายกฯ ได้ดำเนินการตามครรลองที่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ ยังต้องมาลุ้นอีกว่า “เกมโหวตนายกฯ” จะตัดจบ ในข้ามคืน หรือยังเดินต่อ
หากได้ไปต่อ เกมนี้ยังอีกยาว เมื่อพรรคเพื่อไทยจ้องเปิดแผล “อนุทิน ชาญวีรกูล”นายกฯ หนู แคนดิเดตนายกฯ ภูมิใจไทย เพื่อให้การก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งไร้ความสง่างาม






