'ไอติม' สรุปกิจกรรม 'Law Lab' เปิด 4 ปม รื้อองค์กรอิสระใน รธน.

'พริษฐ์' ใช้ กมธ.พัฒนาการเมืองฯ จัด 'Law Lab' แลกเปลี่ยนความเห็นร่างแก้ รธน.เรื่ององค์กรอิสระ ปักธงรัฐสภาเดินหน้าพิจารณารายมาตราได้ คู่ขนานกับการจัดทำ รธน.ฉบับใหม่
KEY
POINTS
- พริษฐ์ วัชรสินธุ สส.ปชน. สรุปกิจกรรม "Law Lab" 4 ประเด็นหลักในการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อปฏิรูปองค์กรอิสระให้ยึดโยงกับประชาชนมากขึ้น
- เสนอแก้ที่มาของผู้ดำรงตำแหน่งให้มาจากการเสนอชื่อหลายช่องทาง และให้การรับรองเป็นการพิจารณาร่วมกันของสองสภา ไม่ผูกขาดโดย สว.
- เสนอคืนสิทธิ์ให้ประชาชนและ สส. สามารถเข้าชื่อเพื่อริเริ่มกระบวนการถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระได้ เพื่อให้เกิดการตรวจสอบ
- เสนอให้ตัดดุลพินิจของประธานรัฐสภาในการส่งเรื่องร้องเรียนกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อป้องกันการสมยอมกันกับฝ่ายรัฐบาล
เมื่อวันที่ 25 ส.ค. 2568 นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) เปิดเผยภายหลัง กมธ.พัฒนาการเมืองฯ สภาผู้แทนราษฎร จัดกิจกรรม "Law Lab" วานนี้ (24 ส.ค.) ว่า ท่ามกลางหลายปัญหาของระบบการเมืองไทยในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา สถาบันทางการเมืองที่ถูกตั้งคำถามมากขึ้นคือ “องค์กรอิสระ” แม้องค์กรอิสระถูกออกแบบมาให้เป็นอิสระจาการถูกครอบงำโดยกลุ่มการเมืองใดการเมืองหนึ่ง แต่นอกจากเป้าหมายดังกล่าวดูจะเป็นจริงน้อยลงเรื่อยๆ องค์กรอิสระกลับถูกมองว่ามีความเป็นอิสระจากประชาชนมากขึ้น - จะปฏิบัติหน้าที่ได้ดีหรือไม่ดีแค่ไหน ประชาชนก็ขาดช่องทางที่เป็นรูปธรรมในการตรวจสอบหรือเรียกร้องความรับผิดรับชอบ
เช่น กกต. จะตรวจสอบการทุจริตเลือกตั้ง หรือคดีโกง สว. ล่าช้าแค่ไหน ประชาชนก็ทำอะไรแทบไม่ได้ ป.ป.ช. จะยังคงปกปิดข้อมูลหรือเดินหน้าใช้งบไปกับการทำ ITA ที่วัดความโปร่งใส่ไม่ได้จริง ประชาชนก็ทำอะไรแทบไม่ได้ สตง. จะยังคงไร้คำตอบและการรับผิดรับชอบต่อกรณีตึก สตง. ถล่มไปอีกนานแค่ไหน ประชาชนก็ทำอะไรแทบไม่ได้
นายพริษฐ์ ระบุว่า เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว ทางพรรคการเมืองและภาคประชาชนจึงกำลังผลักดันร่างแก้ไขรัฐธรรมูญเกี่ยวกับการปฏิรูปองค์กรอิสระและศาลรัฐธรรมนูญรวมกันทั้งหมด 5 ร่าง (4 ร่างที่ยื่นแล้วโดยพรรคประชาชน + 1 ร่างที่อยู่ในขั้นตอนการรวรบม 50,000 รายชื่อ โดยภาคประชาชน)
ทาง กมธ. พัฒนาการเมืองฯ จึงได้จัดกิจกรรม “Law Lab” เพื่อเชิญชวนนักวิชาการ ภาคประชาชน พรรคการเมือง สมาชิกวุฒิสภา หน่วยงานรัฐ สื่อมวลชน และนักศึกษา มาร่วมกันทำความเข้าใจเนื้อหาสาระและความแตกต่างของแต่ละร่าง รวมถึงร่วมวิพากษ์และระดมความเห็นต่อร่างต่างๆ โดยสรุป 4 ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคประชาชนที่เกี่ยวข้องกับองค์กรอิสระ มีเนื้อหาสาระที่ครอบคลุม 4 ประเด็นหลัก
1. ที่มาหลากหลาย - เพิ่มช่องทางในการสรรหา-เสนอชื่อ จากเดิมที่เป็นการเสนอชื่อผ่านคณะกรรมการสรรหาช่องทางเดียว มาเป็นการเสนอชื่อหลายสายจากหลากหลายช่องทาง (เช่น ศาล / สส. รัฐบาล / สส. ฝ่ายค้าน / สว.) เพื่อทำให้เรามีและผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ ที่มีความหลากหลายทางความคิด วิชาชีพ และประสบการณ์
2. ไม่ผูกขาดโดย สว. - เปลี่ยนการคัดเลือกรับรองจากเดิมที่ สว. มีอำนาจชี้ขาด (ต้องได้รับความเห็นชอบจาก 1/2 ของ สว.) มาเป็นการพิจารณาร่วมกันของสองสภา โดยต้องได้รับฉันทามติจากหลายฝ่าย (ต้องได้รับความเห็นชอบจาก 1/2 ของสมาชิกรัฐสภา, 1/2 ของ สส. รัฐบาล, และ 1/2 ของ สส. ฝ่ายค้าน) เพื่อทำให้เรามีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระที่ยึดโยงกับประชาชนและเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย
3. ประชาชนตรวจสอบได้ - คืนสิทธิให้ผู้แทนราษฎร และประชาชน 20,000 คน ในการเข้าชื่อเพื่อริเริ่มกระบวนการพิจารณาถอดถอน ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ ที่ร่ำรวยผิดปกติ ทุจริตต่อหน้าที่ หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ผ่านกลไกขององค์คณะพิจารณาถอดถอนที่มีตัวแทนจากหลายฝ่าย เพื่อทำให้ศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระไม่อยู่เหนือการตรวจสอบ
4. ปิดช่อง รัฐบาล-ป.ป.ช. ฮั้วกัน - ตัดดุลพินิจของประธานรัฐสภาในการตัดสินใจว่าจะส่งเรื่องร้องเรียนกรรมการ ป.ปช. (ที่ประชาชนเข้าชื่อ) ไปที่ประธานศาลฎีกาหรือไม่ โดยเปลี่ยนเป็นกำหนดให้ประธานรัฐสภาเป็นเพียง “ทางผ่าน” / การแก้ไขเช่นนี้ จะช่วยป้องกันการ “ฮั้ว” กันระหว่างรัฐบาลกับ ป.ป.ช. ที่อาจตกลงกันให้ ป.ป.ช. “เกียร์ว่าง” และละเว้นตรวจสอบการทุจริตของนักการเมืองฝ่ายรัฐบาล โดยให้ทางรัฐบาลคุ้มครอง ป.ป.ช. ที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ผ่านการให้ประธานรัฐสภาช่วยปัดตกทุกข้อร้องเรียนต่อ ป.ป.ช.
ปัจจุบัน ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 4 ร่างถูกบรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมรัฐสภาแล้ว รอเพียงแค่การนัดประชุมรัฐสภาเพื่อนำร่างดังกล่าวมาพิจารณาและลงมติ โดยการจัดทำรัฐธรรมนูฉบับใหม่เป็นเป้าหมายที่เราต้องมุ่งสู่ แต่ขั้นตอนถัดไปจะเป็นอย่างไร ขึ้นอยู่กับคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 10 ก.ย. 2568 เกี่ยวกับจำนวนประชามติที่จะต้องจัด
"แต่ก่อนจะถึงวันที่ 10 ก.ย. ผมเห็นว่าเราควรมีการเปิดประชุมรัฐสภาอย่างน้อย 1 ครั้ง เพื่อนำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราทุกฉบับที่เกี่ยวกับองค์กรอิสระ ขึ้นมาพิจารณาและผลักดัน ในลักษณะคู่ขนานและหนุนเสริมกับการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่" นายพริษฐ์ ระบุ
ภาพและข้อมูลจาก: พริษฐ์ วัชรสินธุ - ไอติม - Parit Wacharasindhu







