ฟรีซชาย 'แดนไทย-กัมพูชา' ‘ทวิภาคี’สะดุดปม รื้อรั้วแลกกู้ระเบิด

ฟรีซชาย 'แดนไทย-กัมพูชา'  ‘ทวิภาคี’สะดุดปม รื้อรั้วแลกกู้ระเบิด

การแก้ไขปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา มีลักษณะวนลูปผ่านเครื่องมือ 3 กลไกทวิภาคี ซึ่งยังไม่ชัดว่าต้องใช้เวลากี่ปีกว่าจะได้ข้อยุติ เพราะไม่ว่าจะแตะพื้นที่ไหนก็เจอแต่ปัญหา

KEY

POINTS

  • 2 สัปดาห์หลังลงนามหยุดยิง ไทยถูกโจมตีด้วยปฏิบัติการสงครามข่าวสารจากกัมพูชาอย่างเป็นระบบ
  • ผลประชุม RBC ใน 3 พื้นที่อาจได้ข้อสรุปไม่ต่างกัน กัมพูชา ปฏิเสธเก็บกู้ทุ่นระเบิด ปรามสแกมเมอร์ ส่วนฝ่ายไทยปฏิเสธ รื้อรั้วลวดหนาม

สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา อยู่ในอาการทรงๆ ท่ามกลางความไม่แน่นอนว่าจะดีขึ้นหรือแย่ลง แม้ทั้งสองประเทศได้ลงนาม 13 ข้อหยุดยิงในเวทีคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ไทย-กัมพูชา ที่ประเทศมาเลเซีย เมื่อ 7 ส.ค.2568

ทว่า การยั่วยุ สร้างเฟกนิวส์ และการคุกคามในรูปแบบต่างๆ ยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่องตลอดชายแดน ท่ามกลางปัญหาเก่าทับถมมาเป็นเวลานาน ก่อให้เกิดปัญหาใหม่ ทั้งการระดมมวลชนชาวกัมพูชา กดดันทหารไทยรื้อรั้วลวดหนาม อ.บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว

พื้นที่ดังกล่าวในอดีตคือศูนย์ลี้ภัยชาวกัมพูชาจากการสู้รบยุคเขมรแดง เมื่อสถานการณ์สงบ มีชาวกัมพูชาบางส่วนไม่ยอมเดินทางกลับเพราะกังวลความปลอดภัย

ในขณะนั้นไทยติดข้อจำกัด เรื่องสิทธิมนุษยชน หากผู้อพยพไม่สมัครใจกลับ ไม่สามารถผลักดันออกไปได้ เช่นเดียว 9 ศูนย์อพยพ ชาวเมียนมาในปัจจุบัน

ปัญหายืดเยื้อจากอดีตถึงปัจจุบันชาวกัมพูชาออกลูกหลาน ขยายบ้านเรือนเพิ่มเติมเกือบ 200 หลังคาเรือน โดยอ้างเป็นเขตอธิปไตยกัมพูชา และอาศัยมากว่า 40 ปีแล้ว ส่วนรัฐบาลกัมพูชาไม่ยอมรับหลักเขตแดนไทย

ช่องอานม้า อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ทหารไทย-ทหารกัมพูชา ยังยันกันอยู่ในพื้นที่ มีการกระทบกระทั่ง หลังทหารกัมพูชาขัดขวางการปฏิบัติของฝ่ายไทย ในการนำคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว ( IOT) ลงพื้นที่ และก่อนหน้านี้ ทหารกัมพูชาลอบเข้ามาตัดรั้วลวดหนามที่ทหารไทยวางไว้

พื้นที่บริเวณนี้ ทหารกัมพูชาละเมิดเอ็มโอยู 43 นำครอบครัวมาอาศัย ตั้งบ้านเรือน ตลาด แต่มีการอพยพคนออกจากพื้นที่ก่อนจะมีการปะทะ และทหารไทยเข้ายึดคืนพื้นที่ได้ในการสู้รบ 5 วัน และไม่ยอมให้ครอบครัวทหารกัมพูชากลับมาใช้พื้นที่

ตลอด 2 สัปดาห์หลังลงนามหยุดยิง ไทยถูกโจมตีด้วยปฏิบัติการสงครามข่าวสารจากกัมพูชาอย่างเป็นระบบ ทั้งการปฏิเสธการวางทุ่นระเบิด กล่าวหาทหารไทยจัดฉาก ทั้งที่ฝ่ายไทยมีหลักฐานชัดเจน

การสร้างเฟกนิวส์ ความเสียหายปราสาทพระวิหารถูกไทยโจมตี การปฏิบัติการทางอากาศในพื้นที่พลเรือนกัมพูชา มีการใช้อาวุธเคมี โดยปรากฎภาพทหารกัมพูชา ใส่หน้ากากป้องกันแก๊สพิษทำให้เกิดความเข้าใจผิด

ทหารไทยและประชาชน 4 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ต้องเผชิญฝูงโดรนไม่ทราบฝ่ายบินเหนือที่ตั้งพื้นที่สำคัญ เช่น ที่ตั้งหน่วยทหาร คลังอาวุธ สนามบิน สถานีขนส่ง ในลักษณะข่มขู่

โดรนในจำนวนนี้ มีบางส่วน ที่กองทัพภาคที่ 2 เชื่อว่า เป็นฝีมือกลุ่มต่างชาติ และกลุ่มคนไทยสูญเสียผลประโยชย์จากสแกมเมอร์ กรณีไทยปิดด่าน โดยอ้างอิงเฟซบุ๊ก ‘สม รังสี’ ผู้นำฝ่ายค้านของกัมพูชาโพสต์ข้อความ 13 ส.ค.2568

 “รายได้จาก อาชญากรสแกมเมอร์ในกัมพูชา ราว 19,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี ในขณะที่ F-16 ใหม่ มีราคา 65 ล้านดอลลาร์ ดังนั้น สามารถซื้อ F-16 ได้ประมาณ 292 ลำ เมื่อเทียบกับ รายได้จากสแกมเมอร์ 19,000 ล้านดอลลาร์”

ในระหว่างไทย ถูกยั่วยุ สร้างเฟกนิวส์ และโดนคุกคาม ในส่วนระดับพื้นที่มีการประชุมทวิภาคี กลไกของคณะกรรมการส่วนภูมิภาคชายแดนไทย-กัมพูชา(RBC) หวังนำ 13 ข้อหยุดยิงไปสู่การปฏิบัติ 

ที่เสร็จสิ้นไปแล้ว คือ พื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ติดกับจ.จันทบุรี-ตราด ประชุมที่โรงแรมบ้านทะเลภู รีสอร์ท อ.คลองใหญ่ จ.ตราด เมื่อ 16 ส.ค.ที่ผ่านมา

ฝ่ายไทย นำโดย พลเรือโท อภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการนาวิกโยธิน และผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันจันทบุรี ตราด (ผบนย.และผบ.กปช.จต.)ฝ่ายกัมพูชามี พลตรีอุย เฮียง ผู้บัญชาการทหารภูมิภาค 3 ในฐานะประธานฝ่ายกัมพูชา

โดยผลการประชุม ไม่มีอะไรคืบหน้า โดยทั้ง 2 ฝ่ายเคารพข้อตกลงหยุดยิง แต่กัมพูชา ยังคงปฏิเสธข้อเสนอฝ่ายไทยเรื่องเก็บกู้ทุ่นระเบิดและปราบปรามแสกมเมอร์ ส่วนไทยปฏิเสธข้อเสนอกัมพูชาเรื่องรื้อรั้วลวดหนามออกจากพื้นที่ทั้งหมด

ส่วนพื้นที่กองทัพภาคที่ 1 ชายแดนไทย-กัมพูชา ติดกับจ.สระแก้ว ต้องจับตาว่าจะเลื่อนหรือไม่ โดยเบื้องต้นนัดประชุมวันที่ 22 ส.ค. มี พลโท อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาคที่1 เป็นประธาน โดยข้อเสนอเรื่องเดียวกับกองทัพเรือ คือ เก็บกู้ทุ่นระเบิดปรามแสกมเมอร์ แต่เพิ่มเติมคือชุมชนกัมพูชาตั้งเขตอธิปไตยของไทย

หลัง พลโท ซอ กึมปะ รองผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 5 เป็นประธานระดับเลขานุการ ยังไม่เดินทางมาร่วมประชุม กำหนดจัดขึ้น สโมสรนายทหาร มณฑลทหารบกที่ 19 จ.สระแก้ว ในเวลา 14.00 น. ตามเวลานัดหมาย โดยแจ้งว่าอยู่ระหว่างจัดทำเอกสารเพิ่มเติมให้มีความพร้อม

จนเวลาล่วงเลยไป 18.00 น.(21ส.ค.)ฝ่ายกัมพูชา ก็ยังไม่เดินทางมาประชุม มีเพียงกองทัพภาคที่ 1 นำโดย พลตรี สุรวิชญ์ แดงจันทร์ เสนาธิการ กองทัพภาคที่ 1 เป็นประธานคณะทำงาน กองเลขานุการฯ ที่ยังรอ

ส่วน พื้นที่กองทัพภาคที่2 จะมีการประชุม 27 ส.ค. มี พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่2 นำทีม โดยหัวข้อเสนอไม่ต่างกับพื้นที่กองทัพเรือ และกองทัพภาคที่ 1 แต่มีเรื่องห้ามเคลื่อนย้ายและเพิ่มเติมกำลัง

โดยคาดการณ์ว่า ผลการประชุม RBC ใน 3 พื้นที่จะได้ข้อสรุปไม่ต่างกัน กัมพูชา ปฏิเสธข้อเสนอฝ่ายไทย เก็บกู้ทุ่นระเบิด ปรามสแกมเมอร์ ส่วนฝ่ายไทยปฏิเสธ รื้อรั้วลวดหนามออกจากพื้นที่ทั้งหมด ตามข้อเสนอฝ่ายกัมพูชา

สำหรับคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว (IOT) ประกอบด้วย ผู้ช่วยทูตทหารประเทศอาเซียน ทยอยลงพื้นที่ฝั่งไทย-กัมพูชา ดูความเสียหาย หลักฐาน และตรวจสอบสองประเทศปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงหรือไม่

ผลการประชุม RBC ไทย-กัมพูชา ใน 3 พื้นที่ จะถูกนำเข้าที่ประชุม GBC ในระดับกระทรวงกลาโหม มีพลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม เป็นประธานฝ่ายไทย และพล.อ.เตีย เซ็ยฮา รองนายกฯ และรมว.กลาโหมกัมพูชา ประมาณเดือน ก.ย.

การเก็บกู้ทุ่นระเบิด การปราบปรามสแกมเมอร์ ยังคงเป็นประเด็นหลัก ฝ่ายไทยเตรียมเสนอในเวทีการประชุม GBC รอบต่อไป หลัง

กัมพูชาไม่ตอบรับข้อเสนอในการประชุมรอบแรกที่มาเลเซีย และเวที RBC

ล่าสุด “จีน”อาสาจะเป็นตัวกลางเจรจากัมพูชา เรื่องการเก็บกู้ทุ่นระเบิด แน่นอนว่า หากโดนกดดันมากๆ กัมพูชาอาจใช้วิธีตอบรับ แต่มีข้อแม้ให้ฝ่ายไทยรื้อรั้วลวดหนามออกจากพื้นที่ทั้งหมด

ส่วนการปราบปรามสแกมเมอร์ กัมพูชาอาจใช้มุขเดิม ไม่สามารถให้คำตอบได้ ต้องสอบถามไปยังฝั่งพนมเปญ “ฮุนเซน” ประธานวุฒิสภากัมพูชาและ “ฮุน มาเนต” นายกฯ ผู้มีอำนาจตัดสินใจตัวจริง

ถัดจากนั้นมีการประชุมคณะกรรมการเขตแดนร่วมไทย-เมียนมา (JBC) กลไกกระทรวงต่างประเทศ ก.ย.เช่นเดียวกัน เดินหน้าสางปัญหาเก่า ปัญหาใหม่ พื้นที่ช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี จุดเริ่มต้นของปัญหา ลากยาวพื้นที่ชุมชนกัมพูชารุกล้ำ อ.บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว และช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี

ดังนั้นการแก้ไขปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา มีลักษณะวนลูปผ่านเครื่องมือ 3 กลไกทวิภาคี ซึ่งยังไม่ชัดว่าต้องใช้เวลากี่ปีกว่าจะได้ข้อยุติ เพราะไม่ว่าจะแตะพื้นที่ไหนก็เจอแต่ปัญหา