'ใบปอ' ร่ำไห้กลางศาล โดนคุก 4 ปีคดี ม.112 ยื่นประกันอุทธรณ์สู้ต่อ

'ใบปอ ทะลุวัง' ร่ำไห้กลางศาล ถูกพิพากษาจำคุก 6 ปี คดี ม.112 ไม่รอลงอาญา แต่ศาลเมตตาเห็นว่าเป็นนักศึกษา-เคยบริจาคอวัยะ ลดโทษให้เหลือ 4 ปี ด้านทนายยื่นประกัน อุทธรณ์สู้
KEY
POINTS
- ศาลอาญาพิพากษาจำคุก "ใบปอ ทะลุวัง" 4 ปี ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 จากการแชร์โพสต์วิจารณ์งบประมาณสถาบันกษัตริย์
- ศาลลดโทษจาก 6 ปี เหลือ 4 ปี เนื่องจากให้การเป็นประโยชน์และเป็นนักศึกษา แต่ไม่รอลงอาญา
- "ใบปอ" ร้องไห้หลังฟังคำพิพากษา โดยทนายความได้เตรียมยื่นหลักทรัพย์เพื่อขอประกันตัวสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ต่อไป
เมื่อวันที่ 29 ส.ค. 2568 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.1691/2565 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 7 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง น.ส.ณัฐนิจ ดวงมุกสิทธิ์ หรือ "ใบปอ" และ น.ส.สุพิชฌาย์ ชัยลอม หรือ "เมนู" แกนนำ "กลุ่มทะลุวัง" แนวร่วมม็อบราษฎร ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1 - 2 ในความผิดฐานดูหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ พ.ศ.2550 มาตรา 14 (5)
กรณีเมื่อระหว่างวันที่ 30 - 31 มี.ค. 2565 จำเลยทั้งสองได้หมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์ ด้วยการเผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ โดยการแชร์โพสต์ของเพจเฟซบุ๊ก "ทะลุวัง ThaluWang" ซึ่งมีภาพพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบรมวงศานุวงศ์และข้อความวิจารณ์งบประมาณสถาบันกษัตริย์ในปี 2565 ทําให้เสื่อมเสียพระเกียรติ ถูกดูหมิ่น เกลียดชัง เป็นการบิดเบือนข้อมูล โดยมีเจตนาแสดงความอาฆาตมาดร้าย และทําลายสถาบันกษัตริย์ ทั้งนี้จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธต่อสู้ และได้รับการประกันตัว
วันนี้ น.ส.ณัฐนิจ ได้เดินทางเข้ามาฟังคำพิพากษาเพียงคนเดียว ส่วน น.ส.สุพิชฌาย์ จำเลยที่ 2 หลบหนีระหว่างการพิจารณาคดี ซึ่งศาลได้ออกหมายจับและปรับนายประกันก่อนหน้านี้แล้ว
จำเลยที่ 1 ให้การปฏิเสธ อ้างว่า ไม่ใช่บุคคลในเฟซบุ๊กแฟนเพจทะลุวัง โดยมีบุคคลอื่นที่เป็นแอดมิน เพจใช้เฟซบุ๊กของจำเลยแทนตนเอง เพราะตนเองไม่ชอบเล่นเฟซบุ๊ก เนื่องจากไม่ปลอดภัย
ศาลพิเคราะห์เบิกความและพยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายที่นำสืบหักล้างแล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า จากการตรวจสอบพยานหลักฐานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ พบโน้ตบุ๊คอยู่ในห้องของจำเลยทั้งสอง มีประวัติการใช้งานบัญชีเฟซบุ๊ก ใบปอ ณัฐนิจ จำเลยที่ 1 และเพจทะลุวัง ทำให้น่าเชื่อว่า จำเลยที่ 1 รู้เห็นการใช้งานและนำภาพและข้อความที่ระบุเกี่ยวกับการใช้งบประมาณจากภาษีประชาชนกว่า 3 หมื่นล้านบาทมาใช้ เป็นการบิดเบือนจาบจ้วงและให้ร้ายสร้างความเสื่อมเสียต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ กระทบความมั่นคงของชาติ
พยานหลักฐานโจทก์นำสืบมีน้ำหนักน่าเชื่อถือ โดยปราศจากข้อน่าสงสัย ข้อต่อสู้จำเลยฟังไม่ขึ้น การกระทำของจำเลยเป็นความผิดกรรมเดียว ผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 อันเป็นบทลงโทษหนักสุด พิพากษาจำคุกจำเลยที่ 1 กระทงละ 3 ปี รวม 2 กระทง เป็นจำคุกจำเลยที่ 1 ไว้ 6 ปี อย่างไรก็ตาม จำเลยที่ 1 ให้การเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาบ้าง ทั้งยังเป็นนักศึกษา และทำความดีต่อสังคมด้วยการจะบริจาคอวัยวะ เป็นการบรรเทาผลร้ายจึงลดโทษให้ 1 ใน 3 เป็นจำคุกจำเลยที่ 1 กระทงละ 2 ปี คงจำคุกจำเลยที่ 1 ไว้ 4 ปี ไม่รอลงอาญา
ในการฟังคำพิพากษาวันนี้มีแนวร่วมกลุ่มทะลุวังเข้ามาให้กำลังใจ และร่วมรับฟังการพิพากษาประมาณ 20 คนรวมทั้งบิดา มารดา ของ น.ส.ณัฐนิจ ด้วย หลังจากทราบผลคำพิพากษา น.ส.ณัฐนิจ ถึงกับร้องไห้ และโผเข้ากอดครอบครัวของตนเอง โดยมีแนวร่วมกลุ่มทะลุวังยืนปลอบและให้กำลังใจ
ด้าน นายกฤฎางค์ นุตจรัส ทนายความ เปิดเผยว่า ได้เตรียมคำร้องและหลักทรัพย์ขอปล่อยชั่วคราว น.ส.ณัฐนิจ ในชั้นอุทธรณ์คดีไว้แล้ว







