ปชน.น้อมรับข้อท้วงติง หลัง สส.อภิปรายงบ พศ.ใช้ถ้อยคำไม่เหมาะสม

'พรรคประชาชน' ออกแถลงการณ์น้อมรับข้อท้วงติงจาก ปชช.ภายหลัง สส.นนทบุรี อภิปรายงบสำนักพุทธฯ ใช้ถ้อยคำไม่เหมาะสม กระทบกระเทือนความเชื่อ-คุณค่าทางจิตใจชาวพุทธ
KEY
POINTS
- พรรคประชาชน (ปชน.) ออกแถลงการณ์น้อมรับคำวิจารณ์และขอโทษ กรณี สส. ของพรรคใช้ถ้อยคำไม่เหมาะสมระหว่างการอภิปรายงบประมาณสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.)
- เสนอให้ปรับปรุงระเบียบการเงินของวัดให้โปร่งใส ตรวจสอบได้ เพื่อป้องกันการทุจริต ปกป้องเงินบริจาค และรักษาศรัทธาของประชาชน
- เสนอให้ตรวจสอบและกระจายงบประมาณบูรณะวัดให้ทั่วถึง พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพระวินยาธิการ (พระมือปราบ) โดยร่วมมือกับหน่วยงานปราบปรามทุจริต
- เสนอให้สังคมร่วมกันศึกษาและทำความเข้าใจเรื่องความเหมาะสมของงบประมาณ "นิตยภัต" หรือเงินเดือนพระ เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกัน
เมื่อวันที่ 18 ส.ค. 2568 พรรคประชาชน (ปชน.) ออกแถลงการณ์ ระบุว่า สืบเนื่องจากการอภิปรายร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 โดย สส.พรรคประชาชน เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา เกี่ยวกับงบประมาณของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ซึ่งปรากฏข้อความบางช่วงที่อาจกระทบกระเทือนความรู้สึกต่อความเชื่อและสิ่งที่มีคุณค่าทางจิตใจของผู้คน พรรคประชาชนขอน้อมรับข้อท้วงติง โดย สส.ผู้อภิปราย (นายนนท์ ไพศาลลิ้มเจริญกิจ สส.นนทบุรี) ได้ออกแถลงการณ์ขอโทษประชาชนสำหรับข้อความดังกล่าวแล้ว
ทั้งนี้ หลักการสำคัญที่พรรคประชาชนยึดถือต่อการใช้งบประมาณของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ คือการปรับปรุงระเบียบและแนวทางให้การเงินของวัดโปร่งใส เพื่อป้องกันการทุจริต ปกป้องเงินบริจาค และรักษาศรัทธาอันดีของศาสนิกชน รวมถึงการตรวจสอบงบประมาณของทุกหน่วยงานว่าถูกจัดลำดับความสำคัญและจัดสรรอย่างเป็นธรรมและทั่วถึง โดยหนึ่งในผู้อภิปรายคือ ฉัตร สุภัทรวณิชย์ สส.นครราชสีมา เขต 1 พรรคประชาชน ได้อภิปรายถึง งบประมาณของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2568
งบบูรณะวัด ต้องตรวจสอบรอบคอบ และกระจายให้ทั่วถึง
ในส่วนของงบประมาณการบูรณะวัดทั่วประเทศ ปีนี้ พศ. ขอมาจำนวน 709 ล้านบาท 546 รายการ ฉัตรให้ข้อเสนอแนะว่า ในอดีตเคยเกิดคดี “เงินทอนวัด” หรือการทุจริตเงินอุดหนุนที่รัฐจัดสรรให้แก่วัด การใช้งบส่วนนี้จึงต้องมีความระมัดระวังและรัดกุมรอบคอบยิ่งขึ้น อีกทั้งยังควรหาแนวทางเพื่อให้สามารถกระจายงบประมาณให้ทั่วถึงกว่านี้ ไม่กระจุกตัวอยู่ที่วัดใดวัดหนึ่งหรือภูมิภาคใดภูมิภาคหนึ่งเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตาม ในระยะยาวภาครัฐควรเป็นเพียงฝ่ายสนับสนุนและส่งเสริมคณะสงฆ์ให้สามารถบริหารจัดการการบูรณะวัดได้ด้วยตนเอง ซึ่งจะทำให้เกิดความเหมาะสมและมีประสิทธิภาพมากกว่า
ส่งเสริมการปฏิบัติงานของ “พระมือปราบ” ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ในส่วนของงบส่งเสริมการปฏิบัติงานของพระวินยาธิการ หรือ “พระมือปราบ” ที่ต้องตระเวนไปทุกจังหวัดทั่วประเทศเพื่อกำกับดูแลพระสงฆ์และสะสางอธิกรณ์ที่ไม่เหมาะสมต่างๆ ปีนี้ได้รับงบ 3.62 ล้านบาท ฉัตรเสนอแนะว่า ควรมีการกำหนดยุทธศาสตร์เพื่อให้การทำงานของพระวินยาธิการมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) โดยเมื่อมีการร้องเรียน ต้องดำเนินการอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทุจริตภายในวัดหรือการใช้จ่ายเงินผิดวัตถุประสงค์
ชวนสังคมศึกษา-ทำความเข้าใจเรื่อง “เงินเดือนพระ”
ในส่วนของงบพระสังฆาธิการ ซึ่งเป็นเงินที่ถวายเป็นรายเดือนให้แก่พระสังฆาธิการ โดยเจตนาแล้วเป็นการถวายภัตตาหารให้กับพระสังฆาธิการ พระสมณศักดิ์ และพระเปรียญ 9 ประโยค ซึ่งต่อมาแปรเปลี่ยนมาเป็นการถวายค่า “นิตยภัต” ประจำเดือน เป็นธรรมเนียมประเพณีที่ปฏิบัติกันต่อเนื่องมาอย่างยาวนาน ฉัตรขอตั้งขอสังเกตผ่านการประชุมสภาฯ ครั้งนี้ เพื่อให้สมาชิกสภาฯ และสังคมร่วมกันศึกษาและทำความเข้าใจ ว่าสัดส่วนที่เหมาะสมของงบประมาณส่วนนี้ควรเป็นอย่างไร โดยหากจะมีข้อสรุปอย่างไร ต้องมีการศึกษาพูดคุยกันอย่างกว้างขวาง เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกันในสังคม
บัญชีวัด ต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้
จากกรณีการทุจริตเงินบริจาควัด ที่ปรากฏเป็นข่าวแพร่หลายในช่วง 1-3 เดือนที่ผ่านมา ฉัตรเสนอให้ พศ. ดำเนินการปรับปรุงระเบียบและกำหนดแนวทางเพื่อป้องกันการทุจริต และปกป้องเงินบริจาคของพุทธศาสนิกชน ได้แก่
(1) ปรับปรุงระเบียบของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเรื่องการทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายให้อิงกับมาตรฐานการบัญชี โดยต้องสำแดงบัญชีธนาคารของวัดทุกบัญชี และนำส่งรายงานบัญชีตามรอบเวลาที่กำหนด
(2) กำหนดให้มีการเปิดเผยข้อมูลรายรับ-รายจ่ายของวัดต่อสาธารณชนอย่างสม่ำเสมอ สามารถตรวจสอบและเข้าถึงข้อมูลได้
(3) ส่งเสริมช่องทางการบริจาคผ่านระบบออนไลน์ (e-donation) ของธนาคารพาณิชย์ โดยร่วมมือกับกรมสรรพากร
(4) เมื่อมีการร้องเรียน ต้องมีกลไกดำเนินการตรวจสอบที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะหากเป็นคดีทุจริต ควรนำหน่วยงานภาครัฐต่างๆ ที่เกี่ยวข้องมาร่วมตรวจสอบด้วย
(5) สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติควรถอดบทเรียนจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะในคดีทุจริต นอกจากการดำเนินการทางสงฆ์แล้ว ควรพิจารณาลงโทษผู้กระทำความผิดตามกฎหมายด้วย
ภาพและข้อมูลจาก: พรรคประชาชน - People's Party







