'วิโรจน์' เชื่อ บันทึก-แถลง ประชุมจีบีซี กัน 'กัมพูชา' บิดพริ้ว

"ปธ.กมธ.ทหาร" แนะ "ไทย" ใช้ความรอบคอบ-รัดกุม เจรจา "จีบีซี" กับ "กัมพูชา" มองการบันทึก-แถลงต่อประชาคมโลก กันละเมิดข้อตกลงได้
ที่รัฐสภา นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การทหาร สภาฯ ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ไทย-กัมพูชา (จีบีซี) ที่ประเทศมาเลเซีย ที่หลายฝ่ายกังวลว่ากัมพูชาอาจจะละเมิดข้อตกลงได้ ว่า ตนมองว่าหากมีการบันทึกทุกอย่างเป็นรายลักษณ์อักษร และได้แถลงการณ์ต่อประชาคมโลก ต่อภูมิภาคอาเซียน หวังว่ากัมพูชาจะเคารพในข้อตกลง แม้ว่าที่ผ่านมากัมพูชาจะละเมิดสัญญามาแล้ว 651 ครั้ง และมีหลายคนตั้งข้อสังเกตว่า กัมพูชาเป็นคนรักษาสัญญาว่าจะไม่รักษาสัญญาเสมอ ทั้งนี้ตนมองว่าข้อตกลงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะเมื่อมีการต่างชาติ มีทูตต่างประเทศหรือมีเพื่อนนานาชาติเป็นพยานร่วมสังเกตการถือเป็นผลดี
“หากข้อตกลงถูกละเมิด ผมมองว่าเป็นบทบาทของกระทรวงการต่างประเทศต้องเข้ามีส่วนในสภาความมั่นคงแห่งชาติ และต้องดำเนินการแถลงการณ์ หรือประท้วงผ่านองค์กรนานาชาติ อาเซียน รวมถึงวงประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน หรือ เวทีด้านความมั่นคงแห่งภูมิภาคอาเซียน ต้องยกมาประท้วง และแจ้งที่ประชุมทราบ หากละเมิดข้อตกลงอีก และผมมองว่าวันนี้ สิ่งที่ต้องทำคือ ไทยต้องรอบคอบทุกย่างก้าวต้องทำให้รัดกุมรักษากฎหมาย และสัจจะ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะทำให้พวกเราปกป้องอธิปไตยและความสง่างามบนเวทีโลกได้” นายวิโรจน์ กล่าว
เมื่อถามถึงกรณีที่กัมพูชาทิ้งร่างทหารกัมพูชาที่เสียชีวิตจากเหตุปะทะชายแดน นายวิโรจน์ กล่าวว่า ตนไม่สามารถเดาใจ สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา และพล.ท.ฮุน มาเนต นายกฯกัมพูชา ไม่ได้ แต่เขาต้องให้เกียรติกับนักรบ ดังนั้น หวังเป็นอย่างยิ่งว่ากัมพูชาจะให้เกียรติทหารของตนเอง แม้ว่าการรับศพ ทหารกลับไปจะสร้างความหวาดหวั่นให้คนในชาติ แต่วินาทีนี้ต่างฝ่ายยืนบนฐานความจริงและเอาความจริงคุยกัน ความจริงนั้นทำให้ประเทศไทยและทุกภาคส่วนในภูมิภาคบรรจุลงสัมฤทธิ์ ร่วมกัน
เมื่อถามว่า มองว่ากลไกของไทยที่เดินมานั้นถูกแล้วใช่หรือไม่ นายวิโรจน์ กล่าวว่า เข้ารูปเข้ารอยขึ้น แต่ยังพบการสื่อสารข้อความที่คลาดเคลื่อนไปบ้าง เช่น โดรน แต่ได้รับการชี้แจงว่าคลิปและภาพที่ได้มานั้น ได้มาจากโฆษกของรัฐบาล ทีมกลาโหม ตนคิดว่าอย่าโทษกัน เพราะในช่วงที่มีการสื่อสารเช่นนี้อาจจะหลุดกันได้บ้าง แต่หลังจากนี้ตนคิดว่าต้องมีความรัดกุม เพื่อไม่ให้กัมพูชานำประเด็นไปฟ้องประชาคมโลกและกล่าวหาไทยได้
“ผมมองว่าสิ่งที่กัมพูชายกเรื่องกล่าวหาเรา หรือสร้างความได้เปรียบในการเจรจาบนเวทีนานาชาติ เราต้องทักท้วง หรือต่อสู้ เพื่อเป้าหมายคืการปกป้องอธิปไตยและความสวยงามของประเทศ” นายวิโรจน์ กล่าว
เมื่อถามถึง กรณีที่พรรคภูมิใจไทย เตรียมเสนอญัตติให้สภาฯ หารือเรื่องการยกเลิกเอ็มโอยู 43 และเอ็มโอยู 44 นายวิโรจน์ กล่าวว่า การยกเลิกไม่ยาก แต่การร่างใหม่ต้องคิดให้รอบคอบ ที่ผ่านมาไทยยืนยันไม่เคยละเมิดเอ็มโอยู แต่เป็นฝ่ายกัมพูชาที่ละเมิดข้อตกลงในเอ็มโอยู 43 ถึง 600 กว่าครั้ง และการจะยกเลิกเอ็มโอยูแล้วร่างใหม่นั้น เราต้องทำให้ประชาชนมั่นใจว่าเราไม่ได้มีความเสียเปรียบอะไร รวมถึงมีการแก้ไขให้รัดกุมมากขึ้น
"เรื่องนี้ละเอียดอ่อน ต้องหารือกัน เพราะหากทำไม่รัดกุม ไม่สื่อสาร ไม่ได้ให้ภาคประชาชนหรือนักวิชาการเข้ามาเกี่ยวข้อง อาจถูกบิดเบือนจากฝั่งกัมพูชาหรือผู้ไม่ประสงค์ดีว่า เอ็มโอยูฉบับใหม่ เสียเปรียบ ขายชาติ และเป็นปัญหาลุกลามปั่นป่วน และเป็นปัญหากับประเทศเองได้ ดังนั้น ควรที่จะเปิดให้มีการมีส่วนร่วมของสาธารณะเพื่อให้ประชาชนมั่นใจว่าเอ็มโอยูฉบับใหม่จะมีความรัดกุมและดีกว่าเดิม" นายวิโรจน์ กล่าว







