กางโรดแมป'พักรบ-พร้อมรบ' 'จีบีซี' เปิดทางลงกัมพูชา

กางโรดแมป'พักรบ-พร้อมรบ'  'จีบีซี' เปิดทางลงกัมพูชา

ปัจจุบันไทย-กัมพูชา จะอยู่ระหว่างหยุดยิง แต่ยังมีสัญญาณบ่งชี้ในระดับพื้นที่ ว่ายังไม่พักรบ เพราะต่างฝ่ายต่างปรับกำลังเสริมความมั่นคง เตรียมพร้อมรบ พร้อมปะทะตลอดเวลา

KEY

POINTS

  • การประชุม จีบีซี ไทย-กัมพูชา ถูกกำหนดขึ้นอีก 1 เดือนข้างหน้า  เพื่อติดตามความคืบหน้าการปฏิบัติตาม13ข้อตกลงของสองฝ่าย
  • อีก 2 สัปดาห์ จะมีการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคไทย-กัมพูชา ระหว่าง  เพื่อกำหนดขั้นตอนการปฏิบัติเพื่อนำไปสู่การหยุดยิง

สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เดินมาถึงหมุดหมายสำคัญ ซึ่งอยู่ในความสนใจทั้งไทย-กัมพูชา และนานาชาติ ที่เฝ้าติดตามผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (General Border Committee : GBC) หรือจีบีซี เมื่อวันที่ 4-7 ส.ค. ที่ประเทศมาเลเซีย

ทันที พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม รักษาการ รมว.กลาโหมของไทย กับ พล.อ.เตีย เซรย ฮา รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหมกัมพูชา ได้ลงนามข้อสรุปผลการประชุมจีบีซี โดยมีสหรัฐอเมริกา จีน และมาเลเซีย ร่วมสังเกตการณ์

เป็นที่น่าสังเกตว่า การประชุมจีบีซี 4-6 ส.ค. ฝ่ายไทยมีข้อเสนอ 13 ข้อ แต่ฝ่ายกัมพูชาไม่ได้เตรียมข้อเสนอมา แต่นำข้อเสนอฝ่ายไทยไปพิจารณา และขอปรับเพิ่มรายละเอียด และนำมาเจรจากับฝ่ายไทย

เช่น ฝ่ายไทย ได้ขอให้ทางฝ่ายกัมพูชา ให้ความร่วมมือเก็บกู้ทุ่นระเบิดในพื้นที่ และเก็บศพทหารกัมพูชา ออกจากพื้นที่ชายแดน
พร้อมขอให้ฝ่ายกัมพูชาให้ความร่วมมือ ในการปราบปราม แก๊งคอลเซนเตอร์

ส่วนข้อเสนอฝ่ายกัมพูชา ไม่ให้ฝ่ายไทยใช้กองกำลังทางอากาศ เช่น เครื่องบิน F-16 ปฏิบัติการในพื้นที่ที่มีการปะทะ และขอให้นำรั้วลวดหนามออกจากพื้นที่ ประสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ รวมถึงพื้นที่อื่นรวม 11 จุด

สำหรับประเด็นที่ฝ่ายกัมพูชาให้คำตอบไม่ได้ ต้องสอบถาม “ฮุน เซน-ฮุน มาเนต” คือ การปราบปรามแก๊งคอลเซนเตอร์ และกรณีไทยไม่ตอบรับเรื่องการงดใช้เครื่องบิน F-16

ส่วนการวางรั้วลวดหนาม 11 พื้นที่ ที่ฝ่ายไทยยึดได้ ฝ่ายกัมพูชาจำใจยอมรับ เพราะทราบว่าทหารไทยไม่ยอมถอยออกจากพื้นที่

นอกจากนี้ ทั้งฝ่ายไทยและฝ่ายกัมพูชา เห็นพ้องให้มีการตรวจสอบ หากมีการละเมิดข้อตกลง ใครยิงก่อน ยิงหลัง หรือใครไม่ยิง ซึ่งปัจจุบันมีดาวเทียม เครื่องมือ เทคโนโลยีที่พิสูจน์ได้

ตลอดจนถึง การจัดตั้งคณะสังเกตการณ์ เป็นผู้ช่วยทูตทหารประเทศต่างๆ ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินการฝ่ายไทย-ฝ่ายกัมพูชา ว่าเป็นไปตามที่ได้ตกลงกันไว้หรือไม่

สอดคล้องกับคำแถลงการณ์ที่ พล.อ.ณัฐพล ระบุว่า ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกัน

 1. เรื่องการหยุดยิงอย่างเคร่งครัด ครอบคลุมอาวุธทุกประเภท และคงกำลังไว้ในที่ตั้งเดิมนับตั้งแต่วันที่หยุดยิง โดยไม่มีการเสริมกำลังเพิ่มเติม

2.ให้มีคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว คือผู้ช่วยทูตทหารประเทศอาเซียนประจำประเทศไทยและกัมพูชา นำโดยผู้ช่วยทูตทหารมาเลเซียเข้าไปสังเกตการณ์พื้นที่อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีการละเมิดการหยุดยิงโดยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

3.ทั้งสองฝ่ายจะหลีกเลี่ยงการยั่วยุ ทั้งทางทหาร และการให้ข้อมูลบิดเบือน หรือข่าวเท็จ เพื่อเสริมสร้างบรรยากาศอำนวยการพูดคุย เพื่อหาทางออกโดยสันติ

4.ทั้งสองฝ่ายจะปฏิบัติตามกฏหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด การเก็บร่างผู้เสียชีวิตส่งกลับประเทศ และประกอบพิธีอย่างมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ส่วนการส่งกลับเชลยศึกตามหลักกฎระหว่างประเทศ จะให้ส่งกลับทันทีที่มีการยุติการใช้กำลังโดยสมบูรณ์

5.ทั้งสองฝ่ายจะรักษาช่องทางการพูดคุย และการใช้กลไกทวีภาคีที่มีอยู่ ในการแก้ปัญหาที่อาจเกิดขึ้น ไม่ให้ลุกลามบานปลาย

“ผมได้หยิบยก 2 ประเด็นสำคัญ ซึ่งฝ่ายกัมพูชายังไม่ตอบรับ คือ การเก็บกู้ทุ่นระเบิด และการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะออนไลน์สแกรม สำหรับการประชุม GBC ครั้งนี้ ฝ่ายกัมพูชาระดับนโยบาย ได้แสดงให้เห็นความจริงใจต่อมาตรการหยุดยิงที่ได้ตกลงกันไว้ การกระทำที่ละเมิดการหยุดยิงที่ผ่านมา อาจเป็นการดำเนินการโดยพลการของหน่วยงานในพื้นที่" พล.อ.ณัฐพล ระบุ

นับจากนี้ อีก 2 สัปดาห์ จะมีการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคไทย-กัมพูชา (Regional Border Committee : RBC) หรืออาร์บีซี ระหว่าง พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กับรองผู้บัญชาการทหารภูมิภาคที่ 4 กัมพูชา เพื่อกำหนดขั้นตอนการปฏิบัติเพื่อนำไปสู่การหยุดยิง

และในเดือนกันยายน จะมีการประชุมจีบีซีอีกครั้ง เพื่อติดตามความคืบหน้าผลดำเนินการ ควบคู่กับการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (Joint Boundary Commission : JBC) หรือเจบีซี ของกระทรวงต่างประเทศ ซึ่งอยู่ระหว่างกำหนดวันที่ชัดเจน

ขณะที่ “กองทัพ” พร้อมปฏิบัติตามข้อสรุปจีบีซี แต่เห็นชัดว่า ไม่ไว้วางใจฝ่ายกัมพูชา 100% โดยพิจารณาสถานการณ์ในพื้นที่ หลังพบทหารกัมพูชาเพิ่มเติมกำลัง ปรับปรุงฐาน ขุดคูเลต เปลี่ยนพื้นที่วางอาวุธหนักตลอดแนว ภาษาทหารเรียกว่า “ปรับยุทธวิธีนำไปสู่การสู้รบ”

เช่น ช่องบก ซำแต ภูมะเขือ ช่องตาเฒ่า ประสาทตาเมือนธม พื้นที่เขาพระวิหาร บริเวณวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ ห้วยตามาเรีย ช่องอานม้า

“ผมให้ความสำคัญ ทหารไทยปัจจุบันนี้อยู่ตรงไหนก็ให้อยู่ตรงนั้น ส่วนเรื่องอื่นๆ ถือเป็นเรื่องปกติที่ต้องพูดคุยกัน เช่นการหยุดยิง และสถานการณ์ต่อจากนี้ ก็ได้เน้นย้ำให้ทหารหน้าแนวตั้งอยู่ในความไม่ประมาท และตรึงกำลังไว้ตลอด เรื่องแผ่นดินไม่สามารถคุมได้ด้วยเครื่องมือ ต้องใช้คนเฝ้า เมื่อเปรียบเทียบกับท่าทีของกัมพูชาแล้ว เราจะต้องประกบไว้แบบนี้” พล.ท.บุญสิน พาดกลาง มทภ.2 ระบุ

ผลสรุปการประชุมจีบีซีไทย-กัมพูชาทั้ง 13 ข้อ แม้ไม่ได้ทำให้ฝ่ายไทยเสียเปรียบ แต่ก็ไม่ทำให้ได้เปรียบแต่อย่างใด ซึ่งข้อดีฝ่ายไทยควบคุมพื้นที่ได้ 11 จุด

ส่วนสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ต้องพิจารณาตามหน้างาน หากมีปัจจัย หรือเงื่อนไขที่จะนำไปสู่การปะทะอีกรอบ ก็ต้องกลับมาเริ่มเจรจากันใหม่

แม้ปัจจุบันไทย-กัมพูชา จะอยู่ระหว่างหยุดยิง แต่ยังมีสัญญาณบ่งชี้ในระดับพื้นที่ ว่ายังไม่พักรบ เพราะต่างฝ่ายต่างปรับกำลังเสริมความมั่นคง เตรียมพร้อมรบ พร้อมปะทะตลอดเวลา