‘ครูธัญ’ ชงตัดงบฯ ซอฟต์พาวเวอร์ 5% แนะ สร้างตัวชี้วัดเชิงอิทธิพล ไม่ใช่จำนวน

“ครูธัญ” ชำแหละ งบฯ ซอฟต์พาวเวอร์ ปี69 ของ TCEP วัดความสำเร็จด้วยจำนวน มากกว่าผลลัพธ์ระดับนานาชาติ ชี้ ถ้าตีความแค่อีเวนต์ เสียโอกาส ชงตัดงบฯ5% สร้างระบบติดตามตัวชี้วัดเชิงอิทธิพล
นายธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ตั้งข้อสังเกตในการอภิปรายร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 วาระ 2 มาตรา 7 สำนักนายกรัฐมนตรี ว่างบประมาณรวม 219,784,200 บาท ที่สำนักส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ TCEP ได้รับเพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์ของไทย ยังคงวัดความสำเร็จด้วย จำนวนกิจกรรม และจำนวนผู้เข้าร่วมมากกว่าผลลัพธ์เชิงอิทธิพลในระดับนานาชาติ
นายธัญวัจน์ กล่าวว่า โครงการสำคัญเกือบทั้งหมด เช่น Thailand Festival หรือ Bangkok International Design Expo เป็นการจัดงานภายในประเทศ งบประมาณกว่า 197 ล้านบาท ในหมวด ขับเคลื่อน Soft Power ด้านศิลปวัฒนธรรม และ 22 ล้านบาท ในหมวด ด้านออกแบบ ยังขาดหลักฐานชัดเจนว่าจะสร้างผลกระทบเชิงสากล เช่น การเพิ่มยอดผู้เข้าชมจากต่างประเทศ การเผยแพร่คอนเทนต์ไทยในสื่อต่างประเทศ หรือการผลักดันศิลปินไทยให้เป็นที่รู้จักในเวทีโลก
“แม้จะใช้คำว่า Ambassador Network แต่รายละเอียดกลับเน้นการเชิญบุคคลมาร่วมงาน ซึ่งอาจได้เพียงภาพคนดังในต่างประเทศออกงานอีเวนต์ แต่ไม่ได้ส่งออกเรื่องเล่าและอัตลักษณ์ไทยสู่สากล” นายธัญวัจน์ กล่าว
นายธัญวัจน์ กล่าวว่า ความเสี่ยงและโอกาสที่สูญเสีย หากซอฟต์พาวเวอร์ถูกตีความแค่ว่าเป็นงานอีเวนต์จะทำให้ไทยสูญเสียโอกาสสร้าง เรื่องเล่าของไทยสู่นานาชาติ งบหลายร้อยล้านอาจถูกใช้ไปกับงานที่มีอายุเพียงไม่กี่วัน โดยไม่มีผลระยะยาวในเชิงเศรษฐกิจหรือการทูตวัฒนธรรม และไม่มีแผนติดตามผลชัดเจน เช่น การวัดการรับรู้ไทยในต่างประเทศ การขยายตลาดคอนเทนต์ไทย หรือการเพิ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพ
“ตัวชี้วัดในการดำเนินงานซอฟต์พาวเวอร์เน้นกิจกรรมและจำนวนคนมากกว่าผลลัพธ์เชิงอิทธิพล วัดผลทางเศรษฐกิจเป็นเชิงกิจกรรม ไม่ใช่การวัดอิทธิพลระยะยาว ขาดการวัดการรับรู้และการยอมรับในตลาดต่างประเทศ และเสี่ยงต่อการตีความซอฟต์พาวเวอร์แคบเกินไป แทนที่จะสร้างเรื่องราวไทยที่เดินทางออกไปสู่โลก ผ่านสื่อ ศิลปะ วัฒนธรรม หรือบุคลากรที่ไปสร้างชื่อในต่างประเทศ เพียงแต่เน้นการดึงคนต่างประเทศหรือจัดงานภายในไทยเป็นหลัก เป็นเพียงการท่องเที่ยวเชิงกิจกรรม (event tourism) มากกว่า การทูตวัฒนธรรม (cultural diplomacy)” นายธัญวัจน์ กล่าว
นายธัญวัจน์ กล่าวว่า ตนเสนอว่าควรกำหนดตัวชี้วัดใหม่ใน 4 ด้าน คือการรับรู้ในต่างประเทศ (International Awareness) ,การเข้าถึงตลาดต่างประเทศ (Market Penetration) ,การมีส่วนร่วมของผู้ชมต่างประเทศ (Engagement) และอิทธิพลเชิงภาพลักษณ์ (Perception & Influence) ตัวอย่างตัวชี้วัดของประเทศเกาหลีใต้ ใช้ตัวชี้วัดยอดขายคอนเทนต์ K-Content และผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการส่งออกแฟชั่น ดนตรี อาหาร ขณะที่ญี่ปุ่นใช้จำนวนแบรนด์ที่ขยายตลาดและมูลค่าส่งออกสินค้าวัฒนธรรม วัดผลความสำเร็จของโครงการ Cool Japan Fund
นายธัญวัจน์ กล่าวว่า ตนได้เสนอให้ตัดงบ 5% หรือ 10,989,210 บาท จากวงเงินรวม และนำไปใช้สร้างระบบติดตามตัวชี้วัดเชิงอิทธิพล เช่น การทำวิจัยตลาดในประเทศเป้าหมาย การผลิตคอนเทนต์ส่งออก และการสร้างความร่วมมือกับสื่อนานาชาติ เพื่อให้ทุกบาทของงบซอฟต์พาวเวอร์สร้างอิทธิพลทางวัฒนธรรมได้จริงในระดับโลก ถ้าไทยยังวัดเพียงจำนวนผู้ร่วมงาน เราจะไม่สามารถแข่งขันในเวทีโลกได้







