'กมธ.สธ.' สว. หนุน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ ปรับลดงานบริการ

'กมธ.สธ.' สว.  หนุน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ ปรับลดงานบริการ

"นพ.ประพนธ์" ออกแถลงการณ์ กมธ.สธ.สว. สนับสนุน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ ปรับลดงานบริการบางประเภท หลังได้รับผลกระทบปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา

ที่รัฐสภา นพ.ประพนธ์ ตั้งศรีเกียรติกุล สว.ฐานะประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.) การสาธารณสุข วุฒิสภา  แถลงถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ จ.อุบลราชธานี ซึ่งกระทบต่อการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ การให้บริการสาธารณสุขของสถานพยาบาลในพื้นที่ ว่า    โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ในฐานะโรงพยาบาลศูนย์ระดับเขตที่ดูแลประชาชนใน 5 จังหวัด คืออุบลราชธานี ศรีสะเกษ ยโสธร อำนาจเจริญ และมุกดาหาร รวมทั้ง ศูนย์พักพิงหลายแห่ง จำเป็นต้องปรับระบบบริการให้สอดคล้องกับภาวะฉุกเฉิน เพื่อดูแลผู้ป่วยทั้งชาวไทยและประเทศเพื่อนบ้านอย่างทั่วถึง โดยยึดหลักมนุษยธรรมและความปลอดภัยของผู้ป่วยเป็นสำคัญ กมธ.ขอเรียกร้องให้ทุกภาคส่วน โดยเฉพาะภาครัฐ สื่อมวลชน และฝ่ายการเมือง ร่วมกันสนับสนุนและปกป้องผู้ปฏิบัติงานด่านหน้า ซึ่งกำลังเสียสละอย่างเต็มกำลัง เพื่อให้ระบบบริการสุขภาพในพื้นที่ชายแดน ยังคงดำเนินต่อไปได้อย่างมั่นคง มีศักดิ์ศรี และไม่ถูกบั่นทอนด้วยความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน

"กรณีที่โรงพยาบาลต้องปรับลดบริการบางประเภทเป็นเพียงมาตรการชั่วคราวเพื่อจัดลำดับความสำคัญในการให้บริการในภาวะวิกฤต  ซึ่งกมธ.ฯ ขอประณามการให้ร้ายบุคลากรทางการแพทย์ และการบิดเบือนข้อมูล ซึ่งบั่นทอนขวัญกำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้เสียสละ โดยปราศจากข้อเท็จจริงที่เป็นธรรมต่อโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์และ บุคลากรทางการแพทย์ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ภายใต้สถานการณ์ยากลำบาก การบิดเบือนข้อเท็จจริงในช่วงเวลาที่เจ้าหน้าที่กำลังทำงานเพื่อปกป้องชีวิตของประชาชน ถือเป็นการกระทำที่ไร้ความรับผิดชอบและไม่สมควรอย่างยิ่ง" นพ.ประพนธ์ กล่าว

นพ.ประพนธ์ กล่าวต่อว่า กมธ.ฯขอเรียกร้องให้พรรคการเมืองบางพรรคหยุดใช้สถานการณ์วิกฤตเป็นเครื่องมือทางการเมือง ทั้งนี้การแสดงความเห็นในลักษณะให้ร้ายโรงพยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์โดยไม่เข้าใจข้อเท็จจริงของสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดน เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง  ทั้งนี้การแสดงความเห็นทางการเมืองในภาวะวิกฤตควรตั้งอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริง ความรับผิดชอบ และความเคารพต่อผู้ปฏิบัติงานด่านหน้า ไม่ใช่การฉวยโอกาสสร้างความเข้าใจผิดในสังคม 

ผู้สื่อข่าวถามความเห็นต่อการละทิ้งร่างของทหารกัมพูชาที่เสียชีวิตจากเหตุการปะทะซึ่งหลายฝ่ายกังวลเรื่องโรคระบาด นพ.ประพันธ์ กล่าวว่าเป็นเรื่องของต่างประเทศ แต่ในส่วนของประเทศไทยได้ให้เกียรติให้ศักดิ์ศรีกับพี่น้องทหารที่เสียชีวิต ที่ได้รับบาดเจ็บ ได้รับการดูแลอย่างดี ส่วนฝั่งกัมพูชาเราคงไม่อาจก้าวล่วงได้ 

"ศพทหารอยู่ในพื้นที่กัมพูชา ในประเทศเราก็จะได้รับผลกระทบจากมลภาวะทั้งทางอากาศและทางอื่น ดังนั้น บุคคลที่อยู่ในพื้นมี่ก็ต้องใช้อนามัยส่วนบุคคล ไม่ว่าจะสวมหน้ากากอนามัย การล้างมือ ซึ่งเป็นอนามัยพื้นที่ของบุคคล"นพ.ประพนธ์ กล่าว