'ณัฐพงษ์' ไปตรัง เจอโครงการรัฐถูกปล่อยร้างเพียบ เสี่ยงสูญ 2 พันล.

'ณัฐพงษ์' ควง 'ประเสริฐพงษ์' ลงพื้นที่ตรัง ฟังเสียงชาวบ้านสะท้อนปัญหาระบบรัฐไม่เป็นธรรม เจอโครงการรัฐถูกปล่อยทิ้งร้างเพียบ เสี่ยงราชการสูญกว่า 2 พันล้าน
KEY
POINTS
- นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ลงพื้นที่ จ.ตรัง พบโครงการก่อสร้างของรัฐถูกทิ้งร้างกว่า 20 โครงการ ซึ่งอาจก่อให้เกิดความสูญเสียมูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท
- หนึ่งในโครงการที่ถูกยกตัวอย่างคือ ศูนย์ศิลปวัฒนธรรมพระยารัษฎานุประดิษฐ์ ที่ใช้เวลาก่อสร้างมานานกว่า 8 ปี ด้วยงบประมาณราว 400 ล้านบาท และยังไม่แล้วเสร็จ
- ปัญหาหลักเกิดจากระบบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐที่เปิดช่องให้เกิดการทุจริต เช่น การฮั้วประมูล การเรียกรับสินบน และความล่าช้าในการเบิกจ่าย ทำให้ผู้รับเหมาทิ้งงาน
- ปัญหาคอร์รัปชันเชิงระบบเหล่านี้ส่งผลให้ผู้รับเหมาที่สุจริตทำงานได้ยาก และผู้ที่เสียประโยชน์ที่สุดคือประชาชนผู้เป็นเจ้าของภาษี
เมื่อวันที่ 25 ส.ค. 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (24 ส.ค.) นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) เดินทางมาที่ จ.ตรัง พร้อมกับนายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชน. เพื่อเยี่ยมสหกรณ์แปรรูปยาง และติดตามโครงการที่ถูกทิ้งร้างในจังหวัดตรัง เพื่อสอบถามปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินงาน
เริ่มจากสหกรณ์กองทุนสวนยางบ้านหนองครก ซึ่งแปรรูปยางน้ำมาเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่ช่วยเพิ่มมูลค่าได้หลายเท่า เช่น หมอน เตียง เสากันกระแทก หรือแม้กระทั่งหมวกนิรภัย ซึ่งทางสหกรณ์อยากให้ภาครัฐช่วยสนับสนุนการหาตลาดให้ ต่อมา นายณัฐพงษ์ เดินทางมาติดตามปัญหาโครงการก่อสร้างที่ถูกปล่อยทิ้งร้างในจังหวัด ซึ่งจากการเข้าพื้นที่ของ กมธ.ติดตามงบฯ พบว่าจังหวัดตรัง มีโครงการก่อสร้างภาครัฐที่ยังไม่แล้วเสร็จ ซึ่งอาจก่อให้เกิดความสูญเสียกว่า 2,000 ล้านบาท จากกว่า 20 โครงการด้วยกัน
นายณัฐพงษ์ ระบุว่า โครงการที่ได้มาดูงานในวันนี้ คือ โครงการศูนย์ศิลปวัฒนธรรมพระยารัษฎานุประดิษฐ์ ที่ดำเนินการสร้างมากว่า 8 ปี รวมงบประมาณทั้งโครงการประมาณ 400 ล้านบาท ซึ่งเทศบาลนครตรังได้ยืนยันว่า จะเดินหน้าก่อนสร้างจนแล้วเสร็จ และพร้อมเปิดใช้งานภายในปี 2570
ส่วนการก่อสร้างท่าอากาศยานนานาชาติตรัง ทางผู้อำนวยการท่าอากาศยานได้รายงานว่า จะพร้อมเปิดใช้อาคารแห่งใหม่ภายในเดือน ส.ค.นี้ (อย่างช้าที่สุดต้นเดือน ก.ย. 2568) ซึ่งจะดำเนินการก่อสร้างส่วนที่รองรับเที่ยวบินระหว่างประเทศในลำดับถัดไป
นายณัฐพงษ์ ระบุอีกว่า ในส่วนของโครงการอื่น ๆ ได้มีโอกาสหารือกับผู้ที่เกี่ยวข้อง ที่เข้ามาสะท้อนปัญหาให้ฟังว่า ระบบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐในปัจจุบัน มีระเบียบขั้นตอนหลายส่วน ที่อาจเปิดช่องให้เกิดการฮั้ว การกลั่นแกล้ง การกีดกันการแข่งขัน รวมถึงการเรียกรับส่วยสินบนจากเจ้าหน้าที่ ซึ่งทำให้ผู้รับเหมาที่ทำตามกฎระเบียบอยู่ยาก ใครอยากอยู่รอดก็ต้องยอมจ่ายไปตามระบบ ยกตัวอย่าง การอุทธรณ์กลั่นแกล้งโดยบริษัทคู่แข่ง/บริษัทนอมินี เพื่อเรียกรับ “ค่าถอนอุทธรณ์” จากบริษัทผู้ชนะการประมูล ซึ่งมีราคาตลาดอยู่ที่ประมาณ 1% ของมูลค่าโครงการ หรือ “เงินทอนและค่าหล่อลื่น” ให้กับทุกขั้นตอนในการรับงานภาครัฐ ที่มีการประมาณการกันว่าไม่ต่ำกว่า 15-20% ของมูลค่าโครงการเป็นต้น
รวมทั้งความล่าช้าในการเบิกจ่าย หลาย ๆ กรณี ภายหลังการตรวจรับงานผ่านไปแล้ว กว่าผู้รับเหมาจะได้รับค่างวดก็กินเวลาถึง 3-4 เดือนด้วยกัน ทำให้บริษัทรับเหมาที่ไม่มีสายป่านที่ยาวพอ ต้องขาดสภาพคล่อง เกิดการทิ้งงาน หรือไม่ก็ต้องยอมตัดใจ ไม่เข้ามารับงานภาครัฐแต่ต้น
นายณัฐพงษ์ ระบุด้วยว่า สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนเป็นต้นทุนของผู้ประกอบการที่เขาตั้งใจจะรับงานภาครัฐอย่างสุจริต ที่ทำให้บริษัทดี ๆ อยู่ยาก ส่วนคนที่สามารถแข่งขัน และอยู่ได้ในระบบแบบนี้ ก็ต้องเป็นคนที่ยอมเล่นไปตามระบบ ต้องยอมจ่าย ซึ่งสุดท้าย คนที่เสียประโยชน์คือประชาชนผู้เสียภาษีทุกคน เราจำเป็นที่จะต้องมีรัฐบาลที่มีความชอบธรรมสูง ไม่อาศัยแหล่งเงินทุนในระบบแบบนี้ เข้ามาแก้ปัญหานี้ให้กับประชาชน
"หลายคนอาจคิดว่าปัญหานี้ไม่มีใครแก้ได้ แต่ผมเชื่อว่าเราทำได้ หากมุ่งมั่นทำอย่างต่อเนื่องและจริงจัง เริ่มนับหนึ่งให้ถูก ลงมือแก้ไขให้ถูกจุด ไม่ละเว้นคนทำผิด เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ผู้ประกอบการดี ๆ อยู่ได้ ดึงดูดผู้ประกอบการเก่ง ๆ เข้ามาแข่งขันกันรับงานภาครัฐ เพื่อให้ประชาชน ได้รับงาน - บริการภาครัฐที่มีคุณภาพ คุ้มค่ากับเงินภาษีที่จ่ายไปทุกบาททุกสตางค์ครับ" นายณัฐพงษ์ ระบุ
ภาพและข้อมูลจาก: ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ - Natthaphong Ruengpanyawut







