สว.อิสระ เดินหน้าชน 'ก๊วนน้ำเงิน' ปรับแผน ขยายแผล สู่ 'มวลชน'

แม้ "สว.อิสระ" จะถูกสกัดเรื่องยื่นสอย 136สว.สีน้ำเงิน ทว่ายังไม่หมดทางสู้ เพราะก้าวย่างต่อไป คือ การขยายเรื่องไปนอกสภา ให้พลังประชาชนเป็นแรงเขย่าอำนาจ "เสียงข้างมาก"
KEY
POINTS
- กลุ่ม สว.อิสระ ยื่นเรื่องถอดถอน สว. "ก๊วนน้ำเงิน" 136 คน แต่ล้มเหลวเนื่องจากมีผู้ลงชื่อสนับสนุนไม่ครบตามเกณฑ์ที่รัฐธรรมนูญกำหนด
- สาเหตุที่ผู้ลงชื่อไม่ครบเกิดจากการถอนตัวและอ้างว่าถูกปลอมลายเซ็น ซึ่งกลุ่ม สว.อิสระเชื่อว่ามาจากการถูกล็อบบี้และข่มขู่จากฝ่ายตรงข้าม
- สว.อิสระจึงปรับแผนใหม่ โดยจะหันมาเปิดโปงพฤติกรรมของ สว. "ก๊วนน้ำเงิน" ต่อสาธารณะ หรือ "ฟ้องประชาชน" เพื่อลดความน่าเชื่อถือ
- ขณะเดียวกัน ฝ่าย สว. "ก๊วนน้ำเงิน" เตรียมตอบโต้กลับ โดยอาจใช้ประเด็นการปลอมลายมือชื่อเพื่อฟ้องคดีอาญากับแกนนำกลุ่ม สว.อิสระ
แม้ “สว.กลุ่มอิสระ” จะใช้แผน “เปิดหน้า” เพื่อหวังแก้เกม สว.เสียงข้างมาก ต่อปฏิบัติการล็อบบี้ “ถอนชื่อ” ในคำร้องที่ขอให้ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อวินิจฉัยสมาชิกภาพของ 136 สว. ซึ่งเป็นก๊วนสีน้ำเงิน ว่าต้องสิ้นสุดลง เพราะมีพฤติกรรมที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 113 ว่าด้วยการยอมตนให้อยู่ใต้อาณัติและฝักใฝ่ในพรรคการเมืองใด หรือไม่
ทว่าไม่เป็นผล เพราะพลันที่เรื่อง ถูกยื่นออกไป ถึง “มงคล สุระสัจจะ” ประธานวุฒิสภา กลับกลายเป็นว่า รายชื่อทั้ง 21 คนถูกเปิดเผยอย่างชัดแจ้ง และไม่กี่ชั่วโมงต่อมา พบปฏิบัติการที่ทำให้ รายชื่อตามเกณฑ์ที่รัฐธรรมนูญกำหนดให้ใช้ 1 ใน 10 นั้นไม่ครบจำนวน
ตามที่ สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา และหน่วยงานในสังกัด ฐานะ ผู้ตรวจสอบเรื่อง ได้แจ้งเรื่องให้กับ “นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ” สว. ฐานะผู้เสนอคำร้องหลัก และ คณะสว. ระบุว่า จำนวนผู้ลงลายมือชื่อไม่ครบจำนวน 1 ใน 10 ของจำนวนสว.ทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ หรือไม่ครบ 20 คน ตามที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรคหนึ่ง กำหนดไว้
ด้วยเหตุผล คือ ปัญหาของการลงลายมือชื่อที่พบว่ามี สว. 2 ราย แจ้งว่าเป็นลายมือชื่อปลอม คือ ธณัชญ์พงศ์ วงศ์มุลาลี และ เดชา นุตาลัย และอีก 1 ราย ขอถอนชื่อ คือ พ.อ.หญิง ธณตศกร บุราคม สว. เนื่องจากเข้าใจคลาดเคลื่อนในสาระสำคัญของการร่วมเสนอชื่อ ทำให้จำนวนสว.ที่ร่วมลงลายมือชื่อมาตั้งแต่ต้น 21 คน เหลือเพียง 18 คน
ทั้งนี้ยังไม่หักจำนวน สว. ที่ปรากฎผลการตรวจสอบลายมือชื่อของสำนักบริหารกลางในเบื้องต้นที่ไม่สอดคล้องกับที่ให้ไว้กับสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา อีก 3 คน ถือว่า จำนวนผู้ลงลายมือชื่อไม่ครบจำนวน 1 ใน 10 ของจำนวนสว.ทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ หรือไม่ครบ 20 คน ตามที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรคหนึ่ง กำหนดไว้
ถือว่าปฏิบัติการทำแท้งคำร้อง สอย 136 สว. นั้นต้องหยุดลง หลังจากที่เปิดหน้าท้าชน ไปเพียง 28 ชั่วโมงเศษ เท่านั้นนับตั้งแต่ ที่ “น.ต.วุฒิพงษ์ พงษ์สุวรรณ-นันทนา นันทวโรภาส” นำคณะสว. รวม 9 คน เปิดหน้ายื่นหนังสือ เมื่อ 6 ส.ค. เวลา 12.09 น. และ สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา แจ้งเหตุที่ไม่อาจส่งคำร้องได้ ในวันที่ 7 ส.ค. เวลา 16.29 น.
“มีสว.ที่มีรายชื่อถูกร้องเรียน โทรศัพท์ล็อบบี้ ให้ถอนชื่อ เพื่อให้จำนวนผู้ลงชื่อไม่ครบตามรัฐธรรมนูญ โดยอ้างเชิงข่มขู่ว่า หากไม่ยอมถอนชื่อออก จะถูกฟ้องกลับถูกดำเนินคดี จะทำให้เสียประวัติถูกบันทึกเป็นคดีความภายหลัง สว.บางรายที่เข้าชื่อถอดถอนถูกฝ่ายตรงข้ามร้องเรียนให้กรรมการจริยธรรมสว.ตรวจสอบในเรื่องที่ไม่ชอบมาพากล พอจะไปชี้แจงกลับถูกปฎิเสธไม่ให้นำพยานหลักฐานเข้าชี้แจงอย่างไม่เป็นธรรม เสมือนเป็นการสร้างประเด็นให้หวาดกลัว หวั่นเกรงต่าง ๆ เพียงหวังให้ต้องยอมไปถอนชื่อออกเท่านั้น” นพ.เปรมศักดิ์ ระบุ
เมื่อถามฉากทัศน์ต่อไป “นพ.เปรมศักดิ์” นิ่งเงียบไปพักหนึ่งก่อนถอนหายใจแล้วตอบว่า “จะหารืออีกครั้งว่ามีทางออกอย่างไรบ้าง แต่ทางหนึ่งที่ต้องทำ คือ ทำเรื่องนี้ให้มีผลต่อสังคม เพราะผมแปลกใจว่า สว.สีน้ำเงิน บอกว่าไม่กลัวการตรวจสอบ แต่การกระทำกลับตรงข้าม หากไม่กลัวจริง ทำไมต้องรบกวนระบบของพวกเรา”
ขณะที่ “น.ต.วุฒิพงษ์” ฐานะ 1 ใน 21 สว.ที่เข้าชื่อ ถอดถอน 136 สว. ให้สัมภาษณ์ด้วยว่า “เรื่องนี้ต้องฟ้องประชาชน ขณะเดียวกันนั้นในการเข้าชื่อเพื่อถอดถอนยังต้องเดินหน้าต่อ เพราะมี รายชื่อสว.เสียงข้างน้อย สำรอง ที่พร้อมจะลงลายมือชื่อสนับสนุน ยื่นศาลรัฐธรรมนูญ ต่อไป
ทั้งนี้จะเริ่มกระบวนการใหม่ ในวันที่ 13 ส.ค. นี้ โดยให้ สว.อิสระที่มีเกือบ 60 คน ลงลายมือชื่อต่อหน้าสื่อมวลชน
ดังนั้นเมื่อแกะความที่ “สว.กลุ่มอิสระ” จะเดินต่อ คือ การใช้บทบาทของ “สว.” ในการลดความเชื่อมั่นและศรัทธา ใน “สว.เสียงข้างมาก” ซึ่งที่ผ่านมาได้เห็นในเวทีประชุมวุฒิสภา ที่ “สว.พันธุ์ใหม่” นำโดย “นันทนา” ที่ใช้การโต้แย้งการกระทำที่ไม่ชอบของ “สว.ก๊วนน้ำเงิน” ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับ คดีฮั้วสว.
ซึ่ง 136 สว. ถูกตรวจสอบในกรณีดังกล่าวในขั้นตอนของ “คณะกรรมการการเลือกตั้ง” (กกต.) รวมถึงการเสนอญัตติโต้แย้งอำนาจในวาระต่างๆ ของที่ประชุมวุฒิสภา
โดยงานนี้ “สว.ก๊วนน้ำเงิน” รู้ตัวดีว่าจะต้องถูกก่อกวน จึงเตรียมพร้อมรับมือในทุกทิศทุกทาง และใช้ “เสียงข้างมาก” โต้กลับไปเหมือนทุกครั้ง และเอาชนะได้ทุกครั้ง
ขณะเดียวกันยังได้หาช่องที่สามารถใช้เป็นเครื่องมือ “โต้กลับ” โดยใช้กรณีที่ “สว.เดชา และ ธณัชญ์พงศ์” ระบุว่า ถูกปลอมลายมือชื่อ ซึ่งในกรณีของ “สว.ธณัชญ์พงศ์” นั้น ได้ลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สน.บางโพ
แม้ว่า “ธณัชญ์พงศ์” จะระบุไว้ในความท้ายของการลงบันทึกประจำวันว่า “ไม่ประสงค์ร้องทุกข์เพื่อให้ดำเนินคดี”
แต่ในข้างผู้ที่เป็นต่อ กำลังหาทางสกัดทุกเส้นสายที่จะนำภัยมาถึงตัว โดยล่าสุด มีความเคลื่อนไหวของสว.สีน้ำเงินที่เตรียมตรวจสอบ ประเด็นปลอมแปลงเอกสาร หากพบข้อเท็จจริง พร้อมพยานหลักฐาน เตรียมฟ้องอาญาต่อไป
โดยมีกรณีที่ต้องจับตา คือ 3 สว. ที่ในบันทึกข้อความของ “สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา” ที่ระบุว่า ผลการตรวจสอบลายมือชื่อ จากสำนักบริหารงานกลาง ของ สว.อีก 3 คนที่ไม่สอดคล้องกับให้ไว้กับสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา และ กรณีปลอมลายมือชื่อของ สว.เดชา ที่ยังไม่พบการแจ้งความ
งานนี้คนที่อาจถูกจ้องเอาผิดคนแรก คือ “นพ.เปรมศักดิ์” แกนนำสว.สีขาว รองลงมาคือ “น.ต.วุฒิพงศ์ และ นันทนา” สว.กลุ่มพันธุ์ใหม่ และจากการตรวจสอบข้อเท็จจริงถึงการลงลายมือชื่อต่อหน้าหรือไม่ “นพ.เปรมศักดิ์” เลี่ยงที่จะตอบ บอกแค่ว่า “อ้างได้สารพัด ผมไม่อยากพูดมากกว่านี้ ส่วนใหญ่ที่โดนระบบนี้ เพราะต้านไม่อยู่ มีวิชามาข่มขู่ จะฟ้องร้องเอาเรื่อง มีเรื่องพระเดชพระคุณ ปากบอกว่าประชาธิปไตยแต่การกระทำเป็นมากกว่าเผด็จการอีก”
ดังนั้นในเกม “เสียงข้างน้อย” ที่เปิดหน้า ท้าชน “เสียงข้างมาก” ต้องจับตาให้ดี แม้การเดินเส้นทางไปสู่การ “ถอดถอน 136 สว.” จะสะดุดลง แต่ใช่ว่าจะไม่เดินต่อ เพราะยามนี้ “สว.เสียงข้างน้อย” มี “ผู้มากอำนาจ” คอยสนับสนุน และเป็น “แบ็คอัป” ให้อย่างดี







