‘กองทัพ’จัดทัพรับมือ‘กัมพูชา’ จับตา ‘พล.ต.วีระยุทธ’ เต็งนั่งแม่ทัพภาคที่ 2

‘กองทัพ’จัดทัพรับมือ‘กัมพูชา’ จับตา ‘พล.ต.วีระยุทธ’ เต็งนั่งแม่ทัพภาคที่ 2

"พล.ต.วีระยุทธ รักศิลป์" รองแม่ทัพภาคที่ 2 คุมสายงานยุทธการและการข่าว เพื่อนเตรียมทหารรุ่น 26 ของ ผบ.ทบ.และ “แม่ทัพกุ้ง” ถูกวางตัวเข้ามารับไม้ต่อในช่วงต้องเปลี่ยน ม้ากลางศึก

KEY

POINTS

  • คะแนนนิยมรัฐบาลตกต่ำ ปัจจัยสำคัญการแก้ไขปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ถูกผูกโยงกับความสัมพันธ์ “ทักษิณ” กับ “ฮุน เซน” และกรณีคลิปเสียงสนทนา “แพทองธาร”
  • กองทัพ ยังคงทำหน้าที่เป็น “เดอะแบก”ชายแดนไทย-กัมพูชา แม้ผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป บรรลุข้อตกลงหยุดยิง 13 ข้อ แต่ปฏิบัติไม่ได้ 100 %

นับถอยหลังคดี “แพทองธาร ชินวัตร” นายกฯและ รมว.วัฒนธรรม กรณีคลิปเสียงสนทนา ฮุนเซน ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ภายหลังได้ส่งคำชี้แจงเมื่อ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา

เข้าข่ายขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (4) (5) เนื่องจากไม่มีความซื่อสัตย์สุจริต และมีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงตามคำร้องหรือไม่

คอการเมืองต่างเชื่อว่า โอกาส “นายกฯแพทองธาร” รอดมีน้อย แม้ในทางนิตินัย “ฮุน เซน" ดำรงตำแหน่งประธานวุฒิสภา แต่พฤตินัยเป็นผู้นำจิตวิญญาณและมีอิทธิพลสูงสุดในกัมพูชา ชี้วัดได้จากการเผยแพร่ภาพการนั่งบัญชาการรบด้วยตัวเอง

ส่วน “คนเพื่อไทย” ออกมาสยบข่าว “แพทองธาร” เตรียมลาออก ก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัย เพื่อหลีกเลี่ยงตราบาป “นายกฯ” ที่ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริต และทำผิดจริยธรรมร้ายแรง

ทั้งเสียงการันตีจาก “หมอมิ้ง” นพ.พรหมมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯ ย้ำชัดไม่มีการพูดคุยกันเรื่องนี้ และสำทับด้วย ดนุพร ปุณณกันต์ โฆษกพรรคเพื่อไทย พร้อมชู “ชัยเกษม นิติสิริ” แคนดิเดตนายกฯเพื่อไทย อีกคน

กลายเป็นโจทย์ใหญ่ “พรรคร่วมรัฐบาล” หาก “แพทองธาร” ไม่รอดคดีคลิปเสียง “ฮุน เซน” แม้จะเป็นเรื่องตัวบุคคล แต่เชื่อมโยงไปถึงพรรค และผู้นำจิตวิญญาณ “ทักษิณ ชินวัตร” ยังจะกอดคอ “พรรคร่วมรัฐบาล” สนับสนุน “ชัยเกษม” เป็นนายกฯ หรือไม่

ท่ามกลางตัวชี้วัด ผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนของ “นิด้าโพล” เรื่อง สถานการณ์ไทย-กัมพูชา 75.73% คนไทยไว้วางใจ“กองทัพ” ในการปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติ รองลงมาคือ รัฐบาล 54.58% กระทรวงการต่างประเทศ 41.76%

และพึ่งพอใจต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งไทย-กัมพูชาของ กองทัพ 75.42% แต่ ไม่พอใจการทำหน้าที่และบทบาทของรัฐบาล 54.43% และกระทรวงการต่างประเทศ 40.31%

ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า คะแนนนิยมรัฐบาลตกต่ำ ปัจจัยสำคัญการแก้ไขปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ถูกผูกโยงกับความสัมพันธ์ “ทักษิณ” กับ “ฮุน เซน” และกรณีคลิปเสียงสนทนา “แพทองธาร” จนสลัดไม่ออก ทำประชาชนขาดความเชื่อมั่น

หรือแม้แต่การประกาศดำเนินคดีทางเพ่งและอาญาในศาลไทย กับ “ฮุน เซน” ในฐานะผู้บัญชาการรบในการใช้อาวุธโจมตีพลเรือนไทย เสียชีวิตหลายราย โรงพยาบาลกว่า20แห่งพังยับ โรงเรียน ร้านสะดวกซื้อ ก็ไม่มั่นใจว่าจริงจังมากน้อยเพียงใด

โฟกัสมาที่ “กองทัพ” ยังคงทำหน้าที่เป็น “เดอะแบก”ชายแดนไทย-กัมพูชา แม้ผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป(GBC) เมื่อ7 ส.ค. ที่ประเทศมาเลเซีย ทั้งสองฝ่ายจะบรรลุข้อตกลงหยุดยิง 13 ข้อ แต่เป็นที่รับรู้ว่าในทางปฏิบัติดำเนินการไม่ได้ 100 เปอร์เซ็นต์

พิจารณาสถานการณ์ในพื้นที่ ทหารกัมพูชาปรับยุทธวิธีเตรียมพร้อมสู้รบ ทั้งการเพิ่มเติมกำลัง ปรับปรุงฐาน ขุดคูเลต เปลี่ยนพื้นที่วางอาวุธหนักตลอดแนว ตั้งแต่ ช่องบก ซำแต ภูมะเขือ ช่องตาเฒ่า ประสาทตาเมือนธม พื้นที่เขาพระวิหาร บริเวณวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ ห้วยตามาเรีย ช่องอานม้า

อีกทั้งกัมพูชายังไม่ตอบรับข้อเสนอของฝ่ายไทยในเวทีประชุมจีบีซี เรื่อง ความร่วมมือเก็บทุ่นระเบิด และการปราบปรามแก๊งคอร์เซ็นเตอร์ ที่ชายแดนเป็นฐานปฏิบัติเดียวกัน

ส่งผลให้ ทหารไทย ยังต้องเผชิญอาวุธซ่อนรูปของทหารกัมพูชา บาดเจ็บ ข้อเท้าขาดต่อเนื่องจากภารกิจลาดตระเวน จากกับระเบิดที่ถูกวางไว้ตลอดแนวชายแดน

ฝูงโดรนบินเหนือที่ตั้งสนามบิน คลังอาวุธ คลังระเบิด บ้านพักทหาร โรงพยาบาล ใน14 จังหวัดของไทย มีลักษณะข่มขู่ คาดว่าเป็นฝีมือชาวต่างชาติ และคนไทยบางส่วนเสียประโยชน์จากการปราบปรามเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์

การเปลี่ยนแปลงรัฐบาลในอนาคต “กองทัพ”รับรู้เพียงเก้าอี้“รมว.กลาโหม”จะไม่ถูกปล่อยว่าง “พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์” อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด บุคคลที่ถูกวางตัวไว้ หลังปรากฎตัวครั้งแรกวันคล้ายวันสถาปนาโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ครบ 138 ปี 5 ส.ค.ที่ผ่านมา

"รมว.กลาโหม' คนใหม่ ต้องเป็นที่เกรงขามฝ่ายกัมพูชา เหตุผลเว้นวรรคเก้าอี้ตัวนี้รอ "พล.อ.เฉลิมพล" พ้นบ่วงสมาชิกวุฒิสภา ประมาณเดือนกันยายนเริ่มเห็นเค้าลาง

สำหรับ พล.อ.เฉลิมพล เป็น “เพื่อนรักต่างรุ่น” ของ “บิ๊กแดง” พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ อดีต ผบ.ทบ.

เป็นทหารม้าเติบโตในสายผู้บังคับหน่วยรบ และสายอำนวยการ เคยผ่านเหตุการณ์สำคัญทางการเมืองและมีส่วนเขียนแผน “จักรพงษ์ภูวนาถ” ในศึกเขาพระวิหาร เมื่อปี 2554

ขณะเดียวกันในสภาวะที่รัฐบาลอำนาจต่อรองมีน้อย ทำให้ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.ทบ. จัดทำโผทหารของกองทัพบก เรื่องวางตัวบุคคล สานต่อภารกิจชายแดนไทย-กัมพูชาที่ยังไม่จบ ปราศจากการล้วงลูก หรือตั๋วการเมือง

โดยเฉพาะอย่างยิ่งตำแหน่ง แม่ทัพภาคที่ 2 ที่ต้องมาแทน “แม่ทัพกุ้ง” พล.ท.บุญสิน พาดกลาง ที่จะเกษียณอายุราชการในเดือนกันยายนนี้ ควรต้องเป็นคนที่ “ผบ.ทบ.” เป็นคนเลือก โดยไม่มีปัจจัยอื่นแทรกซ้อน

แม้จะมีแรงเชียร์ให้ “รัฐบาล” ต่ออายุราชการให้ พล.ท.บุญสิน เพื่อให้ปฏิบัติหน้าที่แม่ทัพภาคที่ 2 ต่อไปอีก เพื่อกำราบ “ฮุน เซน” แทบจะเป็นไปไม่ได้ เพราะจะทำให้เสียธรรมเนียมทหาร ที่สำคัญอาจจะมีผลให้ “แม่ทัพ - นายกอง” หวาดระแวงกัน

จึงปรากฎชื่อ “รองเติ่ง” พล.ต.วีระยุทธ รักศิลป์ รองแม่ทัพภาคที่ 2 ซึ่งดูสายงานยุทธการและการข่าว เพื่อนเตรียมทหารรุ่น 26 ของ ผบ.ทบ.และ “แม่ทัพกุ้ง” ถูกวางตัวเข้ามารับไม้ต่อในช่วงต้องเปลี่ยน ม้ากลางศึก

“พล.ต.วีระยุทธ” เป็นหนึ่งในทีมเลขานุการคณะกรรมการชายแดน ฝ่ายไทยหารือฝ่ายกัมพูชาตลอด3 วันก่อนเสนอ13ข้อสรุปหยุดยิงให้ประธานคณะกรรมการจีบีซีสองประเทศลงนาม

นอกจากนี้ “พล.ต.วีระยุทธ” ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าในส่วนกองบัญชาการกองทัพภาคที่ 2 ส่วนหน้า ที่ตั้งขึ้นแก้ปัญหาพื้นที่ช่องบก เพื่อติดตามความเคลื่อนไหวของกำลังที่เผชิญหน้ากันอยู่ตลอดแนวตั้งแต่ช่วงต้นของปัญหา

และในการประชุมการคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC)ของ กระทรวงต่างประเทศครั้งล่าสุด “พล.ต.วีระยุทธ” ร่วมเดินทางไปกับ พล.อ.ธงชัย รอดย้อย เสนาธิการทหารบก ที่กรุงพนมเปญ

ดังนั้น จะเห็นได้ว่า ช่วงการเมืองไทย อยู่ระหว่างการเขย่าสมการจัดอำนาจใหม่ “กองทัพ” จำต้องเป็นสรรพกำลังที่สำคัญในการสู้ศึกชายแดนไทย-กัมพูชา