'ภูมิธรรม' เผยไทยเป็นเจ้าภาพประชุม 'รมต.อาเซียน' 8-12 ธ.ค.นี้

'ภูมิธรรม' เผยประเทศไทย เตรียมเป็นเจ้าภาพจัดประชุม 'รมต.อาเซียน' ด้านการพัฒนาชนบท ขจัดความยากจน ครั้งที่ 14 ระหว่าง 8-12 ธ.ค.นี้
KEY
POINTS
- ประเทศไทย โดยกระทรวงมหาดไทย จะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านการพัฒนาชนบทและขจัดความยากจน (AMRDPE) ครั้งที่ 14 ระหว่างวันที่ 8-12 ธันวาคม 2568 ณ กรุงเทพมหานคร
- การเป็นเจ้าภาพครั้งนี้ทำให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยของไทยได้ดำรงตำแหน่งประธานรัฐมนตรีอาเซียนด้านการพัฒนาชนบทและขจัดความยากจนเป็นเวลา 2 ปี
- การประชุมดังกล่าวเป็นโอกาสให้ไทยแสดงบทบาทนำในการผลักดันนโยบายด้านการพัฒนาชนบทและขจัดความยากจน และแลกเปลี่ยนแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศในเวทีอาเซียน
- นอกจากการประชุมระดับรัฐมนตรีแล้ว ยังมีการประชุมที่เกี่ยวข้องอื่นๆ เช่น การประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียน (SOMRDPE) และการประชุมร่วมกับประเทศคู่เจรจา จีน เกาหลี และญี่ปุ่น (+3)
เมื่อวันที่ 23 ส.ค. 2568 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย เปิดเผยถึงภูมิหลังของกรอบความร่วมมืออาเซียนด้านการพัฒนาชนบทและขจัดความยากจน (Rural Development and Poverty Eradication: RDPE) ภายใต้ประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน (ASEAN Socio - Cultural Community: ASCC) ว่า ได้ถือกำเนิดขึ้น ภายหลังจากเกิดวิกฤตทางเศรษฐกิจ เมื่อปี พ.ศ. 2540 ที่ส่งผลกระทบต่อประชากรในภูมิภาค โดยประเทศไทยร่วมกับประเทศสมาชิกอาเซียนได้เห็นพ้องในการจัดตั้งกลไกในการดำเนินงานผ่าน “การทำบันทึกความเข้าใจระดับรัฐมนตรีเกี่ยวกับความร่วมมืออาเซียนด้านการพัฒนาชนบทและขจัดความยากจน” เพื่อร่วมกันแก้ไขและบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นในภูมิภาคร่วมกัน
ในส่วนของประเทศไทย นำโดยกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหน่วยประสานงานหลัก (Focal Point) การขับเคลื่อนกรอบความร่วมมืออาเซียนด้านการพัฒนาชนบทและขจัดความยากจนระดับประเทศของประเทศไทย (SOMRDPE Thailand) มีกำหนดเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านการพัฒนาชนบทและขจัดความยากจน ครั้งที่ 14 (The Fourteenth ASEAN Ministers Meeting on Rural Development and Poverty Eradication: 14th AMRDPE) และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ในปีนี้ (พ.ศ. 2568)
ถือเป็นภารกิจสำคัญและเป็นโอกาสที่ดีของประเทศไทยที่จะได้แสดงบทบาทนำในการผลักดันนโยบายด้านการพัฒนาชนบทและขจัดความยากจน ผ่านกลไกความร่วมมือพหุภาคีในเวทีอาเซียน โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ดำรงตำแหน่งเป็นประธานรัฐมนตรีอาเซียนด้านการพัฒนาชนบทและขจัดความยากจน (AMRDPE Chair) ระยะเวลา 2 ปี และปลัดกระทรวงมหาดไทย ดำรงตำแหน่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนด้านการพัฒนาชนบทและขจัดความยากจน (SOMRDPE Chair) ระยะเวลา 1 ปี ทั้งนี้ ภายใต้กลไกการดำเนินงานตามพันธกรณีระหว่างประเทศร่วมกันของประเทศสมาชิกอาเซียนได้กำหนดให้ประเทศสมาชิกอาเซียนหมุนเวียนกันเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม AMRDPE ทุก 2 ปี และ SOMRDPE ทุก 1 ปี เรียงลำดับตามตัวอักษรชื่อประเทศ
นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า ประเทศไทยมีกำหนดเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมฯ ดังกล่าว ในห้วงวันที่ 8 - 12 ธันวาคม 2568 ณ กรุงเทพมหานคร โดยมีกระทรวงมหาดไทยร่วมกับ สำนักเลขาธิการอาเซียน (ASEAN Secretariat) ทำหน้าที่เป็นฝ่ายเลขานุการในการประชุมฯ
การประชุมดังกล่าวยังประกอบด้วยกิจกรรม และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องที่สำคัญ ได้แก่
1. การประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนด้านการพัฒนาชนบทและขจัดความยากจน ครั้งที่ 22 (22nd ASEAN Ministers Meeting on Rural Development and Poverty Eradication: 22nd SOMRDPE)
2. การเสวนาความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ด้านการพัฒนาชนบทและขจัดความยากจน ครั้งที่ 14 (14th ASEAN PPPP on RDPE)
3. การประชุมเครือข่ายหมู่บ้านอาเซียน ครั้งที่ 3 (3rd AVN)
4. การประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนด้านการพัฒนาชนบทและขจัดความยากจน +3 (จีน เกาหลี และญี่ปุ่น) ครั้งที่ 18 (18th SOMRDPE +3)
5. การลงพื้นที่ศึกษาดูงานชุมชนที่มีแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศของประเทศไทย 6. พิธีมอบรางวัลผู้นำอาเซียนด้านการพัฒนาชนบทและขจัดความยากจน ครั้งที่ 7 (7th ASEAN RDPE Leadership Awards Ceremony)
"ประเทศไทยในฐานะประเทศแกนนำผู้ร่วมก่อตั้งประชาคมอาเซียนและในฐานะประเทศสมาชิกอาเซียนจะได้รับประโยชน์จากการประชุมฯ ในครั้งนี้หลากหลายมิติโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความร่วมมือของประเทศสมาชิกในการกำหนดนโยบายและสร้างกลไกการปฏิบัติในการส่งเสริมให้ประชาชนของประเทศไทยและประเทศสมาชิกมีความอยู่ดี กินดี มีงาน มีอาชีพ มีรายได้ที่มั่นคง สภาพสังคมมีความปลอดภัย ประชาชนพึ่งพาตนเองได้ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน ทั้งยังเป็นโอกาสครั้งสำคัญที่บรรดารัฐมนตรี ปลัดกระทรวง เลขาธิการ กระทรวงที่เกี่ยวข้องในด้านการพัฒนาชนบทและความยากจนจากประเทศสมาชิกอาเซียนรวมถึงจีน เกาหลี และญี่ปุ่น จะได้เรียนรู้แลกเปลี่ยน Best Practice ของประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง" ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ได้รับการสืบสาน รักษา และต่อยอด โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สู่ "หลักอารยเกษตร" ที่ทำให้ประชาชนคนไทยได้รับการพัฒนาให้ใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข" นายภูมิธรรม กล่าว







