'รังสิมันต์' แนะ 'รัฐบาล' หารือ มาเลย์ หลัง 'กัมพูชา' ละเมิดหยุดยิง

"รังสิมันต์" ขอรัฐบาลอย่างนิ่งเฉย หลัง "กัมพูชา" ละเมิดหยุดยิง แนะให้หารือ "มาเลย์-จีน-สหรัฐ" พร้อมเรียกร้องให้เร่งปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์
ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดน ยุทธศาสตร์ ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา แม้จะมีการเจรจาหยุดยิง ว่า การหยุดยิงและการเจรจา ประเทศไทยปฏิเสธไม่ได้ เพราะจำเป็นจะต้องอาศัยความชอบธรรมในเวทีโลกกับการปะทะกันตามแนวชายแดนไทยกัมพูชาอย่างมาก ดังนั้น การที่ประเทศไทยไปตกลง ก็มีความจำเป็น ด้านหนึ่งเพื่อรักษาชีวิตของทหาร ตนเองได้ลงพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ พบว่าชาวบ้านเดือดร้อนจริงๆ แม้จะมีการเตรียมความพร้อมซักซ้อมตลอดเวลา และหากดูต่อก็จะพบว่า กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ซึ่งการละเมิดนี้ก็มีความสำคัญ ประเทศไทยจำเป็นจะต้องรวบรวมข้อมูล เพื่อนำเสนอต่อมาเลเซียในฐานะประธานอาเซียนหรือชาติต่างๆ
"กัมพูชาพยายามบอกประเทศต่างๆว่าประเทศไทยละเมิดการหยุดยิง เขาพยายามเอาทูตไปดูพื้นที่ ผมคิดว่าอย่างน้อยที่สุดต้องทำให้โลกเห็นว่า กัมพูชาเป็นฝ่ายละเมิดการหยุดยิงก่อน ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยมีความชอบธรรมในเรื่องนี้ต่อไป ถ้าเกิดทำให้ทั่วโลกเห็นว่าประเทศไทย ไม่ได้รังแกกัมพูชา" นายรังสิมันต์ กล่าว
เมื่อถามว่าขณะนี้มีคนมองว่าไทยตอบโต้เรื่องข้อมูลข่าวสารน้อย ทำให้อาจจะเสียเปรียบกัมพูชาด้านนี้ข้อมูลข้าวสาร นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ที่สำคัญคือข้อมูลที่น่าเชื่อถือ รวมถึงต้องมีคนกลาง เนื่องจากการที่ไทยกับกัมพูชารบกันประเทศต่างๆเขาจะรู้ได้อย่างไรว่าใครยิงก่อน ไม่มีทาง ดังนั้น หากประเทศไทยสามารถรวบรวมข้อมูลให้เห็นพฤติกรรมของกัมพูชา ทั้งระยะสั้นและระยะยาว ก็จะเป็นผลดีกับประเทศไทย เพราะกัมพูชาพยายามทำลายความชอบธรรมของประเทศไทย เพื่อพาไทยไปสู่ศาลโลก
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่าหากใครต้องการย้ำว่าการพูดคุย ผ่านกลไกทวิภาคีหรือหารือทั้ง 2 ประเทศมีประสิทธิภาพ ก็ต้องแสดงให้ทั่วโลกเห็นว่ากัมพูชา ต้องการละเมิดข้อตกลง เพื่อยึดเป้าหมายของตัวเองเป็นที่ตั้ง สิ่งนี้โลกต้องรู้ แต่เราต้องยอมรับว่าประเทศไทย ในเรื่องการสื่อสาร ต้องทำให้มากกว่านี้ ไม่เช่นนั้นเราจะพลาดท่าเสียทีกัมพูชาได้
"วันนี้ต้องยอมรับว่า รัฐบาลช้ากว่าทุกองคาพยพ หลายเก้า สาเหตุที่เป็นแบบนี้เพราะสถานการณ์มันไปเร็ว รัฐบาลควรจะรู้ว่าอะไรเกิดขึ้นที่แนวหน้า รัฐบาลน่าจะมีเวลากว่าชาวเน็ต คนที่เล่นโซเชียลด้วยซ้ำ สิ่งที่คนต้องการจะทราบคือกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง รัฐบาลจะเดินอย่างไร คิดว่าเป็นประเด็นสำคัญที่สังคมอยากรู้ หากรัฐบาลตอบไม่ได้หรือช้าไป คนไทยก็จะจินตนาการต่างๆนานา เพราะผสมมาจากความไม่ไว้วางใจรัฐบาลที่มีอยู่เดิมแล้ว ดังนั้น ต้องปรับการสื่อสารให้เร็ว ทันต่อสถานการณ์ ต้องทำงานให้มีประสิทธิภาพมากกว่านี้" นายรังสิมันต์ กล่าว
นายรังสิมันต์ กล่าวย้ำด้วยว่าสิ่งที่ควรจะลุกต่อหลังจากหยุดยิงแล้ว คือการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แต่ขณะนี้ยังไม่เห็นความชัดเจนว่าประเทศไทยจะเอาอย่างไร อย่างไรก็ดีตนกังวลว่าฝั่งกัมพูชาคงใช้คอลเซ็นเตอร์มาใช้ในปฏิบัติการข่าวสาร ดังนั้นหากเพิกเฉยนอกจากเป็นการปล่อยให้อาชญากรข้ามชาติปล่อยลอยนวลแล้ว ยังบั่นทอนประเทศไทยให้อ่อนแอลง ดังนั้น ประเทศต้องจัดการ ไม่ต้องมองว่าเป็นการต่อสู้แบบรัฐต่อรัฐ แค่มองว่าแก๊งอาชญากรเหล่านี้ก่อคดีอาญาเราก็สามารถปราบปรามได้
เมื่อถามว่ากองกำลัง BHQ ที่ถูกส่งมาจากกรุงพนมเปญน่ากังวลหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า คงไม่ได้ลงรายละเอียดในเรื่องนั้น เชื่อว่าประเทศไทยน่าจะพร้อมรับมือทุกรูปแบบ เพียงแต่ว่าประเทศไทยวันนี้ต้องแสดงให้เห็นในเวทีโลกว่าไม่ต้องการสงคราม แต่กัมพูชาเป็นฝ่ายต้องการสงคราม ประเทศไทยทำแค่ปกป้องชีวิตคนไทย แต่กัมพูชาใช้อาวุธลุกล้ำอำนาจอธิปไตย รวมถึงโจมตีเป้าหมายที่เป็นพลเรือน ประเทศไทยต้องมองในมิตินี้
เมื่อถามว่าในการพูด RBCและGBC ควรจะเรียกร้องให้มีการถอนอาวุธหนักออกจากพื้นที่หรือไม่นายรังสิมันต์ กล่าวว่า คงไม่ลงรายละเอียดถึงขนาดนั้น ต้องคุยกับฝ่ายความมั่นคง เพราะการที่จะพูดคุยในขั้นตอนต่อๆไป ต้องคุยให้รอบด้าน หากกัมพูชาไม่ทำก็ต้องมีการพูดคุยกับมาเลเซียสหรัฐอเมริกาและจีน
"วันนี้รัฐบาลควรจะเชิญพูดอเมริกาหรือจีนรวมถึงมาเลเซีย มาพูดคุย ว่าสถานการณ์แบบนี้มีความเห็นอย่างไร เป็นสิ่งที่รัฐบาลควรขยับ มิเช่นการที่มีการพูดคุยกันทำพิธีกรรมที่มาเลเซียก็เปล่าประโยชน์ และการส่งหนังสือประนามก็ไม่เพียงพอ แต่ต้องเชิญทูตแต่ละประเทศมาหารือ"นายรังสิมันต์ กล่าว







