ลุ้นดีลลึก ‘แดง’ ผสม ‘ส้ม’ ปฏิญญายุบสภา สกัด ‘ก๊กน้ำเงิน’

ลุ้นดีลลึก ‘แดง’ ผสม ‘ส้ม’ ปฏิญญายุบสภา สกัด ‘ก๊กน้ำเงิน’

"พรรคเพื่อไทย" ยอมรับเงื่อนไขของ "พรรคประชาชน" ยุบสภาในกรอบเวลา 4 เดือน เพื่อจัดทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จากปฏิญญาข้าวต้มมัดปี 66 มาสู่ปฏิญญายุบสภาปี 68

KEY

POINTS

  • พรรคเพื่อไทย และพรรคภูมิใจไทย ชิงจัดตั้งรัฐบาล โดยมีพรรคประชาชน เป็นตัวแปรหลักในการขอเสียงโหวตนายกฯ คนที่ 32
  • พรรคเพื่อไทยยอมรับทุกเงื่อนไขของพรรคประชาชน เพื่อหวังได้เสียงสนับสนุนในการจัดตั้งรัฐบาล และผลักดันให้ "ชัยเกษม นิติสิริ" เป็นนายกฯ
  • ลุ้นดีลปฏิญญายุบสภา "ค่ายส้ม" จะตัดสินใจเทเสียงโหวตให้ขั้วแดงหรือน้ำเงิน
  • ไพ่ยุบสภาฯ ทางรอดทางเลือกสุดท้ายของ "พรรคเพื่อไทย" เพื่อสกัดไม่ให้ "ภูมิใจไทย" จัดตั้งรัฐบาลสำเร็จ

โมเมนตัมการเมืองไทย ยังไม่แน่ชัดว่านายกรัฐมนตรีคนที่ 32 จะเป็นใคร ด้วยระยะเวลาของรัฐบาลเฉพาะกิจที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ มีธงสำคัญคือ เดินหน้ายุบสภาฯ ในกรอบเวลา 4 เดือนให้มีการเลือกตั้งทั่วไป พร้อมกับการจัดทำประชามติเพื่อนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับผ่าน “สภาร่างรัฐธรรมนูญ” ซึ่งเป็นสูตรผ่าทางตันที่ก๊กสีส้มอย่าง “พรรคประชาชน” ได้ยื่นเงื่อนไขไว้

พรรคเพื่อไทย และพรรคภูมิใจไทย ต่างชิงธงจัดตั้งรัฐบาล เพื่อขอเสียงสนับสนุนจากพรรคประชาชนในการโหวตสนับสนุนแคนดิเดตนายกฯ คนใหม่

ท่าทีของพรรคเพื่อไทย และผู้นำจิตวิญญาณสูงสุดของพรรคเดินเกมสุดท้าย ก่อนยุบสภาฯ ทิ้งไพ่ใบสุดท้าย เสนอชื่อ “ชัยเกษม นิติสิริ” นายกฯ หมายเลข 3 เป็นนายกฯ คนใหม่ หลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ “แพทองธาร ชินวัตร” พ้นนายกฯ ในคดีคลิปเสียงสนทนากับ “ฮุน เซน” ประธานวุฒิสภาแห่งกัมพูชา

ปีกก๊กสีแดง นายใหญ่แห่งพรรคเพื่อไทยยังได้พันธมิตรเดิม ทั้งพรรครวมไทยสร้างชาติ สายหัวหน้าพีระพันธุ์ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคประชาชาติ พรรคชาติพัฒนา พรรคไทรวมพลัง กอดคอตั้งรัฐบาล

ขณะที่ขั้วพรรคภูมิใจไทย ก๊กน้ำเงิน จับมือกับพรรคพลังประชารัฐ พรรคกล้าธรรม  พรรครวมไทยสร้างชาติ กลุ่มสุชาติ ชมกลิ่น

รวมถึงพรรคเล็ก เป็นพันธมิตรเสนอชื่อ “อนุทิน ชาญวีรกูล” เป็นนายกฯ คนใหม่

ลุ้นดีลลึก ‘แดง’ ผสม ‘ส้ม’ ปฏิญญายุบสภา สกัด ‘ก๊กน้ำเงิน’

ทั้งก๊กแดง และก๊กน้ำเงินต่างยอมรับกับข้อเสนอของ “พรรคสีส้ม” ภายใต้เงื่อนไข 1.รัฐบาลชุดใหม่ต้องยุบสภาฯ ภายใน 4 เดือนหลังแถลงนโยบายเพื่อเลือกตั้งใหม่ 2.ต้องจัดทำให้มีประชามติ ประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อนำไปสู่การจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ โดย สสร. 3.พรรคประชาชนจะเป็นฝ่ายค้าน ไม่ร่วมรัฐบาลกับคณะรัฐมนตรีชุดใหม่

พรรคภูมิใจไทย มีชนักปักหลังในคดีฮั้ว สว.และคดีเขากระโดง ซึ่งเป็นผลงานเด็ดของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ที่จำเป็นต้องเอาผิดในคดีดังกล่าว ทำให้ “ภูมิธรรม เวชยชัย” ถึงขั้นเป็นกังวลว่า หากพรรคประชาชนตอบรับเงื่อนไขของพรรคภูมิใจไทย อาจจะทำให้กระบวนการตรวจสอบคดีฝั่งสีน้ำเงินต้องเป็นศูนย์ไปโดยปริยาย

ขณะที่ “พรรคเพื่อไทย” มีข้อครหาเรื่องตระบัดสัตย์เมื่อครั้งจับมือยกแรกจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคก้าวไกล จนนำไปสู่การจับมือพรรคการเมืองปีกอนุรักษนิยม เพื่อบรรลุ “ดีลลับ” ให้ “นายใหญ่” ได้กลับบ้าน

แน่นอนว่า สถานการณ์ทั้งหมดจะเดินหน้าไปสู่จุด “ยุบสภาฯ” ภายในเวลาไม่เกิน 4 เดือนหลังจากรัฐบาลใหม่แถลงนโยบายต่อสภาฯ

คาดการณ์ว่ารัฐบาลชุดใหม่ นายกฯ คนใหม่ ไม่ว่าจะเป็น “ชัยเกษม” หรือ “อนุทิน” รวม

กรอบเวลาเฟ้นหารัฐมนตรีชุดใหม่ รวมทั้งแถลงนโยบายต่อรัฐสภา คงกินเวลาไปจนถึงเดือนต.ค.2568

คาดว่าต้นศักราช 2569 จะเป็นช่วงจังหวะที่นายกฯ คนใหม่จะต้องทำตามเงื่อนไขของ “พรรคประชาชน” ด้วยการใช้อำนาจยุบสภาฯ เพื่อดำเนินการเลือกตั้งใหญ่ โดยไทม์ไลน์การเลือกตั้งจะอยู่ไม่เกิน 45-60 วันในการกำหนดวันเลือกตั้ง คาดว่าจะมีการเลือกตั้งทั่วไปได้ในราวเดือนมี.ค.- เม.ย.2569 

ลุ้นดีลลึก ‘แดง’ ผสม ‘ส้ม’ ปฏิญญายุบสภา สกัด ‘ก๊กน้ำเงิน’

ล่าสุด “พรรคเพื่อไทย” นำโดย “ภูมิธรรม เวชยชัย” ปฏิบัติหน้าที่นายกฯ ได้นำคณะพรรคร่วมรัฐบาล เข้าหารือกับแกนนำพรรคประชาชน จนได้ข้อสรุปว่า พรรคร่วมรัฐบาลเดิมพร้อมรับทุกเงื่อนไขของพรรคประชาชน

“ถ้าจัดตั้งรัฐบาลขึ้นมา วาระสำคัญแห่งชาติขณะนี้ คือ การแก้ไขวิกฤติ แก้ไขรัฐธรรมนูญ รีเซตการเมืองใหม่ ให้การเมืองมีประสิทธิภาพ ส่วนเรื่อง อื่นๆ ยังขอไม่พูดอะไร เราจะพูดกันทั้งสองฝ่าย ข้อเสนอเรา(พรรคเพื่อไทย) เห็นว่าไม่เป็นปัญหาต่อข้อสรุป ข้อเสนอเรา ให้แค่พิจารณา ถ้าจะทำ ไม่มีผลต่อการสนับสนุนการตั้งรัฐบาล”

ขณะเดียวกัน “ภูมิธรรม” ยังย้ำทิ้งท้ายว่า “เรายินดีพร้อมยุบสภาภายในไม่เกิน 4 เดือน”

แกนนำค่ายแดงยอมรับทุกเงื่อนไขของ “ก๊กสีส้ม” โดยไม่จำเป็นต้องตอบรับรายละเอียด และข้อเสนอเพิ่มเติมของพรรคเพื่อไทย ที่ต้องการให้สอบถามประชามติเรื่องนำรัฐธรรมนูญปี 2540 มาใช้ และยกเลิกเอ็มโอยู 43-44

ภายใต้เสียงพรรคร่วมเดิมที่ผนึกกำลังกันของขั้วแดง ราว 200 ต้นๆ ขอเพียงได้ 142 เสียงจากพรรคประชาชน ก็ปิดดีลตั้งรัฐบาลได้ทันที เพราะนายกฯ คนใหม่จะต้องได้รับเสียงเห็นชอบมากกว่ากึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎรทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ คือ 246 เสียง

หากค่ายแดงปิดดีลเกมตั้งรัฐบาลใหม่ได้ ก็อาจได้เสียงจากบางพรรค ที่ไปร่วมสนับสนุน “อนุทิน” ก่อนหน้านี้ กลับมาหนุน ก่อนฟอร์มคณะรัฐมนตรีก็เป็นได้

ดังนั้น เพื่อไทยจึงยังพอมีหวัง เพราะท่าทีพันธมิตรทางลับกับ “ก๊กส้ม” เคยมีอยู่ในการร่วมมือกันเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อจัดตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ แต่กลับถูกพรรคภูมิใจไทย และ สว.สีน้ำเงิน เตะถ่วง ขัดขวางให้ร่างแก้ไข พ.ร.บ.ประชามติ กลับไปใช้เสียงข้างมากสองชั้น

จนท้ายที่สุดร่างแก้ไขกฎหมายดังกล่าวต้องถูกดองอยู่ในรัฐสภา 180 วัน และสภาฯ ก็ยืนยันร่างเดิม ที่ไม่ต้องการให้เกณฑ์ประชามติเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญกลับไปใช้หลักเกณฑ์เสียงข้างมากสองชั้น ตามเกมที่วุฒิสภาเห็นชอบ

ลุ้นดีลลึก ‘แดง’ ผสม ‘ส้ม’ ปฏิญญายุบสภา สกัด ‘ก๊กน้ำเงิน’

แน่นอนว่า นาทีนี้ยังไม่มีพรรคการเมืองใดอยากยุบสภาฯ ทันที เว้นแต่ “พรรคประชาชน” ที่พร้อมทุกเมื่อ โดยเฉพาะสถานการณ์ที่คู่แข่งอยู่ในสถานการณ์วิกฤติ

ทางเลือกทางรอดแรกของ “พรรคเพื่อไทย” จึงจำเป็นต้องผลักดันแคนดิเดตนายกฯ คนสุดท้ายของพรรค คือ “ชัยเกษม นิติสิริ” เป็นนายกฯ ให้ได้ก่อน เพื่อรอจังหวะความพร้อมมากกว่านี้ในการยุบสภาฯ หลังจากนั้นอีก 4 เดือน

สำหรับทางเลือกทางรอดสุดท้าย “ไพ่ยุบสภาฯ” ยังมีโอกาสเป็นได้ แต่ท่าทีของแกนนำพรรคเพื่อไทย ยังไม่ต้องการใช้อำนาจนี้เพื่อดับวิกฤติการเมืองที่แตกร้าวในหมู่นักเลือกตั้ง

แม้ว่าอำนาจยุบสภาฯ จะยังเป็นที่ถกเถียงของบรรดาเซียนนักกฎหมาย รวมทั้งเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ว่า รัฐบาลรักษาการโดยผู้ปฏิบัติหน้าที่นายกฯ ไม่อาจใช้อำนาจรักษาการนายกฯ ยุบสภาฯ ได้ในช่วงที่กำลังเดินหน้าเปิดสภาฯ ลงมติเลือกนายกฯ คนใหม่

ลุ้นดีลลึก ‘แดง’ ผสม ‘ส้ม’ ปฏิญญายุบสภา สกัด ‘ก๊กน้ำเงิน’

ทว่า ท่าทีของคีย์แมนพรรคเพื่อไทย กลับเห็นต่าง เพราะมองว่าอำนาจยุบสภาฯ เป็นพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 103 ดังนั้นรักษาการนายกฯ หรือผู้ปฏิบัติหน้าที่นายกฯ ยังคงมีอำนาจยุบสภาฯได้ทุกเมื่อ รวมทั้งรัฐธรรมนูญก็ไม่ได้กำหนดเงื่อนไขห้ามยุบสภาฯ ในระหว่างที่มีรักษาการนายกฯ

หากใช้กลไกอำนาจยุบสภาฯ นาทีนี้ คีย์แมนค่ายแดงมองว่า ยังเสียเปรียบ เพราะอาจเป็นจังหวะที่กระแส และความนิยมของพรรคยังไม่ดีขึ้น

ผลที่จะตามมา กับการยุบสภาฯ ในทันที จะเป็นจังหวะให้ สส.งูเห่าในดงสีแดง แสดงตัว โชว์พลังมากขึ้น ซึ่งว่ากันว่า มีงูเห่าซุกซ่อนอยู่ในพรรคเพื่อไทย ไม่ต่ำกว่า 10 เสียง และรอสัญญาณโหวตเลือกนายกฯ จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการ

ฉะนั้น ไพ่สุดท้ายยุบสภาฯ ในมือ “ภูมิธรรม” จะใช้ต่อเมื่อ การเมืองถึงทางตันจริงๆ เพื่อล้างไพ่ทั้งหมด ไม่ให้เข้าทางก๊กน้ำเงิน

จากปฏิญญาข้าวต้มมัดเมื่อปี 2566 ซึ่งเสียงมหาชนแสดงออก ผ่านการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อ 14 พ.ค.2566 ให้พรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล ได้เสียงรวมกัน 24 ล้านเสียง เพียงแต่ติดเงื่อนไขดีลลับ เพื่อให้ผู้นำจิตวิญญาณเพื่อไทยได้กลับประเทศ จนกระทั่งค่ายแดงต้องฉีกเอ็มโอยูค่ายส้ม จัดตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว จนถูกมองว่าเป็น ดีลสัญญาปีศาจ กับฝ่ายอนุรักษนิยมเก่า

ลุ้นดีลลึก ‘แดง’ ผสม ‘ส้ม’ ปฏิญญายุบสภา สกัด ‘ก๊กน้ำเงิน’

มาถึงพ.ศ.นี้ ใครจะคาดคิดว่า จะเกิด"ปฏิญญายุบสภาฯ 4 เดือน" หลังตั้งรัฐบาลในปี 2568 ซึ่งค่ายแดงต้องหันมาขอคะแนนเสียงจากค่ายส้ม

สูตรแดงขอเสียงส้มผสม ตั้งรัฐบาลใหม่ ทำให้นึกถึงเสียงจาก สส.ปีกเสื้อแดงในพรรคเพื่อไทย ซึ่งเคยเสนอถึงฉากทัศน์การเมืองไทยหลังการเลือกตั้งครั้งหน้าว่า "แดงกับส้มพร้อมผสมพันธุ์จัดตั้งรัฐบาล" กันได้ เพราะเป็นการเมืองเฉดสีเดียวกัน

แม้ภายใต้อำนาจ “รัฐพันลึก” ที่ยังครอบงำการเมืองไทยได้อยู่ อาจไม่ใช่เรื่องง่ายที่ “ประชาชน-เพื่อไทย” จะได้จัดตั้งรัฐบาลร่วมกัน แต่การเมืองไทย อะไรก็เกิดขึ้นได้

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์