พท.-ปชน.สลับ 9 ‘ปธ.กมธ.’ กลไก‘สร้างผลงาน’ ฟาด‘คู่แข่ง’

ฤดูกาลสลับเก้าอี้ ประธานกมธ. ได้เริ่มขึ้น ตามสัญญาที่ต้องเปลี่ยนกันนั่ง คนละวาระๆ ละ2ปี นัยหนึ่งคือ การสร้างผลงาน อีกด้านคือ เป็นกลไกสกัด-ฟาด "คู่แข่งการเมือง"
KEY
POINTS
- พรรคเพื่อไทย กับ พรรคประชาชนมีการสับเปลี่ยนตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการ หลังจากมีสัญญาใจกัน เปลี่ยน เมื่ออยู่ครบ 2 ปี
- การปรับเปลี่ยนตำแหน่ง นัยหนึ่งคือ เปลี่ยนมือให้ "เพื่อน สส." มีเวทีสร้างผลงาน อีกนัยคือให้ "รางวัล" มัดใจ-ผูกกาย ไม่ให้ปันใจ หลัง "พรรคเพื่อน" พยายามตีท้ายครัว
- ทว่าในสมรภูมิการเมือง กลไกของ "กมธ." ถือเป็นเครื่องมือ ฟาดฟัน "คู่แข่งทางการเมือง" ในช่วงท้ายของ อายุสภาได้เช่นกัน
ถึงฤดูกาลปรับเก้าอี้ใน “กรรมาธิการสามัญ” ของสภาผู้แทนราษฎร หลังจากที่ครบสมัย ในกรอบเวลาและกติกา ที่ตกลงร่วมกัน คือ “สมัยละ 2 ปี” นับจากที่มติของสภาฯ แต่งตั้ง คือ 5 ต.ค.2566
เก้าอี้ที่ขยับปรับเปลี่ยนแล้วตอนนี้ คือ “พรรคประชาชน” จากที่ได้รับโควตาประธานกรรมาธิการ (กมธ.) 9 คณะ พบว่ามีการเปลี่ยนตัวแม่ทัพแล้ว 4 คณะ ได้แก่
กมธ.การทหาร จาก “วิโรจน์ ลักขณาอดิศร” ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรค เป็น “เอกราช อุดมอำนวย” สส.กทม.
กมธ.เกษตรและสหกรณ์ จาก “ศักดินัย นุ่มหนู” สส.ตราด เป็น “ณรงค์เดช อุฬารกุล” สส.บัญชีรายชื่อ
กมธ.พัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน จาก “พริษฐ์ วัชรสินธุ” สส.บัญชีรายชื่อ เป็น “ฉัตร สุภัทรวณิชย์” สส.นครราชสีมา
กมธ.สวัสดิการสังคม จาก “ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์” สส.กทม.เป็น “วรรณวิภา ไม้สน” สส.บัญชีรายชื่อ
ขณะที่ กมธ. 5 คณะ พบว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลง ได้แก่ 2 คณะที่ไม่ขยับ คือ กมธ.การพัฒนาเศรษฐกิจ ยังเป็น “สิทธิพล วิบูลย์ธนากุล” สส.บัญชีรายชื่อ มาตั้งแต่ต้น และ กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ ยังเป็น “รังสิมันต์ โรม” สส.บัญชีรายชื่อ มาตั้งแต่ต้น
ส่วนอีก 3 คณะ เพิ่งถูกสลับเข้ามาทำหน้าที่ได้เพียงปีเศษ ได้แก่ กมธ.ศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ ปัจจุบัน คือ “สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ" สส.บัญชีรายชื่อ ที่มาแทน “ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคประชาชน ที่ปรับบทบาทไปเป็น “ผู้นำฝ่ายค้าน” เมื่อช่วง ส.ค.67
กมธ.การที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ปัจจุบัน ยังเป็น “พูนศักดิ์ จันทร์จำปี” สส.บัญชีรายชื่อ หลังจากที่มารับช่วงต่อ “อภิชาติ ศิริสุนทร” สส.บัญชีรายชื่อ พ้นตำแหน่งสส. เมื่อ ส.ค.2567
กมธ.อุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิจัย และนวัตกรรม ที่ “วาโย อัศวรุ่งเรือง” สส.บัญชีรายชื่อ รับหน้าที่แทน “ฐากร ตัณฑสิทธิ์” สส.บัญชีรายชื่อ ไทยสร้างไทย ที่ขยับฟากไปเป็น “งูเห่า” เมื่อ พ.ย.67 ทำให้ “พรรคประชาชน” ต้องริบโควตาที่เคยแบ่งให้ ฐานะพรรคร่วมฝ่ายค้าน คืน
สำหรับการสลับ “คนที่ถือธงนำ ในกมธ.” ของพรรคประชาชน “พริษฐ์” ได้เฉลยไว้ในวันที่ลาออกว่า เป็นไปตามข้อตกลงของพรรคที่จะสลับ หลังทำหน้าที่ครบวาระ 2 ปี แม้ตำแหน่งนี้จะให้ “อุทธรณ์” เพื่อเป็นต่อไปได้ แต่ด้วยมุมมองที่ว่าควรเปิดโอกาสให้ “เพื่อนสส.” ที่มีความสามารถได้แสดงฝีมือ จึงไม่ขอต่ออายุตัวเอง
สำหรับผลงานของ “กมธ.พัฒนาการเมือง” ที่ผ่านมา คือ การสร้างความตื่นรู้ให้กับสังคม ในแง่พัฒนาการเมือง ทั้ง ข้อเสนอต่อการขับเคลื่อนการแก้รัฐธรรมนูญ คำถามประชามติ รวมถึงรูปแบบของ “สสร.”
นอกจากนั้น ยังมีการเลือกตั้ง บอร์ดประกันสังคม หรือล่าสุด การเปิดโปงงบประมาณของ “สภาฯ” ที่ถูกเบียดบังไปใช้เพื่อหวังผลการเมืองส่วนตัว แทนการทำเพื่อสังคมวงกว้าง เป็นต้น
ขณะที่พรรคเพื่อไทย ที่ได้โควตากมธ. 10 คณะ พบว่าปรับเปลี่ยนไปแล้ว 5 คณะ เริ่มจาก คณะที่ชัดเจนแล้ว คือ
กมธ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ ที่ให้ “ศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์” สส.กาญจนบุรี ทำหน้าที่หัวเรือ แทน “ฉลาด ขามช่วง” สส.ร้อยเอ็ดที่ขยับไปเป็นรองประธานสภาฯ คนที่สอง
ขณะที่ อีก 4 กมธ. ที่ยืนยันถึงการเปลี่ยนตัว ประธานกมธ. แต่รอการประกาศทางการ ได้แก่
กมธ.การเงิน การคลัง สถาบันการเงินและตลาดการเงิน จาก "ณัฐพงษ์ สุปิยศิลป์” สส.น่านป็น “นพพล เหลืองทองนารา” สส.พิษณุโลก
กมธ.สาธารณสุข จาก นพ.ทศพร เสรีรักษ์ สส.แพร่เป็น “นพ.โอชิษฐ์ เกียรติก้องชูชัย” สส.ชัยภูมิ
กมธ.การท่องเที่ยว จาก “เอกธนัช อินทร์รอด”สส.หนองคาย เป็น “ชนก จันทาทอง” สส.หนองคาย
กมธ.ป้องกันปราบปรามการฟอกเงินและยาเสพติด จาก “เลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล” สส.เลยเป็น “ดนุพร ปุณณกันต์” สส.บัญชีรายชื่อ
ส่วนอีก 3 กมธ. ได้แก่ กมธ.ศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม ปัจจุบัน “เทียบจุฑา ขาวขำ” สส.อุดรธานี เป็นประธาน กมธ.คมนาคม มี “ครูมานิตย์ สังข์พุ่ม” สส.สุรินทร์ เป็นประธาน กมธ.กิจการสภาผู้แทนราษฎร ที่มี “ประเสริฐ บุญเรือง” สส.กาฬสินธุ์ เป็นประธาน อยู่ระหว่างหารือถึงการสลับให้บุคคลในโควตา “ภาค” เข้ามาทำหน้าที่ ทั้งนี้คาดว่าสัปดาห์หน้า หลังการประชุมพรรคเพื่อไทยจะมีข้อสรุปที่ชัดเจนว่าจะเปลี่ยนตัวหรือไม่
ทางด้าน 2 กมธ. ประธานกมธ. ทำหน้าที่ยังไม่ครบวาระ 2 ปี คือ กมธ.การต่างประเทศ ที่ปัจจุบัน “สรัสนันท์ อรรณนพพร” สส.ขอนแก่น ทำหน้าที่ แทน “นพดล ปัทมะ” สส.บัญชีรายชื่อ เมื่อช่วงปลายเดือน ส.ค.2567 และ กมธ.สื่อสาร โทรคมนาคม และดิจิทัลเศรษฐกิจเพื่อสังคม ซึ่ง “สยาม หัตถสงเคราะห์” สส.หนองบัวลำพู รับช่วงต่อจาก ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ สส.กทม.ที่ขยับไปรับตำแหน่ง รมช.มหาดไทย เมื่อ ก.ย. 2567
สำหรับการขยับโควตาประธานกมธ.ของพรรคเพื่อไทยครั้งนี้ ส่วนหนึ่งถูกวิเคราะห์กันว่า เพื่อสลับให้ “สส.ตามโควตาภาค” ได้รับรางวัลเพื่อให้ “คงอยู่กับพรรค”ในสมัยหน้า และป้องกันไม่ให้ถูก “เพื่อนแค้นแสนรัก” ตีท้ายครัว
ขณะที่ ผลงานของ “กมธ.ในฝั่งพรรคเพื่อไทย” นั้น ออกทรงไปในทาง “เป็นเกราะ” กันให้กับ “รัฐมนตรี” ในสังกัดของพรรค แม้จะมีการวางประเด็นศึกษา เช่น กมธ.การต่างประเทศ ที่ศึกษาเกี่ยวกับการแบ่งปันผลประโยชน์ทับซ้อนทางทะเล ผ่านอนุกมธ. ทว่าโทนของเรื่อง คือ การสนับสนุนให้รัฐบาลใช้กระบวนการ “พัฒนาร่วม” แทนการแบ่งเขตประโยชน์ที่ชัดเจน
ส่วน “พรรคประชาธิปัตย์” ที่ประจำการประธาน 2 กมธ. พบว่า กมธ.การตำรวจ เพิ่งเปลี่ยน เปลี่ยนให้ “สุณัฐชา โล่สถาพรพิพิธ” สส.ตรัง ทำหน้าที่ประธาน หลังจาก “ชัยชนะ เดชเดโช” สส.นครศรีธรรมราช ที่ขยับไปเป็น รมช.สาธารณสุข ส่วน กมธ.การพาณิชย์และทรัพย์สินทางปัญญา ยังเป็น “ ประมวล พงศ์ถาวรเดช” สส.ประจวบคีรีขันธ์
สำหรับ “กมธ.” ของ “พรรคภูมิใจไทย -พรรคพลังประชารัฐ-พรรครวมไทยสร้างชาติ-พรรคประชาชาติ-พรรคชาติไทยพัฒนา” ไม่พบสัญญาณการเปลี่ยนตัว
กับการทำงานของ “กมธ.” ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ยังคงเป็นไปตามบทบาทและหน้าที่ที่ระเบียบของ “สภาฯ” กำหนดไว้ให้ มีทั้งการทำงานที่โดดเด่น เช่น กมธ.ความมั่นคงฯ ที่เกาะติดประเด็นปัญหาความขัดแย้ง ตั้งแต่ ผู้ลี้ภัย ชาวอุยกูร์ มาถึง การปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา
กมธ.การเมือง ที่สร้างการตื่นรู้ของ การเมืองภาคประชาชน ให้คนในสังคมหลายเรื่อง
กมธ.การทหาร ที่คอยทำบทบาท พิทักษ์ประโยชน์ของ “นายทหารชั้นผู้น้อย” เป็นต้น
ขณะที่ “กมธ.” ในฝั่งที่อยู่ข้างรัฐบาล ยังไม่พบบทบาทในแง่การตรวจสอบอย่างชัดเจน มีเพียงการรับลูกหรือการติดตามงานเพื่อเร่งเครื่องให้ “นโยบาย-ข้อสั่งการ” ของ “รัฐมนตรีในรัฐบาล” ทำงานได้อย่างเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น
สำหรับ วาระท้ายของ “สภาฯ” ชุดที่26 รวมถึงบทบาทของ “กมธ.” หลังจากนี้ต้องจับตาการทำงาน ที่อาจเน้นหนักในเชิงของการฟาดฟันกัน-ตัดตอนกันทางการเมือง
เหมือนช่วงหนึ่งของ “สภาฯ ชุดที่ 25" ที่ “พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ เตมียเวส” หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ใช้กลไกของกมธ.ปราบโกง เป็นเครื่องมือสกัด คู่แข่งของ “สส.เพื่อไทย” ในถิ่นนครพนมมาแล้ว
นอกจากนั้นแล้ว ในบทบาทของกมธ. ที่สามารถทำได้คือ การลงพื้นที่ จัดเวทีตามภูมิภาคต่างๆ หลังจากที่ “งบประมาณฯ 2569” ผ่านเป็นกฎหมาย
ปฏิเสธไม่ได้ว่า ในปีหรือสองปีสุดท้ายของสภาฯ “สส.” ต้องเร่งทำคะแนนมวลชน หากหวังอยากชนะใจและได้กลับมาเป็นผู้แทน ฉะนั้นการใช้บทบาท “สส.” ที่สวมหมวก “กรรมาธิการ” ลงพื้นที่ย่อมสะดวกต่อการปูทางให้ “ประชาชน” เลือก ผ่านการเห็นจาก“โฆษณาชวนเลือก” ที่แฝงมากับเวทีที่จัดขึ้นในภูมิภาคหรือพื้นที่ต่างๆ







