ทบ. ซัด กัมพูชา บิดเบือนข้อมูลไม่เลิก ย้ำฝ่ายไทยใช้อาวุธ ตรงเป้าทหารแม่นยำ

ทบ. ซัด กัมพูชา บิดเบือนข้อมูลไม่เลิก ย้ำฝ่ายไทยใช้อาวุธ ตรงเป้าทหารแม่นยำ

โฆษก ทบ. ซัด กัมพูชา บิดเบือนข้อมูลไม่เลิก หลังนำผู้ช่วยทูตทหารดูความเสียหาย วัดตาเมือนแซนเจย จ.อุดรมีชัย ชี้พื้นที่รวมพลทหารกัมพูชาโจมตีฝ่ายไทย เขตสู้รบชายแดน ไร้พลเรือนบาดเจ็บ-สูญเสีย

11 ส.ค. 68 จากกรณีกระทรวงข่าวสารกัมพูชา รายงานว่า “พล.ท. มาลี โสเจียตา โฆษก กระทรวงกลาโหมกัมพูชา แถลงถึงการลงพื้นที่ของคณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศประจำกัมพูชาจาก 9 ประเทศ  สำรวจความเสียหายในหมู่บ้านทมาดอน ตำบลโคกมอน อำเภอบันเตียอำปึล จังหวัดอุดรมีชัย  ซึ่งอ้างว่าได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งระหว่างกัมพูชาและไทย โดยความเสียหายดังกล่าวเกิดจากการทิ้งระเบิด MK-84 และการยิงถล่มบ้านเรือน โรงเรียน และสถานีอนามัย โดยกองทัพไทย
การเยือนครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการติดตามมติที่ประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2568 ซึ่งกำหนดให้ทั้งสองฝ่ายปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิง 

ล่าสุด พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ระบุว่า ขอเรียนว่าจากกรณีดังกล่าว เป็นความพยายามบิดเบือนข้อเท็จจริงของฝ่ายกัมพูชา ยืนยันว่าฝ่ายทหารไทยยึดมั่นต่อการใช้อาวุธต่อเป้าหมายทางทหารตามหลักสากลเท่านั้นและยืนยันว่าการใช้อาวุธของฝ่ายไทย มีประสิทธิภาพสามารถจำกัดวงการทำลาย อยู่ในพื้นที่เป้าหมายทางทหารเท่านั้น

ไม่เหมือนฝ่ายกัมพูชาที่มุ่งโจมตีเป้าหมายทางพลเรือนของไทย ที่อยู่นอกขอบเขตพื้นที่การรบ  โดยในหลายจุดมีระยะห่างจากพื้นที่การรบไกลมากถึง 30 กม.  ปัจจุบันสามารถนับจุดที่มีตำบลกระสุนจากฝ่ายกัมพูชามาตกในพื้นที่พลเรือนรวมกันเป็น 100 จุด   ซึ่งมีทั้งได้ระเบิดไปแล้ว และที่ยังไม่ระเบิดอีกจำนวนมาก ฝ่ายไทยมีจัดทำเป็นบันทึกไว้เป็นหลักฐานแล้วอย่างละเอียด  ซึ่งฝ่ายกัมพูชามิอาจปฏิเสธ ความจริง และมิอาจปฏิเสธความรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้นได้   และถือเป็นการมุ่งโจมตีต่อเป้าหมายพลเรือนอย่างจงใจ 

ส่วนกรณี กัมพูชาพาคณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศประจำกัมพูชาจาก 9 ประเทศ ลงสำรวจพื้นที่ บริเวณวัดตาเมือนแซนเจย ต.โคกมอน อ.บันเตียอำปึล จ.อุดรมีชัย ที่มีปรากฏร่องรอยความเสียหายตามที่ฝ่ายกัมพูชาอ้างถึงนั้น   ขอเรียนว่าบริเวณพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่เป้าหมายทางทหาร  ซึ่งอยู่บริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา มีระยะห่างจากแนวชายแดนเพียง 1.8 กิโลเมตร  ไม่ใช่ลึกเข้าไปยังพื้นที่ตอนในไกลถึง 20-30 กิโลเมตร แบบที่ฝ่ายกัมพูชากระทำต่อฝ่ายไทย   ซึ่งพื้นที่บริเวณดังกล่าวอยู่ในขอบเขตของพื้นที่การสู้รบ  และในห้วงที่มีการสู้รบ  พื้นที่ดังกล่าวไม่มีบุคคลพลเรือนอยู่อาศัย  มีเพียงทหารฝ่ายกัมพูชา ใช้เป็นพื้นที่รวมพลเพื่อเตรียมการนำกำลังเข้าตีฝ่ายทหารไทย  รวมถึงใช้เป็นที่ตั้งในการควมคุมบังคับบัญชาการรบ  พื้นที่ดังกล่าวเป็นเป้าหมายทางทหารของฝ่ายไทย  ที่อยู่ในขอบเขตบริเวณของพื้นที่การรบในครั้งนี้ ส่วนตัวเลขพลเรือนที่มีบาดเจ็บและสูญเสียในบริเวณพื้นที่ดังกล่าวตามที่มีการกล่าวอ้างถึงนั้น  จึงไม่ใช่ข้อเท็จจริง หากมีการบาดเจ็บและสูญเสียจะมีเพียงทหารฝ่ายกัมพูชาเท่านั้น