ทภ.2เกาะติด ความเคลื่อนไหวทหารกัมพูชา พร้อมตอบโต้ตามสถานการณ์

ทภ.2เกาะติด ความเคลื่อนไหวทหารกัมพูชา  พร้อมตอบโต้ตามสถานการณ์

ทภ.2 เกาะติด ความเคลื่อนไหวทหารกัมพูชา พร้อมตอบโต้ตามสถานการณ์ พบโดรนที่ช่องบก ยันไทยไม่มีอาวุธเคมี เชื่อ ฝ่ายตรงข้ามบิดเบือน หวังผลการเมืองภายใน

30 ส.ค. ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ขอแถลงสถานการณ์การตามแนวชายแดน ไทย-กัมพูชา โดยมีรายละเอียด ดังนี้

สถานการณ์ไทย-กัมพูชา โดยรวม มีการตรวจพบความเคลื่อนไหว ของทหารฝ่ายกัมพูชาโดยเจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบโดรนบริเวณพื้นที่ ช่องบก 1 ลำ และ อยู่ระหว่างการติดตามความเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้ามอย่างใกล้ชิด กองกำลังทั้ง 2 ฝ่าย ยังคงวางกำลังตามแนวที่มั่น ของตนเอง ฝ่ายไทย จัดกำลังพลประจำจุดเฝ้าตรวจตามเหตุการณ์ เพื่อติดตามความเคลื่อนไหว  ของฝ่ายตรงข้าม และเตรียมความพร้อมในการปฏิบัติตอบโต้ตามสถานการณ์

ส่วนกรณีข้อกล่าวหาฝ่ายกัมพูชาต่อการใช้สารพิษของฝ่ายไทย ตามที่ปรากฏข่าวสารในสื่อออนไลน์ของกัมพูชา มีการเผยแพร่ภาพทหารกัมพูชาสวมใส่หน้ากากป้องกันสารพิษ พร้อมกล่าวอ้างว่ากองทัพไทยอาจมีการใช้อาวุธเคมีและสารพิษในการปฏิบัติการ ทางทหารนั้น กองทัพภาคที่ 2 ขอเรียนชี้แจงอย่างชัดเจนว่า ข้อกล่าวหาดังกล่าว ไม่เป็นความจริง ฝ่ายไทย ไม่เคยมีนโยบาย และไม่มีความจำเป็นต้องใช้อาวุธเคมีหรือแก๊สพิษ ในการปฏิบัติการทางทหารแต่อย่างใด การนำเสนอข้อมูลดังกล่าวเป็นเพียงการบิดเบือนข้อเท็จจริง ซึ่งอาจมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความหวาดกลัวแก่ประชาชนภายในประเทศกัมพูชาเอง

ทั้งนี้ประเทศไทยยึดมั่นอย่างเคร่งครัดต่อพันธกรณีตาม อนุสัญญาว่าด้วยการห้ามอาวุธเคมี (Chemical Weapons Convention - CWC) และ ไม่เคยมีการพัฒนา ผลิต ครอบครอง หรือใช้อาวุธเคมีในทุกกรณี อีกทั้ง ยังให้ความสำคัญต่อหลักมนุษยธรรมและการปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่อง

องทัพภาคที่ 2 ขอให้ประชาชนทุกฝ่ายมั่นใจว่า ประเทศไทยดำเนินการด้วยความโปร่งใส ยึดหลักสันติวิธี และพร้อมให้ความร่วมมือกับประชาคมระหว่างประเทศอย่างเต็มที่ เพื่อธำรงไว้ซึ่งความมั่นคง ความปลอดภัย และสันติภาพในภูมิภาค 

ทั้งนี้ข้อกล่าวหา  ที่ฝ่ายกัมพูชานำมาเผยแพร่ต่อสาธารณชนนั้น เป็น ข่าวเท็จและเป็นเพียงกลยุทธ์เพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองภายในประเทศตนเอง  มิได้มีข้อเท็จจริงใด ๆ เกี่ยวข้องกับนโยบายหรือการปฏิบัติการของฝ่ายไทย

การดูแลผู้อพยพ อำนวยความสะดวกประชาชนจากพื้นที่เสี่ยงภัย ไปยังพื้นที่รวบรวมพลเรือน 7 ศูนย์ ในพื้นที่ จ.อุบลราชธานี 3 ศูนย์ 100 คน และในพื้นที่ จ.สุรินทร์ 4 ศูนย์ 501 คน ปัจจุบันมียอด 601 คน เนื่องจาก มีความวิตกกังวล ทั้งนี้ทางฝ่ายปกครอง ได้จัดชุดรักษา ความปลอดภัยหมู่บ้าน เข้าดูแลพื้นที่บ้านเรือนของพี่น้องประชาชนอย่างต่อเนื่อง

การดำเนินงานด้านจิตอาสา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ นายชำนาญ ชื่นตา ผวจ.สุรินทร์ นำแจกันดอกไม้ และกระเช้าสิ่งของพระราชทานไปมอบแก่กำลังพล 4 นาย ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ความไม่สงบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาในพื้นที่ จว.สุรินทร์ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ แสดงถึงความห่วงใยของพระองค์ต่อกำลังพล ขณะนี้กำลังพล    อยู่ในระหว่างการรักษาตัวได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด จากทีมแพทย์ พยาบาล ของโรงพยาบาลปราสาท อ.ปราสาท และโรงพยาบาลสุรินทร์ อ.เมืองสุรินทร์ จว.สุรินทร์

ศอ.จอส.พระราชทาน มทบ.25, ศอ.จอส.พระราชทาน จว.สุรินทร์ และ ศอ.จอส.พระราชทาน จว.อุบลราชธานี จิตอาสา 904 พร้อมด้วย จิตอาสาพระราชทาน เยี่ยมศูนย์พักพิงชั่วคราว และได้มอบสิ่งของเครื่องอุปโภค-บริโภค อาหาร น้ำดื่ม ให้กับประชาชน, ผู้สูงอายุ, ผู้ป่วย และเด็ก ณ ศูนย์พักพิงชั่วคราว จว.สุรินทร์ และ จว.อุบลราชธานี อย่างต่อเนื่อง

ทภ.2เกาะติด ความเคลื่อนไหวทหารกัมพูชา  พร้อมตอบโต้ตามสถานการณ์