กต. โชว์หลักฐาน 33 คณะทูต จี้ประชาคมโลก กดดันกัมพูชา เก็บกู้ทุ่นระเบิด

กต. นำคณะทูต-ผู้แทน 36 คน 33 ประเทศ ลงพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ ดูความเสียหาย จากเหตุปะทะชายแดน สำรวจแนววางทุ่นระเบิดกัมพูชา
เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 16 สิงหาคม ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กทม. นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมด้วยนายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ นำ คณะทูตประเทศสมาชิกอาเซียน รัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา ผู้แทนองค์การระหว่างประเทศ และองค์กรภาคประชาสังคมด้านการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ลงพื้นที่ จ.ศรีษะเกษ เพื่อชี้แจงข้อมูลและเหตุผลเกี่ยวกับการดำเนินการของไทย โดยมีคณะทูตและผู้แทน จำนวน 36 คน 33 ประเทศ 1 องค์กร 2 องค์การระหว่าง สื่อมวลชนไทยและสื่อต่างประเทศ เข้าร่วม
ทั้งนี้ ก่อนออกเดินทาง กระทรวการต่างประเทศได้บรรยายข้อมูลก่อนออกเดินทาง ให้แก่คณะ โดยนายมาริษ กล่าวกับคณะทูตว่า ขอบคุณที่ร่วมเดินทาง และหวังว่าทุกท่านจะได้รับข้อมูลด้วยตาตัวเองถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนที่จะเดินทางออกไปยัง จ.ศรีสะเกษ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการลงพื้นที่ของ คณะทูตและผู้แทน จุดแรกจะเดินทางไปยัง โรงเรียนภูมิซรอลวิทยา ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษณ์ เพื่อรับฟังบรรยายสรุปจากกองทัพบก กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงมหาดไทย จากนั้น กระทรวงต่างประเทศจะนำคณะทูตและสื่อมวลชน ขึ้นไปยังภูมะเขือ และฐานปฏิบัติการ เพื่อดูภมิประเทศ เยี่ยมชมการเก็บกู้ทุนระเบิดของหน่วยปฏิบัติการด้านทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมในพื้นที่ภูมะเขือ
ต่อมา 11.50 น. วันที่ 16 สิงหาคม ที่โรงเรียนภูมิซรอลวิทยา ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศนำคณะทูตจากประเทศสมาชิกอาเซียน รัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา แบ่งเป็น 33 ประเทศ และ 1 องค์กร 2 องค์การระหว่างประเทศ รับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จากกองทัพบก กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงมหาดไทย โดยมีนายมาริษ นายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เป็นผู้บรรยายสรุป
เมื่อเดินทางมาถึง นายมาริษได้ทักทายพูดคุยกับชาวบ้าน 6 คน ที่ได้รับผลกระทบจากทุนระเบิด ซึ่งเป็นเกษตกร โดยทางคณะทูตได้เข้ามาร่วมพูดคุยสอบถามข้อมูลและสาเหตุที่ได้รับบาดเจ็บจากทุ่นระเบิด ส่วนใหญ่เป็นผู้พิการขาขาดและต้องใส่ขา และยังพบว่าชาวบ้านได้รับผลกระทบมาตั้งแต่ 30 ปีที่แล้ว
นอกจากนี้ นายมาริษได้พยายามอธิบายถึงปัญหาทุ่นระเบิดตามแนวชายแดน ที่มีปัญหามายาวนานกับคณะทูต และยังกล่าวอีกว่า หวังว่าทางกัมพูชาจะให้ความร่วมมือในการเก็บกู้ทุนระเบิด ก่อนที่นายมาริษจะกล่าวแสดงความเสียใจกับชาวบ้านถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลจะดูแล เพื่อไม่ให้ทุ่นระเบิดเป็นปัญหาอีกต่อไป ไม่ว่าจะเป็น ทุ่นระเบิดเก่า หรือทุ่นระเบิดใหม่ ตนจะไม่ยอมให้เกิดขึ้น และจะไม่ยอมให้มีผลกระทบกับประชาชน
จากนั้น นายมาริษได้นำคณะทูตรับฟังการบรรยาย โดยกล่าวว่า วัตถุประสงค์ของการลงพื้นที่ครั้งนี้คือการสังเกตการณ์ และรับทราบข้อมูลจากผลกระทบของการมีทุ่นระเบิดสังหารบุคคลที่อยู่ในฝั่งประเทศไทย ซึ่งเป็นการละเมิดอำนาจอธิปไตย และบูรณภาพในดินแดน การที่เราได้รับผลกระทบจากทุ่นระเบิดสังหารบุคคลนี้มี 2 เรื่อง คือ ทางไทยถูกละเมิดอำนาจอธิปไตย และบูรณภาพในดินแดน และคือการที่กัมพูชาละเมิดกฎบัตรสหประชาชาติ
นายมาริษ กล่าวอีกว่า ตนเองขอขอบคุณกระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม เหล่าทัพ ที่อำนวยความสะดวกในด้านต่าง ๆ วันนี้นำทูต เจ้าหน้าที่ จากสถานทูตมารับฟังการชี้แจง และเห็นหลักฐานในเชิงประจักษ์ที่ชัดเจนว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการกระทำของกัมพูชา มีผลกระทบขนาดไหนกับประเทศไทย ทั้งหมดเป็นสิ่งที่ตนเองพยายามเรียกน้องมาตลอดกับกัมพูชาว่าเราต้องการเห็นความจริงใจ และร่วมมือกันเก็บกู้ระเบิก ตั้งแต่ในการประชุม GBC ที่กัวลาร์ลัมเปอร์ มาเลเซีย เราอยากให้ยอมรับทั้งสองประเทศ แต่ก็ไม่ได้รับการยอมรับ
นายมาริษ ยังกล่าวถึงตอนที่ตนเองเดินทางไปประชุมลุ่มน้ำโขงล้านช้าง ซึ่งในช่วงการประชุมตนเองได้ยกตัวอย่างปัญหาเรื่องทุ่นระเบิดพูด ที่ทางจีนเป็นเจ้าภาพ โดยประเทศไทยได้รับผลกระทบมา ก ทหารไทยได้รับบาดเจ็บ และเกิดขึ้นแล้วถึง 5 ครั้ง ทางจีนก็เห็นด้วย และช่วงที่ตนเองพบกับประเทศต่าง ๆ ในการหารือทวิภาคี ก็เห็นด้วย โดยเฉพาะจีนที่ได้เสนอให้ความช่วยเหลือมาทางฝั่งกัมพูชา โดยเฉพาะเทคโนโลยี แต่ทั้งหมดนี้ ก็ยังมีปัญหาเล็กน้อยคือกัมพูชา ยังไม่จริงใจที่จะเก็บกู้ ตนเองได้ชี้แจงให้ทุกประเทศ และตระหนักว่า แม้กัมพูชาจะยังไม่พร้อม แต่ไทยจะไม่ยอมแล้ว สิ่งที่กัมพูชาบอกว่าเป็นระเบิดเก่านั้น จะเก่า จะใหม่ ตนเองไม่ได้สนใจ จากภาพจะเห็นเหยื่อที่ได้รับผลกระทบมากว่า 30 ปีแล้ว ทุกภาคส่วนมีการเรียกร้องให้เก็บกู้ทุ่นระเบิด ทั้งเก่าทั้งใหม่ ซึ่งทั้งหมดนี้ไม่เป็นไปตามข้อตกลงตามอนุสัญญาออตตาวา ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ
การเก็บกู้ทุ่นระเบิด ต้องมองข้ามอุปสรรคใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะปัญหาจากทุ่นระเบิด เป็นเรื่องของสิทธิมนุษยชนโดยแท้ ไทยเคารพในกฎหมายระหว่างประเทศ เราไม่ต้องการให้มีทุ่นระเบิดอยู่ในไทย ต้องขอบคุณกองทัพที่ให้ข้อมูลว่าได้ทำลายระเบิดส่วนนี้มาตลอด และไม่มีอยู่ในคลังของเราแล้ว ซึ่งเป็นระเบิดที่ทำลายชีวิตมนุษย์ และระเบิดชนิดนี้ที่พบ เป็นระเบิดที่ทำมากจากพลาสติก
หลังจากวันนี้ ตนเองจะเรียกร้องให้กับประชาคมโลกและประเทศรัฐภาคีในอนุสัญญาออตาวา เพื่อกดดันกัมพูชาให้มาร่วมมือกับไทย ในการเก็บกู้ทุ่นระเบิด โดยไทยมี TMAC พร้อมร่วมมือกับทุกประเทศทั่วโลก พร้อมทำเพื่อมนุษยธรรม
แม้สถานการณ์ชายแดนจะมีการหยุดยิง จะมีการประชุม GBC และ RBC ในอนาคต เราหวังว่าการแก้ปัญหา และข้อตกลงหยุดยิงจะได้พูดกันมากขึ้น พูดถึงความร่วมมือในการเก็บกู้ทุ่นระเบิด และไทยยังคงกังวงเรื่องสงครามข่าวสารในการตอบโต้ จึงอยากเรียกร้องให้มิตรประเทศทุกประเทศ ช่วยกันผลักดันให้กัมพูชาที่ใช้อินเตอร์เน็ตในการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จเฟคนิวส์ เพื่อให้บรรยากาศในการสร้างสันติภาพเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมของทั้งสองประเทศ และเพื่อประโยชน์ตามแนวชายแดน
ทั้งนี้ ระหว่างการประชุมได้มีการเปิดวิธีทัศน์บรรยายสรุปไทม์ไลน์สถานการณ์เหตุปะทะ และการโจมตีของฝ่ายกัมพูชา รวมถึงสภาพความเสียหายของบ้านเรือนประชาชนในพื้นที่ชุมชน และยังมีการรายงานถึงการดำเนินการช่วยเหลือประชาชน จากเหตุการณ์ดังกล่าวด้วย







