แกนนำคณะก้าวหน้าเบรก ปชน.หนุน 'ภท.-พท.' ระวังถูกหักหลัง

แกนนำคณะก้าวหน้าเบรก ปชน.หนุน 'ภท.-พท.' ระวังถูกหักหลัง

'เยาวลักษณ์' แกนนำคณะก้าวหน้าเบรก ปชน. ยกมือ 'อนุทิน-เพื่อไทย' เตือนสุดท้ายระวังถูกหักหลัง-กลืนกิน เปรียบช่วยพายเรือให้โจรนั่ง ไม่การันตีว่าจะถึงฝั่งปลอดภัย

KEY

POINTS

  • นางสาวเยาวลักษณ์ วงษ์ประภารัตน์ แกนนำคณะก้าวหน้า เตือนฝ่ายประชาชนอย่าสนับสนุนพรรคภูมิใจไทยและเพื่อไทย โดยระบุว่ามีความเสี่ยงที่จะถูกหักหลังเหมือนในอดีต
  • ชี้ว่าการสนับสนุนพรรคดังกล่าวเปรียบเสมือนการเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของระบบการเมืองที่บิดเบี้ยวและไม่ยุติธรรม ซึ่งท้ายที่สุดฝ่ายก้าวหน้าจะถูกกลืนกิน
  • มองว่าการร่วมมือเพื่อป้องกันไม่ให้ขั้วอำนาจเก่ากลับมาเป็นเพียงการเมืองระยะสั้น และไม่ใช่ทางออกที่แท้จริงของประเทศ
  • เสนอให้ฝ่ายก้าวหน้า "ไม่เข้าร่วม" เกมการเมืองเดิม เพื่อยืนหยัดในหลักการและไม่เล่นตามกติกาที่ออกแบบมาให้พ่ายแพ้

เมื่อวันที่ 30 ส.ค. 2568 นางสาวเยาวลักษณ์ วงษ์ประภารัตน์ กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ขอแสดงความเห็นส่วนตัวในสถานการณ์การเมืองตอนนี้ การเลือกที่จะรีบยกมือ รีบประคอง เพื่อปิดทางไม่ให้ขั้วเก่ากลับมา ในมุมมองของดิฉัน การทำแบบนั้นไม่ต่างอะไรกับการเข้าไปซ่อมระบบที่บิดเบี้ยวตั้งแต่ต้น สุดท้ายเราอาจจะถูกกลืน ถูกหักหลัง เหมือนที่เคยเจ็บ เคยจำกันมาแล้วหลายครั้ง หลายคนอาจมองว่า ถ้าเราไม่ร่วมมือ ไม่ยกมือสนับสนุนใคร  กลไกเก่า (ทหาร–ตุลาการ–เครือข่ายอนุรักษ์) อาจหาทางดัน “พลเอกประยุทธ์” หรือขั้วทหารกลับมาอีก ดิฉันเข้าใจเหตุผลนั้น แต่มันเป็นการเมืองที่มองสั้น ๆ แค่ “กันไม่ให้คนที่เราไม่ชอบกลับมา”

นางสาวเยาวลักษณ์ ระบุว่า ในมุมของดิฉัน สิ่งที่ลึกกว่านั้นคือ

1.การยกมือให้อนุทิน หรือเพื่อไทย ก็คือการเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการที่ไม่ยุติธรรมอยู่ดี

2.เราเจ็บแล้วต้อง  พรรคประชาชน/ฝ่ายก้าวหน้าเคยถูกหลอกมาแล้วหลายครั้ง ทั้งสัญญาในสภา นอกสภาที่ไม่เคยทำจริง ยังไม่นับรวมการยุบพรรค ถูกตัดสิทธิ ดังนั้น การ “ไม่เข้าร่วม” สำหรับดิฉัน คือการดึงตัวเองออกจากเกมเดิม ไม่เล่นตามกติกาที่ถูกวางมาเพื่อให้เราต้องแพ้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง การ “ไม่เข้าร่วม” ไม่ว่าจะด้วยยุทธศาสตร์ใดหรือกับฝั่งใด คือการยืนหยัดให้ชัดว่า “เราจะไม่ยอมเป็นส่วนหนึ่งของเกมที่เขาออกแบบมาเพื่อให้เราแพ้อยู่เสมอ”

นางสาวเยาวลักษณ์ ระบุด้วยว่า ดังนั้นปล่อยให้กลไกมันทำงานไปตามสภาพที่มันเป็น ระบบจะเปิดโปงตัวเองว่าไม่ใช่คำตอบ เพื่อให้สังคมได้เห็นเองว่านี่ไม่ใช่ทางออกของประเทศที่แท้จริง และตอกย้ำว่ากลไกอำนาจ (ตุลาการ, สถาบัน) มีอิทธิพลเกินกว่าการเลือกตั้งจริง จริงอยู่ที่ รธน.ใหม่ เป็นเรื่องสำคัญ แต่ยังเป็นการเคลื่อนไหวในกรอบการเมืองสถาบันที่มีข้อจำกัดมากอย่างที่เราทราบ การสร้างฐานรากจากภาคประชาชนเป็นสิ่งที่อาจเป็นไปได้มากกว่า (แม้ต้องใช้เวลาหรือถูกกลไกกดกัน) แต่ถ้าโครงสร้างมันบิดเบี้ยวมาตั้งแต่แรก ต่อให้เราช่วยพายเรือให้โจรนั่ง เราก็ไม่ได้ไปถึงฝั่งที่ปลอดภัยอยู่ดี สุดท้ายเราจะกลายเป็นเหยื่อของเกมนั้น