สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน ยื่นข้อเสนอใช้หลักสิทธิมนุษยชนแก้ข้อพิพาทไทย-กัมพูชา

สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน ยื่นข้อเสนอใช้หลักสิทธิมนุษยชนแก้ข้อพิพาทไทย-กัมพูชา

สมาคมสิทธิเสรีภาพประชาชน ยื่นข้อเสนอต่อรัฐบาลแสดงจุดยืนต่อประเด็นข้อพิพาทไทย–กัมพูชา ย้ำต้องใช้สันติวิธี ยึดหลักสิทธิมนุษยชนและกฎหมายระหว่างประเทศ

KEY

POINTS

  • สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน (สสส.) ยื่นข้อเสนอต่อรัฐบาลเพื่อใช้หลักสิทธิมนุษยชนและสันติวิธีในการแก้ไขปัญหาข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา
  • ข้อเสนอยืนยันให้แก้ปัญหาโดยเคารพกฎหมายระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชนและมนุษยธรรม เพื่อสร้างสันติภาพที่ยั่งยืนและความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองประเทศ
  • มีข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย 3 ระยะ (สั้น กลาง ยาว) ครอบคลุมการถอนกำลังทหาร การใช้คณะกรรมาธิการร่วมด้านเขตแดน และการบริหารจัดการแรงงานข้ามชาติ

เมื่อเวลา 10.00 น. นายศราวุฒิ ประทุมราช ประธานสมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน (สสส.) พร้อมด้วย  นางสาวเบญจพร บัวสำลี, นายณัฐวัฒน์ กฤตยานวัช กรรมการ และนายอนุชา วินทะไชย ผู้จัดการฯ เป็นตัวแทน สสส.ยื่นข้อเสนอเอกสารแสดงจุดยืนต่อประเด็นข้อพิพาทไทย–กัมพูชา ต่อพล.ต.ต.สุรสิทธิ์ สังขพงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในนามตัวแทนนายกรัฐมนตรี ณ ห้องประชุมศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์ 1111 ทำเนียบรัฐบาล

 สสส.  ยืนยันว่าการแก้ไขข้อพิพาทแนวชายแดนไทย–กัมพูชาควรดำเนินการด้วยสันติวิธี เคารพหลักกฎหมายระหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิมนุษยชนและหลักกฎหมายระหว่างประเทศด้านมนุษยธรรมและอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น อนุสัญญาออตตาวา การสร้างความร่วมมือและความไว้วางใจซึ่งกันและกันจะนำไปสู่สันติภาพ ที่ยั่งยืน และส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศและความเข้มแข็งของประชาคมอาเซียน 

จึงจำเป็นต้องอาศัยเจตจำนงทางการเมืองที่เข้มแข็งและความร่วมมืออย่างจริงใจจากทั้งสองฝ่าย การยึดมั่น ในหลักการเจรจาสันติวิธี ควบคู่ไปกับการส่งเสริมความร่วมมือทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม จะเป็นรากฐานที่มั่นคงในการสร้างสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองร่วมกันในภูมิภาค ซึ่ง สสส.มีข้อเสนอเป็น 3 ระยะ คือ

1.ระยะสั้น มีข้อเสนอ 8 ข้อ เช่น ให้รัฐบาลไทยเรียกร้องต่อรัฐบาลกัมพูชาดำเนินการทันที กรณี การรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างหรือโครงสร้างถาวรในเขตพื้นที่พิพาท  ให้ทหารทั้งสองฝ่ายถอนกำลังออกจากแนวพื้นที่พิพาท กลับสู่ที่ตั้งก่อนการปะทะกันด้วยอาวุธ เพื่อป้องกันการยั่วยุ และเสี่ยงต่อการเกิดความไม่เข้าใจกันและใช้ความรุนแรงโดยไม่ตั้งใจ ขอให้ทางการไทยและกัมพูชางดเว้นการใช้วาทกรรมทางการเมืองหรือสื่อของรัฐ รวมทั้งดูแลสื่อโชเชียลและสื่อทางเลือกอื่นๆ ไม่ให้แพร่ข่าวหรือข้อมูลเท็จ (Fake News) หรือข่าวสารที่อาจก่อให้เกิดความเกลียดชัง (Hate Speech) โดยเฉพาะความเกลียดชังทางเชื้อชาติ หรือความเข้าใจผิดในหมู่ประชาชนทั้งสองประเทศ ให้รัฐบาลกัมพูชา ชดใช้ความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อชีวิตและทรัพย์สินของพลเรือน โรงพยาบาลและสิ่งปลูกสร้างของไทยที่มิใช่เป้าหมายในการใช้อาวุธตามหลักกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ เป็นต้น

2 ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย ระยะกลาง เช่น เสนอให้มีการใช้คณะกรรมาธิการร่วมด้านเขตแดนไทย -กัมพูชาเป็นหลักในการระงับข้อพิพาททางด้านเขตแดน โดยคณะกรรมาธิการประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายนักวิชาการ และเจ้าหน้าที่เทคนิค เพื่อร่วมกันพิจารณาประเด็นการปักปันเขตแดนที่ยังคงมีข้อถกเถียงอย่างรอบด้านและเสนอหนทางแก้ไขปัญหาอย่างที่มีความยั่งยืน และการส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจและสังคม การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การท่องเที่ยว และการค้าชายแดน เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและลดความเหลื่อมล้ำในพื้นที่

3 ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย ระยะยาว เพื่อให้ความสัมพันธ์ระหว่างไทยและกัมพูชาก้าวข้ามความขัดแย้งในอดีตและมุ่งสู่การเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ที่แข็งแกร่งในอนาคต สสส. ขอเสนอขั้นตอนต่อไปนี้ให้ทั้งสองฝ่ายดำเนินการอย่างเคร่งครัด ด้วยการบริหารจัดการแรงงานข้ามชาติจากกัมพูชาในประเทศไทย การสื่อสารข้อมูลแรงงานให้ถูกต้องกับประชาชนของตน เพื่อป้องกันการเข้าเมืองผิดกฎหมาย

ซึ่งข้อเสนอทั้งหมดนี้ พล.ต.ต.สุรสิทธิ์ สังขพงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รับเอกสารข้อเสนอของ สสส. แล้ว จะได้นำเรียนต่อนายกรัฐมนตรี หน่วยงานความมั่นคง และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องต่อไป

 อ่านรายละเอียดข้อเสนอแนะ ฉบับเต็ม http://ucl.or.th/?p=5197