สตง.ออกเอกสารแจงได้ที่ 1 ITA68 - 'รักชนก' ขำกลิ้ง อธิบายยิบ

สตง.ออกเอกสารแจงได้ที่ 1 ITA68 - 'รักชนก' ขำกลิ้ง อธิบายยิบ

'รักชนก' ขำกลิ้ง สตง.คว้าแชมป์ผลคะแนนคุณธรรมความโปร่งใส 68 อธิบายละเอียดยิบ ITA คืออะไร ด้าน สตง.ออกเอกสารแจงด่วน

KEY

POINTS

  • สตง. แจงผลประเมินคุณธรรมและความโปร่งใส (ITA) ประจำปี 2568 ได้คะแนนเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มองค์กรอิสระ ซึ่งมีหน่วยงานแข่งขันเพียง 5 แห่ง
  • สส.รักชนก ศรีนอก ตั้งข้อสังเกตถึงความน่าเชื่อถือของผลคะแนน ITA โดยชี้ว่าวิธีการประเมินมีปัญหาและไม่สะท้อนปัญหาคอร์รัปชันที่แท้จริง
  • รักชนกอธิบายว่าแบบประเมินส่วนใหญ่มาจากคนในองค์กรและหน่วยงานที่ติดต่อกัน ซึ่งมักจะให้คะแนนดีต่อกัน ทำให้ผลไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง
  • มีการเปิดเผยว่า สตง. เองเคยวิจารณ์โครงการ ITA ของ ป.ป.ช. ว่าไม่สามารถแสดงให้เห็นว่าหน่วยงานภาครัฐมีความโปร่งใสและไม่ทุจริตได้จริง

เมื่อวันที่ 19 ส.ค. 2568 น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) อธิบายถึงคะแนน ITA ภายหลังสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้คะแนนอันดับ 1 ในกลุ่มองค์กรอิสระ โดยระบุว่า วันนี้ทุกคนคงได้ขำกันไปแล้ว กับข่าว สตง. คว้าอันดับ1 ความโปร่งใส เลยจะมาเล่าให้ฟังว่า คะแนน ITA คืออะไร? วัดแล้วดี แปลว่าดีจริงไหม? ทำไม สตง. ได้ที่1?

คะแนน ITA คืออะไร? ITA (INTEGRITY AND TRANSPARENCY ASSESSMENT) คือคะแนนการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ ที่ประเมินโดยสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติที่เขียนล็อคไว้และให้สอดคล้องกับเป้าหมายของประเทศ ที่อยากทำให้อันดับและคะแนน CPI หรือ ดัชนีภาพลักษณ์การคอร์รัปชันดีขึ้น ซึ่งเป็นการวัดที่แข่งอันดับกันทั้งโลก ประเทศไทยปัจจุบันอยู่ที่อันดับ 109 จาก 180 ประเทศทั่วโลก วัดแล้วดี แปลว่าดีจริงไหม?

การเก็บข้อมูล การประเมิน ITA เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 10กว่าปีเข้าไปแล้ว แต่เรื่องคอร์รัปชันในภาครัฐไม่มีอะไรดีขึ้นเลย สวนทางกับคะแนนของหน่วยงานที่ดีวันดีคืน เพราะอะไร คงต้องไปดูการประเมิน

มีการเก็บข้อมูลจาก 3 ส่วน ดังนี้

ส่วนที่ 1 แบบวัดการรับรู้ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ภายใน โดยจะให้บุคลากรทุกระดับที่ปฏิบัติงานมาไม่น้อยกว่า 1 ปี ได้แสดงความคิดเห็นต่อคุณธรรมและความโปร่งใสของหน่วยงานตนเอง โดยสอบถาม การรับรู้และความคิดเห็น แล้วใครมันจะไปบอกว่าหน่วยงานตัวเองไม่ดี เผลอๆผู้บังคับบัญชาจะออกคำสั่งเองเลยด้วยซ้ำกว่าห้ามประเมินออกมาห่วย

ส่วนที่ 2 แบบวัดการรับรู้ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ภายนอก โดยให้ผู้รับบริการหรือผู้ติดต่อหน่วยงานภาครัฐในช่วงปีงบประมาณได้แสดงความคิดเห็นต่อการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ ซึ่งหน่วยงานภาครัฐเกือบทั้งหมด รู้กันอยู่แล้วว่าไม่มีใครอยากทำให้คะแนนของใครต่ำลง ก็เหมือนผลัดกันเกาหลัง

ส่วนที่ 3 แบบวัดการเปิดเผยข้อมูลสาธารณะ เป็นการตรวจสอบระดับการเปิดเผยข้อมูลของหน่วยงานภาครัฐที่เผยแพร่ไว้ทางหน้าเว็บไซต์หลักของหน่วยงาน ซึ่งประชาชนทั่วไปไม่รู้อยู่แล้วว่าจริงๆหน่วยงานควรจะต้องเปิดเผยอะไรบ้าง ธรรมภิบาลข้อมูลทำกับแค่ครึ่งเดียว และทุกสิ่งทุกอย่างจะถูกปิดบัง แอบซ้อนไว้อยู่แล้ว หาในเวปเท่าไหร่ก็เจอหรอกจ้า แล้วให้พูดกันจริงๆ จะมีประชาชนจริงๆมาประเมินกันสักกี่คน มันก็เป็นการบอกให้ญาติโกโหติกาของคนในนั่นแหละช่วยประเมินให้หน่อย

ปัญหาใหญ่ๆคือ หลายๆหน่วยงานมองการประเมิน ITA เป็นภาระมากกว่าโอกาสอันดีในการแก้ปัญหาเรื่องคอร์รัปชัน บางหน่วยงานถึงกับลอกข้อมูลจากหน่วยงานอื่น และปิดบังข้อมูลที่อาจส่งผลเสียต่อคะแนน ทั้งหมดทั้งมวลนี้ ทำให้การแม้จะวัดไปแล้วได้คะแนนดีดีออกมา แต่มันไม่ได้สะท้อนความจริงอะไรเลย!

ทำไม สตง. ได้ที่1? ITA เป็นการประเมินหน่วยงานรัฐ 8,323 หน่วยทั่วประเทศ แต่ไม่ได้เรียงลำดับตั้งแต่ 1 ไปถึง 8,323 แต่จะจัดอันดับกันเป็นประเภท เช่น จังหวัด ก็แข่งกัน 76 จังหวัด หน่วยงานระดับกรม ก็แข่งกัน 160หน่วยงาน เทศบาลก็เยอะหน่อย 2247 เทศบาล องค์กรศาล ก็แข่งกันแค่ 3หน่วยงาน คือ สำนักงานศาลปกครอง สำนักงานยุติธรรม สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ

และองค์กรอิสระ ก็แข่งกันแค่ 5 หน่วย สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) และ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ดังนั้น สตง. ได้ที่ 1 ไม่ต้องแปลกใจ ปีที่แล้ว กกต. ยังได้ที่ 1 เลย มีเรื่องให้ขำกันทุกปีนั่นแหละ

"ที่ฮาจัดเลยคือเมื่อต้นปี เดือนมกราคม สตง. ก็ซัด ป.ป.ช. ว่าโครงการประเมินคุณธรรม ITA มีปัญหาเครื่องมือบางส่วนยังไม่ชัดเจน ไม่สามารถแสดงให้เห็นว่าหน่วยงานภาครัฐเป็นหน่วยงานที่มีความโปร่งใสไม่ทุจริตได้จริง แถมด่านโยบาย No Gift Policy "งดรับของขวัญและของกำนัลทุกชนิด” ของ ป.ป.ช. ว่าโชว์หร่าหน้าเว็บไซต์ แต่ผู้บริหารองค์กรถูกจับกุมความผิดฐานเรียกรับผลประโยชน์ละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ" น.ส.รักชนก ระบุ

น.ส.รักชนก ระบุอีกว่า อ่านจบแล้วขำกว่าเดิมปะ ประเทศเราเสียเงินและเสียเวลาไปกับการทำอะไรแบบนี้แหละ ทุกสิ่งอย่างเป็นความตั้งใจอันดีหมด แต่พอทำแบบไทย ๆ มาตรฐานแบบไทยๆ ก็เป็นอย่างที่ท่านเห็น ไม่ต้องสืบเพราะทุกหน่วยงานประเมินผ่านหมด ได้คะแนน 80-90 ขึ้นกันหมด แต่หันดูสภาพความเป็นจริงดิ คอร์รัปชันประเทศนี้ลดลงไหม? ประเมินแล้วได้อะไร?

จริง ๆ แล้ว ป.ป.ช. ก่อนจะมีหน้าไปประเมินอะไรคนอื่น ควรเริ่มที่ตัวเองก่อน บัญชีทรัพย์สินนักการเมือง ทุกวันนี้เปิดแค่ 180 วัน ถ้าใครอยากดูหลังจากนั้นต้องไปดุที่นนทบุรี อยู่เบตง อยู่เชียงใหม่อยากดูบัญชีทรัพย์สิน สส. บ้านตัวเองต้องหอบสังขารมาที่นนทบุรีนะจ๊ะ แล้วไม่ให้ถ่ายรูป ไม่ให้ถ่ายเอกสารนะ ให้ดูด้วยตาแล้วใช้สมองจำเอา (ซึ่งเป็นผลจากการอยากปกป้องประยุทธ์และประวิตรเพราะไม่อยากให้มีใครมาดูทรัพย์สินได้ เป็นไงล่ะ ที่นี่ประเทศไทย)

ข้อมูลจาก: รักชนก ศรีนอก - Rukchanok Srinork

สตง.ออกเอกสารแจงได้ที่ 1 ITA68 - 'รักชนก' ขำกลิ้ง อธิบายยิบ

อนึ่ง วานนี้ (18 ส.ค.) สตง.ได้ออกเอกสารชี้แจง ภายหลังได้คะแนน ITA 2568 อันดับ 1 ของกลุ่มองค์กรอิสระ ว่า การประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ เป็นกลยุทธ์หนึ่งที่ใช้ในการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาการทุจริต ด้วยวิธีการส่งเสริมให้หน่วยงานภาครัฐมีการดำเนินงานป้องกันการทุจริต โดยเป็นการดำเนินงานคู่ขนานกันไปกับมิติด้านการปราบปรามการทุจริต และมิติด้านการเสริมสร้างทัศนคติ ค่านิยมในความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อให้การแก้ไขปัญหาการทุจริตในสังคมไทยเกิดผลสัมฤทธิ์ และเกิดความยั่งยืน

โดยการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ เป็นเครื่องมือที่มีการเก็บข้อมูลอย่างรอบด้านและหลากหลายมิติ กำหนดระเบียบวิธีการประเมินผลที่เป็นไปตามหลักการทางสถิติ และทางวิชาการเพื่อให้ผลการประเมินสามารถสะท้อนสุขภาวะขององค์กรในด้านคุณธรรม และความโปร่งใสได้อย่างแท้จริง

สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน เข้าร่วมการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ ประจำปี 2568 โดยในการประเมินนั้นมีการเก็บข้อมูล 3 ส่วน ดังนี้

1. ส่วนที่ 1 แบบวัดการรับรู้ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียภายใน (IT) ประกอบด้วย 5 ตัวชี้วัด ได้แก่ 1.การปฏิบัติหน้าที่ 2.การใช้งบประมาณ 3.การใช้อำนาจ 4.การใช้ทรัพย์สินของราชการ 5.การแก้ไขปัญหาการทุจริต รวม 15 ข้อคำถาม โดยเป็นการเชิญชวนบุคลากรของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ที่ปฏิบัติงานมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี เข้าตอบแบบสอบถามที่ Intranet ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ไม่น้อยกว่า 400 ราย โดยมีผู้เข้าตอบจำนวน 693 ราย

2. ส่วนที่ 2 แบบวัดการรับรู้ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียภายนอก (EIT) ประกอบด้วย 3 ตัวชี้วัด ได้แก่ 1.คุณภาพการดำเนินงาน 2.ประสิทธิภาพการสื่อสาร 3.การปรับปรุงระบบการทำงาน รวม 9 ข้อคำถาม โดยแบ่งออกเป็น 2 ส่วน

2.1) แบบวัดการรับรู้ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียภายนอก ส่วนที่ 1 สำนักงานการตรวจแผ่นดิน เป็นผู้เชิญชวนให้หน่วยรับตรวจ สื่อมวลชน คู่สัญญาการจัดซื้อจัดจ้างกับ สตง. เข้าตอบแบบสอบถาม ที่หน้าเว็บไซต์สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน จำนวนไม่น้อยกว่า 400 ราย โดยมีผู้เข้าตอบ จำนวน 501 ราย

2.2 )แบบวัดการรับรู้ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียภายนอก ส่วนที่ 2 ผู้ประเมิน (สำนักงาน ป.ป.ช.) เป็นผู้ดำเนินการจัดเก็บเอง จำนวนไม่น้อยกว่า 40 ราย โดยเข้าจัดเก็บในวันที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน จัดประชุมให้กับหน่วยรับตรวจ จำนวน 60 ราย และผู้ประเมินจัดเก็บเพิ่มเติมจากกลุ่มเป้าหมาย จำนวน 28 ราย รวมมีผู้เข้าตอบ 88 ราย

3. ส่วนที่ 3 แบบวัดการเปิดเผยข้อมูลสาธารณะ (OIT) ประกอบด้วย 2 ตัวชี้วัด ได้แก่

1.การเปิดเผยข้อมูล

2.การป้องกันการทุจริต รวม 28 ข้อคำถาม แบบวัดการเปิดเผยข้อมูลสาธารณะ (OIT) เป็นแบบวัดที่ให้ผู้ตอบแสดงหลักฐาน ว่ามีการเปิดเผยข้อมูลตามที่กำหนดต่อสาธารณชน ผ่านการระบุ URL ที่เชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์ของหน่วยงานลงในระบบ ITAS ซึ่งคณะทำงานเตรียมความพร้อมการเข้าร่วมโครงการประเมินคุณธรรม และความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 เป็นผู้รับผิดชอบในการดำเนินการเปิดเผยข้อมูลตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดโดยเผยแพร่ที่เว็บไซต์สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ทั้ง 28 ข้อคำถาม

ทั้งนี้ สำนักงานการตรวจแผ่นดิน มีผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ได้ 94.64 คะแนน โดยคะแนนเป็นอันดับ 1 ประเภทหน่วยงานขององค์กรอิสระ

โดยมีผลการประเมินที่ได้คะแนนต่ำกว่า 85 คะแนน อยู่ 1 ตัวชี้วัด ได้แก่ ตัวชี้วัดการปรับปรุงการทำงาน ได้ 81.78 คะแนน โดยเป็นตัวชี้วัดของแบบวัดการรับรู้ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียภายนอก (EIT) ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินจะต้องนำมาพัฒนาและปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้นต่อไป