'รังสิมันต์' จี้ 'รัฐบาล' เร่งแจงสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับ เวทีโลก

"ปธ.กมธ.มั่่นคง" ซัด "ไทย" ทำงานเช้าชามเย็มชาม ปมขัดแย้งไทย-กัมพูชา แนะให้เร่งชี้แจงต่อเวทีโลก อย่าปล่อย "กัมพูชา" เล่าเรื่องฝ่ายเดียว
ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ฐานะประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาฯ กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลกัมพูชา นำผู้ช่วยทูตทหาร และสื่อมวลชนต่างชาติ ลงพื้นที่ เมื่อวันที่ 30 ก.ค.ที่ผ่านมา ส่วนประเทศไทยจะพาพื้นที่ในวันที่ 1 ส.ค. ว่า หลายฝ่ายเป็นห่วงตรงกันว่าจะช้าไปหรือไม่ และมองว่าอาจเสียโอกาส ที่จะทำให้ต่างชาติเห็นภาพการกระทำของกัมพูชา ที่มีเป้าหมายโจมตีพลเรือน ส่วนกรณีที่กัมพูชาใช้สื่อออนไลน์บิดเบือนข้อเท็จจริงนั้น ตนมองว่าไม่ควรปล่อยให้เขาเล่าเรื่องของเขาเพียงลำพัง
"การที่เราจะมีความชอบธรรมในเวทีระหว่างประเทศจึง ต้องให้ความสำคัญกับการถ่ายทอดเรื่องราวและข้อเท็จจริงต่างๆ โดยที่เราไม่ได้บิดเบือนเนื้อหาหรือบิดเบือนข้อเท็จจริง สิ่งที่เรากำลังทำคือ ต้องการให้ประชาคมโลกได้เห็นในสิ่งที่กัมพูชาทำ มีลักษณะอย่างไร และต้องพยายามทำอย่างรวดเร็ว แต่ปัญหาคือ เมื่อกัมพูชาชิงเล่าก่อนฝ่ายที่ออกมาพูดทีหลังก็อาจจะถูกกล่าวหาได้ว่า เป็นแค่การแก้ตัว" นายรังสิมันต์ กล่าว
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า กมธ.ต้องการเห็นการสื่อสารของรัฐบาลที่รวดเร็วทั้งในประเทศและเวทีโลก เพราะมีเหตุการณ์หลายอย่างที่เป็นโอกาสจะชี้แจงให้เวทีโลกเห็นว่ากัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่มก่อน แต่หากไม่ใช้ ประชาคมโลกอาจคิดได้ว่า ไทยไปโจมตีกัมพูชาก่อน ทั้งนี้ตนมองว่าเราต้องพยายามเปิดแนวรบใหม่ โดยเฉพาะการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยต้องทำให้ประชาคมโลกเห็นว่ากัมพูชามีรายได้หลักมาจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ซึ่งส่งผลเสียต่อโลก จึงมีความจำเป็นต้องดำเนินการ แต่น่าเสียดายที่รัฐบาลพูดเรื่องนี้น้อยมาก
เมื่อถามว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเพราะรัฐบาลอ่อนแอหรือไม่ นายรังสิมันต์กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลมีปัญหาเรื่องความชอบธรรม เพราะความไม่ชอบธรรมของรัฐบาลทำให้มีคำถามตามมา รวมถึงกรณีของ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรมว.มหาดไทย ฐานะรักษาการแทนนายกฯ ไปเจรจากับผู้นำกัมพูชา ที่ประเทศมาเลเซีย ที่คนจำนวนไม่น้อยไม่ไว้ใจ
เมื่อถามถึงกรณีที่เอกอัครราชทูตของสหรัฐฯประจำประเทศไทยคนใหม่ กล่าวถึง ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา ว่าสู้รบกันไปก็ไม่มีประโยชน์ และอาจจะทำให้เกิดปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสหรัฐฯได้ นายรังสิมันต์กล่าวว่า ต้องยอมรับและเชื่อว่าคำพูดนี้คงจะเสียดแทงดังนั้นต้องช่วยกันกระตุ้นให้กระทรวงการต่างประเทศ ทำหน้าที่ในการสื่อสารกับทั่วโลกให้ดีกว่านี้ เราปล่อยให้แนวความคิดแบบนี้เกิดขึ้นไม่เป็นผลดีกับประเทศไทยแน่นอน จึงมีความจำเป็นที่จะต้องสื่อสารกับโลกให้มากขึ้น เพราะถ้าทั่วโลกคิดกันแบบนี้ ประเทศไทยเราเสียหาย
“การทำงานล่าช้าแบบเช้าชามเย็นชามไม่ได้แล้ว และคิดว่าเรื่องนี้นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ เคลื่อนไหวล่าช้ามาก ที่ผ่านมามีการเคลมว่าไปถึงนิวยอร์ก ที่สหรัฐฯแล้ว แต่ก็ไม่ได้เห็นผลลัพธ์จะเป็นรูปธรรม ในการสื่อสารหรือทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศไทย หรือความเข้าใจในเรื่องความขัดแย้งกับกัมพูชาดีขึ้น อย่างที่ควรจะเป็นอย่างไร”นายรังสิมันต์ กล่าว







