‘ครม.’ หนาว เรืองไกร จี้ ป.ป.ช. ฟันทั้งคณะ พ่วง 322สส. เซ่นเคส ‘พิเชษฐ์’

“เรืองไกร” ยื่น ป.ป.ช. เร่งฟัน ครม.ทั้งคณะ พ่วง 322 สส. โหวตเห็นชอบวาระหนึ่ง ร่างงบฯ 69 เซ่นพิษแปรญัตติ เคสเดียวกับ “พิเชษฐ์” ชี้ สส.ฝ่ายค้าน อภิปราย แต่กลับไม่นำไปแก้ไข ระบุ ผลคำวินิจฉัยประกอบข้อเท็จจริง ต้องรับผิดชอบด้วย
นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะกรรมการธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 เปิดเผยว่า วันนี้ได้ส่งหนังสือทางไปรษณีย์ EMS เพื่อขอให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รีบส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยคณะรัฐมนตรี (ครม.) และ สส. ที่ลงมติเห็นชอบร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 จะต้องพ้นจากตำแหน่งหรือสิ้นสุดสมาชิกภาพตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 1 ส.ค.68 หรือไม่ และ สส. 121 คน (ผู้ร้อง) หรือสมาชิกวุฒิสภาที่ไม่เสนอความเห็นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยต่อไปตามผลของคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ จะมีความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ ตามความในมาตรา 234 (1) หรือไม่
นายเรืองไกร กล่าวว่า ศาลรัฐธรรมนูญ เสียงข้างมากวินิจฉัยกรณี นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน มีส่วนในการเสนอ การแปรญัตติ หรือการกระทำใดๆ ในโครงการทั้งสาม ศาลรัฐธรรมนูญโดยเสียงข้างมากวินิจฉัยว่า มีการเสนอ การแปรญัตติ หรือการกระทำใดๆ ที่มีผลให้ สส. สว. หรือกมธ. มีส่วนไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมในการใช้งบประมาณรายจ่าย อันเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ ม.144 วรรคสอง และให้การเสนอ การแปรญัตติ หรือการกระทำใดๆ เกี่ยวกับโครงการเยาวชน และโครงการสตรี ในงบประมาณฯ ปี69 เป็นอันสิ้นผลไป และวินิจฉัยว่า สมาชิกภาพ สส. ของนายพิเชษฐ์ สิ้นสุดนับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย และให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้ถูกร้องมีกำหนดเวลา10ปีนั้น
โดยผลของคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ มีเหตุมาจากการจัดทำ ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ปี69 ตามมติ ครม.เมื่อ20พ.ค.68 ลงนามโดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
ในร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ ปี69 มาตรา30 ลำดับที่ 3 มีงบของสภาฯ ด้วย โดยในเอกสารงบประมาณ ฉบับที่ 3 งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 เล่มที่ 15 (ขาวคาดแดง) ในหน้าที่ 48 ข้อ 3. แผนงานยุทธศาสตร์พัฒนาและเสริมสร้างการมืองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ผลผลิตที่1 การส่งเสริมการประชาสัมพันธ์เพื่อพัฒนาระบอบประชาธิปไตย และการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน งบเงินอุดหนุน จำนวน 864.2691 ล้านบาท
ในการอภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ ปี69 วาระหนึ่ง สส.ฝ่ายค้านได้อภิปรายเกี่ยวกับงบฯดังกล่าวแล้ว แต่ครม.มิได้ถอนร่างกฎหมายดังกล่าวกลับไปแก้ไข และสส.ลงมติเห็นชอบในวาระหนึ่ง 322เสียง
โดยผลของคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญจึงเห็นได้ว่าเป็นการวินิจฉัยที่รวมไปถึงขั้นตอนการจัดทำงบประมาณของครม. และการลงมติในวาระที่หนึ่งของ สส. ดังนั้น จึงไม่ควรร้องเฉพาะตัวนายพิเชษฐ์ คนเดียว
ผลคำวินิจฉัยประกอบกับข้อเท็จจริงปรากฏชัดว่าครม.ทั้งคณะมีส่วนในการจัดทำงบประมาณของนายพิเชษฐ์ ด้วยแล้ว และสส.ได้ลงมติรับหลักการในวาระหนึ่ง ทั้งที่มีการอภิปรายเกี่ยวกับความไม่ชอบของงบประมาณของสภาฯ ทั้ง 3 รายการ ครม.กลับไม่ถอนร่างกลับไปแก้ไขให้ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ ม.144 และ สส.ไม่ลงมติไม่รับหลักการเพื่อไม่ให้เกิดการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ ม.144
ดังนั้น ครม.และ สส. ต้องรับผิดชอบเช่นเดียวกับนายพิเชษฐ์ จึงมีเหตุจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องร้องต่อ ป.ป.ช. เพื่อดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคสี่







