'บิ๊กเต่า' โวย โยกย้าย ตร. 'เด็กผู้มีอำนาจ' เพียบ ขู่ร้อง ม.157 จี้ 'ก.ตร.'ทบทวน

'บิ๊กเต่า' ร้อง กมธ.ตำรวจ สอบปมโยกย้าย ตร.ไม่เป็นธรรม หลังพบ 'คนใกล้ชิด' ผู้มีอำนาจเข้าวินเพียบ แถมล้มผลประเมิน จี้ 'ก.ตร.'ทบทวน พร้อมขู่ร้องเอาผิด ม.157
ที่รัฐสภา "บิ๊กเต่า" พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) ยื่นหนังสือร้องเรียน ถึง น.ส.สุณัฐชา โล่สถาพรพิพิธ สส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร กรณีไม่ได้รับความเป็นธรรมกับการแต่งตั้งโยกย้ายประจำปี 2568
โดยพล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า เรื่องนี้ได้มีการร้องไปยังนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย รักษาการแทนนายกรัฐมนตรี แต่การมายื่น กมธ.ถือเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนกระบวนการโยกย้ายตำรวจให้ขับเคลื่อนไปในแนวทางที่ถูกต้องชอบธรรม การมาวันนี้ไม่ได้มีเจตนาที่จะมาสร้างความแตกแยกในสำนักงานตำรวจแห่งชาติแต่มองว่าเราน่าจะเป็นตัวแทนของผู้ที่ได้รับสิทธิอีกหลายๆ คนในการถูกลิดรอนสิทธิ ซึ่งตนไม่ได้มาร้องเพื่อตนเองแต่มาร้องเพื่อให้ คณะกรรมการ ก.ตร. ต้องกลับไปทบทวนแนวความคิด
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ยังกล่าวว่า ต้องยอมรับว่าก่อนหน้านี้ที่ยังไม่มีพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 กระบวนจะใช้ระบบดุลยพินิจเป็นหลัก แต่เมื่อมีพ.ร.บ.แล้วกระบวนการก็ต้องกลับเข้าสู่โหมดการดำเนินการตามกฎหมาย เพื่อให้เป็นคุณเป็นธรรมต่อผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่ โดยกำนดคุณสมบัติอาวุโสไว้ 50% และอีก 50%ให้คิดลำดับอาวุโสบวกความรู้ความสามารถ โดยมีเจตนารมณ์เพื่อเป็นขวัญกำลังใจต่อผู้ทำงานตามความรู้ความสามารถ
ทั้งนี้การเลือกปฏิบัติ โดยที่บ่งบอกว่าไปใช้ดุลยพินิจจึงอาจเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ตนในฐานะที่ดูแลงานทุจริตเคยเป็นผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริต และประพฤติมิชอบ และดูแลงานทุจริตอย่างต่อเนื่องมองว่าการกระทำที่เกิดขึ้นมีความหมิ่นเหม่ต่อข้อกฎหมาย
"ถ้าไปพิจารณาถึงผลลัพธ์ที่ได้ออกมา การยื่นออกมาเรารู้แล้วว่าผลลัพธ์ได้กับคนใกล้ตัวผู้มีอำนาจ และไม่มีผลการปฏิบัติอย่างแท้จริง เรารู้ เราทำงานด้วยกันมารู้ว่าใครเป็นอย่างไรใครขาว ใครเทา ใครดำ สิ่งหรือที่สภาฯ รวมถึง กมธ.จะทำได้คือ การให้ความเป็นธรรมกับทุกคนทุกภาคส่วนด้วยความเสมอภาค เพราะกฎหมายต้องการที่จะเห็นตำรวจตั้งใจทำงานให้พี่น้องประชาชนได้รับความยุติธรรมได้รับสิ่งที่ผู้บังคับบัญชาด้านบนได้มอบให้ตำรวจ และได้มอบให้ประชาชนถ้ายังกลับเป็นระบบอุปถัมภ์แม้พ.ร.บ.ประกาศใช้แล้วมันจะนำมาซึ่งความเสื่อมการที่มีการชะลอคำสั่งตามพ.ร.บ.ฉบับนี้ และไม่เอาผลการปฏิบัติงานมาบังคับใช้จะทำให้ตำรวจเสียขวัญ และกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่"
เมื่อถามว่า ได้สอบถามเหตุผลไปยังผู้บังคับบัญชาถึงกรณีไม่ปรากฏชื่อแต่งตั้ง หรือการมายื่น กมธ.ในครั้งนี้เป็นเพราะไม่เชื่อมั่นในกระบวนการแต่งตั้งใช่หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ก่อนที่จะดำเนินการอะไรทุกอย่าง เราได้เห็นข้อมูลจากบอร์ดกลั่นกรองชุดเล็กมาแล้วว่า คนที่ได้รับแต่งตั้งเป็นคนใกล้ชิดของผู้มีอำนาจ ก่อนที่จะมีการประชุม ก.ตร. 3 วัน ซึ่งจากการพิจารณาพบว่าไม่ใช่บุคคลที่มีความรู้ความสามารถ
โดยมีหลายคนที่ไม่กล้าที่จะออกมาร้องเรียนในเรื่องดังกล่าว แต่ตนจะขอเป็นหนังหน้าไฟเพื่อสู้กับกรณีดังกล่าว เพื่อความถูกต้องเป็นธรรมต่อไป
กรณีดังกล่าวมีขั้นตอนการทำประชาพิจารณ์ โดยเรียกหัวหน้าหน่วยงานมาประชุมซึ่งได้ข้อสรุปว่า ให้ใช้การประเมินก่อนจะมีการเสนอไปยัง ผบ.ตร. จากนั้นจึงให้กำลังพลทำแบบฟอร์มการประเมินประมาณวันที่ 10ก.ค.68 แต่ปรากฏว่าวันที่ 21 ก.ค.68 สำนักงานกำลังพลกลับมีคำสั่งให้ชะลอการประเมินดังกล่าวออกไปส่อไปถึงเจตนาที่ไม่ควรจะเป็น อีกทั้งรายชื่อที่ออกมาล้วนเป็นคนใกล้ตัวผู้มีอำนาจทั้งสิ้น จึงเป็นเรื่องที่ต้องไปพิจารณาในประเด็นความเป็นธรรม และหวังว่าในการประชุม ก.ตร.ชุดใหญ่จะให้ความเป็นธรรมต่อไป
เมื่อถามว่า หากที่สุดคำสั่งออกมาเป็นไปตามโผจะร้องต่อศาลปกครองหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า เรื่องนี้เอาไว้ทีหลังตนดูในเรื่องของการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่(ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา157) ด้วยซ้ำ เรื่องนี้ต้องดูผลสัมฤทธิ์หลังรายชื่อออกมา
ด้าน น.ส.สุณัฐชา กล่าวว่า ในเรื่องนี้มีหนังสือร้องเรียนมายัง กมธ.บ่อยครั้งทั้งภาคประชาชน และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่คิดว่าตนเองไม่ได้รับความเป็นธรรม ทั้งนี้อำนาจของ กมธ.มีอำนาจในการติดตามปัญหาโดยใช้กลไกสภาฯ เป็นส่วนหนึ่งในการปฏิรูปวงการตำรวจเพื่อให้เกิดความชอบธรรม
อย่างไรก็ดีในการประชุม กมธ.ตำรวจเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา กมธ.ได้รับทราบปัญหาจึงได้มีมตินำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาในการประชุมนัดถัดไป โดย กมธ.ยังมีมติให้ออกหนังสือเชิญ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) รวมถึงผู้มีส่วนเกี่ยวเพื่อเข้าชี้แจงในการประชุมนัดถัดไปในวันที่ 4 ก.ย.68 ต่อไป
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







