เด้ง ‘8 ผู้ว่าฯ’ ล้างบางสีน้ำเงิน ตีฐาน ‘ภูมิใจไทย’ ขยี้ ‘ชิดชอบ’

เด้ง ‘8 ผู้ว่าฯ’ ล้างบางสีน้ำเงิน  ตีฐาน ‘ภูมิใจไทย’ ขยี้ ‘ชิดชอบ’

เด้ง ‘8 ผู้ว่าฯ’ ล้างบางสีน้ำเงิน เจาะขุมการเมือง เขย่าฐานภูมิใจไทย ขยี้ ‘ชิดชอบ’ ไล่ลึก 3 ล็อต ในมือ ‘มท.อ้วน’ รวบอำนาจมหาดไทย

KEY

POINTS

  • คณะรัฐมนตรีมีมติโยกย้ายข้าราชการระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย โดยมีการย้ายผู้ว่าราชการจังหวัด 9 รายไปดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการ และรองปลัดกระทรวง ซึ่งถูกมองว่าเป็นการลดทอนอำนาจ
  • การโยกย้ายครั้งนี้ถูกเรียกว่าเป็นปฏิบัติการ "ล้างบางเครือข่ายสีน้ำเงิน" ที่มุ่งเป้าไปที่กลุ่มข้าราชการที่เชื่อมโยงกับพรรคภูมิใจไทย ซึ่งเคยบริหารกระทรวงมหาดไทย
  • ผู้ว่าราชการจังหวัด 8 ใน 9 รายที่ถูกย้าย มาจากจังหวัดที่เป็นฐานเสียงสำคัญของพรรคภูมิใจไทย เช่น บึงกาฬ, อ่างทอง, อำนาจเจริญ และกระบี่ ซึ่งเป็นการเขย่าฐานการเมืองของพรรค
  • การย้ายผู้ว่าฯ หลายรายมีความเชื่อมโยงกับนักการเมืองคนสำคัญของพรรคภูมิใจไทย

ปฏิบัติการล้างบาง “เครือข่ายสีน้ำเงิน”  ยังคงเปิดฉากอย่างต่อเนื่องในห้วงที่อำนาจ กระทรวงมหาดไทย เปลี่ยนมือจากพรรคภูมิใจไทย กลับมาอยู่ในการดูแลของพรรคเพื่อไทย มี “มท.อ้วน”  ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย กุมบังเหียน

ตอกย้ำด้วยมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 19 ส.ค.68 มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ ตำแหน่งบริหารระดับสูง กระทรวงมหาดไทย รวม 25 ตำแหน่ง ประกอบด้วย

1. จุมพฎ วรรณฉัตรสิริ พ้นจากผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย 

2.  ชูชีพ พงษ์ไชย พ้นจากผู้ว่าราชการจังหวัดตาก ให้ไปดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงมหาดไทย 

3. ชวนินทร์ วงศ์สถิตจิรการ พ้นจากผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง ไปดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการ 

4. ณรงค์ เทพเสนา พ้นจากผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ ไปดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการ

5. ว่าที่ร้อยตรี ตระกูลโทธรรม พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ไปดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการ 

6.  ปราชญา อุ่นเพชรวรากร พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ไปดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการ 

7.  วีระพันธ์ ดีอ่อน พ้นจากผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี ไปดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการ 

8.ว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ พ้นจากผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย

9.  อังกูร ศีลาเทวากูล พ้นจากผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ไปดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการ 

10. สุรศักดิ์ อักษรกุล พ้นจากผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภู ไปเป็นอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน 

11.  รัฐศาสตร์ ชิดชู พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง ไปดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่

เด้ง ‘8 ผู้ว่าฯ’ ล้างบางสีน้ำเงิน  ตีฐาน ‘ภูมิใจไทย’ ขยี้ ‘ชิดชอบ’

12. ชรินทร์ ทองสุข พ้นจากผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ไปดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น 

13. นริศ นิรามัยวงศ์ พ้นจากผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี 

14. รัฐพล นราดิศร พ้นจากผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย 

15. ทศพล เผื่อนอุดม พ้นจากผู้ตรวจราชการ ไปเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่

16. ศุภมิตร ชิณศรี พ้นจากผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ไปเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ 

17. เอกวิทย์ มีเพียร พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ไปเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี 

18. ศรัณย์ศักดิ์ ศรีเครือเนตร พ้นจากผู้ตรวจราชการ ไปดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต 

19. ชุติพร เสชัง พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ ไปดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน

20. วิบูรณ์ แววบัณฑิต พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม ไปดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง 

21. สยาม ศิริมงคล พ้นจากอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ไปเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ 

22. ชยชัย แสงอินทร์ พ้นจากผู้ตรวจราชการ ไปดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดจังหวัดสมุทรสงคราม 

23. สมบัติ ไตรศักดิ์ จากผู้ตรวจราชการ ไปเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี

24. อนุรัตน์ ธรรมประจำจิต พ้นจากตำแหน่งผู้ตรวจราชการ ไปเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ 

25. ชำนาญ ชื่นตา พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ไปเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี

เด้ง ‘8 ผู้ว่าฯ’ ล้างบางสีน้ำเงิน  ตีฐาน ‘ภูมิใจไทย’ ขยี้ ‘ชิดชอบ’

ไล่ลึกทั้ง 25 รายชื่อ หลายจังหวัดเป็นการย้ายตามวงรอบ ขณะที่บางจังหวัดมีการโยกย้ายสลับจังหวัดเพื่อให้ถูกฝาถูกตัวโดยเฉพาะบรรดาฐานเสียงแต่ละพรรคการเมืองที่ย่อมหมายมั่นที่จะส่งคนเข้าไปคุมพื้นที่ 

ทว่าบางจังหวัดมีการตั้งข้อสังเกตไปที่ฐานเสียง “พรรคภูมิใจไทย” ในฐานะเจ้ากระทรวงเดิม ตอกย้ำถึงเกมล้างบางซึ่งถูกเปิดฉากจาก “ค่ายสีแดง” เป็นระลอกที่ 3 นับจากการเข้าควบคุมอำนาจในกระทรวงมหาดไทย 

โฟกัสที่ “9 ผู้ว่าราชการจังหวัด” ซึ่งถูกเด้งเข้ากรุไปนั่งตบยุงในตำแหน่ง “รองปลัดกระทรวงมหาดไทย” และ “ผู้ตรวจราชการกระทรวง”  จำนวนนี้มี 8 คน ที่เป็นผู้ว่าฯ ในพื้นที่ซึ่งเป็นฐานเสียง “พรรคสีน้ำเงิน” เช็กขุมกำลังการเมืองแต่ละจังหวัด 

ทั้ง จุมพฎ วรรณฉัตรสิริ ที่พ้นผู้ว่าฯ จ.บึงกาฬ ถูกโยกไปเป็น รองปลัดกระทรวงมหาดไทย

ในส่วนของ “จุมพฎ“ เป็นรองผู้ว่าฯ จ.บึงกาฬมาก่อน และขยับขึ้นเป็นผู้ว่าฯ ในเดือนพ.ย.2566 ในยุคที่ภูมิใจไทยคุมกระทรวงมหาดไทย 

ส่วนฐานที่มั่น จ.บึงกาฬ มี สส.ภูมิใจไทย 2 คน เพื่อไทย 1 คน

ชวนินทร์ วงศ์สถิตจิรกาล พ้นจากผู้ว่าฯ จ.อ่างทอง เป็นผู้ตรวจราชการ ก่อนหน้านี้เคยเป็นรองผู้ว่าฯ จ.นครพนม ก่อนย้ายไปเป็นผู้ว่าฯ จ.อ่างทอง ในช่วงปลายปี 2567 

อย่างที่รู้กันอ่างทอง คือฐานที่มั่นของ “ตระกูลปริศนานันทกุล” มี สส.ภูมิใจไทย 2 คน คือ ภราดร และ กรวีร์ ปริศนานันทกุล บุตรชาย “เฮียตือ” สมศักดิ์ ปริศนานันทกุล ซึ่งผูกขาดการเมืองอ่างทองมาอย่างยาวนาน

ณรงค์ เทพเสนา พ้นผู้ว่าฯ จ.อำนาจเจริญ เป็นผู้ตรวจราชการ ก่อนหน้าเคยเป็นรองผู้ว่าฯ จ.ตราด ก่อนย้ายไปเป็นรองผู้ว่าฯจ.อำนาจเจริญ ในเดือนพ.ย.2567 และเพิ่งขยับขึ้นเป็นผู้ว่าฯ จ.อำนาจเจริญ เมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมา 

โดยอำนาจเจริญถือเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มี สส.ภูมิใจไทยยกจังหวัด 2 คน 

โดยเป็นฐานที่มั่นของ “เจ๊รวย” สุขสมรวย วันทนียกุล สส.อำนาจเจริญ แถมเป็นฐานบัญชาการสำคัญในการเลือก สว.ในรอบที่ผ่านมาอีกด้วย 

ว่าที่ร้อยตรี ตระกูล โทธรรม พ้นผู้ว่าฯ นราธิวาส เป็นผู้ตรวจราชการ ก่อนหน้าเคยเป็น รองผู้ว่าฯ จ.ปัตตานี ก่อนขยับขึ้นเป็นผู้ว่าฯ จ.นราธิวาสในเดือนพ.ย.2566 โดยพื้นเพผู้ว่าฯ ผู้นี้เป็นคน จ.ตรัง

โดย จ.นราธิวาสนั้น ในการเลือกตั้งรอบที่ผ่านมาถือว่าฝ่ากระแสต้านกัญชาในพื้นที่ปลายด้ามขวานซึ่งส่วนใหญ่เป็นพื้นที่มุสลิม ทำให้มี สส.เข้าวินแบบเหนือความคาดหมายมาได้ 1 คน

ปราชญา อุ่นเพชรวรากร พ้นผู้ว่าฯ จ. นครพนม เป็นผู้ตรวจราชการ

โดยในส่วนของผู้ว่าฯ ปราชญา เติบโตในตำแหน่งสำคัญ อาทิ ปลัดจังหวัดบุรีรัมย์ เคยเป็นรอง​ผู้ว่าฯ จ.ชลบุรี​ และเป็นคณะทำงานรัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​มหาดไทย ก่อนโยกย้ายมาเป็นรองผู้ว่าฯ จ.นครพนม ในยุคภูมิใจไทยคุมกระทรวงมหาดไทย กระทั่งขยับขึ้นเป็นผู้ว่าฯ จ.นครพนม

เช็กขุมกำลัง จ.นครพนม เป็นฐานที่มั่นของพรรคเพื่อไทย และภูมิใจไทย  โดยการเลือกตั้งรอบที่ผ่านมา 2 พรรคเฉลี่ยพื้นที่ไปคนละครึ่ง เพื่อไทยซึ่งมี “มนพร เจริญศรี” รมช.คมนาคม เป็นแม่ทัพ มี สส. 2 คน เช่นเดียวกับภูมิใจไทย ที่มี “ครูแก้ว” ศุภชัย โพธิ์สุ อดีตรองประธานสภาฯ เป็นแม่ทัพที่มี สส.2 คน

วีระพันธ์ ดีอ่อน พ้นผู้ว่าฯ จ.ปราจีนบุรี เป็นผู้ตรวจราชการ พลิกปูมผู้ว่าฯ วีระพันธ์ ก่อนหน้าเคยมีประเด็นดราม่าเรื่องการแต่งตั้งชายชาวจีนเป็น “ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการจังหวัด”

ทว่าหลังเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเจ้าตัวได้ออกหนังสือยกเลิกคำสั่งแต่งตั้งที่ปรึกษา​ เหตุพบว่ามีความไม่เหมาะสม อาจจะก่อให้เกิดความเสียหายกับทางราชการได้

เหนือไปกว่านั้นในส่วนของ จ.ปราจีนบุรี ถือเป็นฐานที่มั่นของ “โกทร” สุนทร วิลาวัลย์ อดีตนายก อบจ.ปราจีนบุรี ทว่าการเลือกตั้งรอบที่ผ่านมาภูมิใจไทยต่ำเป้ามี สส.1 คน จากที่เคยได้ สส.ยกจังหวัด ส่วนอีก 2 ที่นั่งที่เหลือเป็นของประชาชน  

ต้องจับตาหลัง “โกทร” ต้องคำพิพากษาในคดี สังหาร “สจ.โต้ง” ชัยเมศร์ สิทธิสนิทพงศ์ ไม่ต่างจากการเมืองจ.ปราจีนบุรี ที่ถูกตีท้ายครัวรอบทิศ โดยเฉพาะซุ้มผู้กองธรรมนัสที่สนับสนุน “นายก จอย” ณภาภัช อัญชสาณิชมน ภรรยา สจ.โต้ง ผู้ล่วงลับจนได้เป็นนายก อบจ.ปราจีนบุรี คนปัจจุบัน

ย่อมเป็นการส่งสัญญาณว่า ศึกเลือกตั้งรอบหน้าย่อมทวีความเข้มข้นอย่างแน่นอน

ว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณพ้นผู้ว่าฯ จ.อุบลราชธานี เป็นผู้ตรวจราชการ ก่อนหน้าเคยเป็นผู้ว่าฯจ.อำนาจเจริญ และโยกไปเป็นผู้ว่าฯ จ.อุบลราชธานี ในเดือนพ.ย.2567 

เช็กขุมกำลังเมืองดอกบัว ภูมิใจไทยมี สส.3คน จากทั้งหมด 11 คน หนึ่งในจำนวนนี้คือ “แนน บุณย์ธิดา สมชัย” โฆษกพรรคภูมิใจไทย ลูกสาว “อิสระ สมชัย” พ่อใหญ่เมืองดอกบัว ที่ย้ายจากพรรคประชาธิปัตย์มาอยู่กับพรรคภูมิใจไทยในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา   

อังกูร ศีลาเทวากูล พ้นผู้ว่าฯ จ.กระบี่ เป็นผู้ตรวจราชการ ก่อนหน้านี้เคยเป็นรองผู้ว่าฯ จ.บุรีรัมย์  รองผู้ว่าฯ จ.ราชบุรี ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย และเป็นผู้ว่าฯ จ.กระบี่ ในช่วงปลายปี 2567 

เจาะลึกพื้นที่กระบี่เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่ ภูมิใจไทยกวาด สส.ยกจังหวัด 3 คน โดยกระบี่เป็นฐานที่มั่นของตระกูล “กิตติธรกุล” ที่ผูกขาดสนามท้องถิ่นมาอย่างยาวนาน

อย่างที่รู้กันว่าหลัง “ฝั่งสีน้ำเงิน” เปิดเกมแตกหักกับ “ฝั่งแดง” โดยมีชนวนเหตุมาจากการยึดคืนกระทรวงมหาดไทย จากภูมิใจไทยกลับมาอยู่ในการดูแลของพรรคแกนนำ แถมภูมิใจไทยยังต้องตกอยู่ในสถานะฝ่ายค้าน

ปฏิบัติการ “ล้างบาง” กระทรวงมหาดไทย ด้วยการเด้งสายตรง “ครูใหญ่สีน้ำเงิน” เข้ากรุเพื่อสลายอำนาจสีน้ำเงิน ก็มีการเปิดฉากมาเป็นระยะ โดยเฉพาะกลไกระดับท้องถิ่นไล่ตั้งแต่ผู้ว่าฯ ลงไป ซึ่งถือเป็นมือไม้สำคัญของบรรดาพรรคการเมือง

เด้ง ‘8 ผู้ว่าฯ’ ล้างบางสีน้ำเงิน  ตีฐาน ‘ภูมิใจไทย’ ขยี้ ‘ชิดชอบ’  

โดยนับตั้งแต่ “ภูมิธรรม” เข้าควบคุมอำนาจกระทรวงมหาดไทย มีการล้างบางข้าราชการสายสีน้ำเงินล็อตล่าสุดเป็นล็อตที่ 3  

โดยก่อนหน้านี้วันที่ 8 ก.ค.2568 ในการประชุม ครม. กระทรวงมหาดไทยได้เสนอแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำแหน่งบริหารระดับสูง 4 ตำแหน่ง จำนวนนี้คือ  “ไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์” อธิบดีกรมการปกครอง และ “นฤชา โฆษาศิวิไลซ์” อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น สายตรงบุรีรัมย์ ที่ถูกเด้งเข้ากรุไปเป็นผู้ตรวจราชการ

ต่อมาวันที่ 5 ส.ค.2568 มีการโยกย้าย “บิ๊ก มท.” สายสีน้ำเงิน  ทั้ง “พรพจน์ เพ็ญพาส” อธิบดีกรมที่ดิน ไปเป็น รองปลัดกระทรวง เพื่อเซ่นปมไม่เพิกถอน “ที่ดินเขากระโดง” ซึ่งเป็นฐานที่มั่นตระกูลชิดชอบ รวมถึง ภาสกร บุญญลักษม์จาก อธิบดีกรมป้องกัน และบรรเทาสาธารณภัย ที่ถูกแต่งตั้งในยุค มท.สีน้ำเงิน ไปเป็น ผู้ว่าฯ ระยอง

ทว่า ปฏิบัติการล้างบางสีน้ำเงินยังไม่ได้จบแค่นั้น แต่ยังขยับไปที่ปฏิบัติการรุกคืบทวงคืนที่ดินเขากระโดง ขยี้กล่องดวงใจ “ตระกูลชิดชอบ” รวมไปถึงอีกหลากหลายปมร้อนสีน้ำเงิน อาทิ คดีฮั้ว สว. ที่เห็นการเปิดฉากเอาคืนกันไปมาในเวลานี้อีกด้วย 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์