ศึกชายแดน ฉุด ‘การเมือง’ ขาลง แผล ‘ชินวัตร’ ชนักปัก ‘แพทองธาร’

สนามเลือกตั้งครั้งต่อไป เพื่อไทย น่าจะเผชิญความยากลำบาก เพราะคู่แข่งคงไม่ปล่อยผ่านให้ศึกชายแดน ถูกลืมเลือนไปได้ง่ายๆ
KEY
POINTS
- เหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบเชิงลบต่อความนิยมของรัฐบาล โดยถูกเชื่อมโยงกับความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลชินวัตร และฮุน เซน
- แพทองธาร ชินวัตร ถูกมองว่าเป็นศูนย์กลางของปัญหาจากคลิปสนทนา แม้เจ้าตัวจะปฏิเสธ และชี้ว่าต้นเหตุมาจากการปราบปรามแก๊งคอลเซนเตอร์
- ผลสำรวจชี้ว่าคะแนนนิยมของแพทองธารลดลงอย่างฮวบฮาบ และสถานการณ์สู้รบยิ่งซ้ำเติมให้สถานะทางการเมืองของเธอย่ำแย่ลง
- บาดแผลจากสงครามชายแดนได้กลายเป็นจุดอ่อนทางการเมืองของพรรคเพื่อไทย ที่อาจถูกฝ่ายตรงข้ามโจมตีว่า "ชักศึกเข้าบ้าน" ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป
บ้านเมืองไม่ใช่ของเล่น ก็น่าจะเป็นจริงตามนั้น เพราะความผิดพลาดในการเดินหน้านโยบาย ไม่ว่าจะด้วยความไร้เดียงสา หรือมุ่งมั่นแก้ปัญหา โดยปราศจากความเฉลียว จนนำมาสู่เหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ใดตาม
ผลกระทบจากการปะทะระหว่างทหารไทย-กัมพูชา สร้างความสูญเสียต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ เจ็บจริง ตายจริง ความเจ้าเล่ห์เพทุบายของฮุน เซน และเครือข่าย ชั่วโมงนี้คงหาใครเทียบไม่ได้
ทิศทางการเมืองหลังเสียงปืนสงบ จึงน่าจะได้เห็นฉากทัศน์ที่เปลี่ยนไปแบบไม่มีวันหวนกลับการแสดงออกด้วยท่วงท่ามั่นใจอย่างขีดสุดของแพทองธาร ชินวัตร เพื่อประคองตัวเองให้ยืนอยู่ได้ ท่ามกลางแรงเสียดทานจากสังคม ที่มองว่าคลิปคุยอังเคิล เป็นชนวนเหตุสำคัญ สร้างความตึงเครียด และปลุกความไม่ไว้วางใจฝ่ายการเมืองขึ้นเป็นทวีคูณตั้งแต่นั้น
เบื้องหลังความความสัมพันธ์ของตระกูลชินวัตร และตระกูลฮุน น่าจะมีอะไรที่ยังไม่ถูกเปิดเผยอีกมาก โดยเฉพาะดีลที่ไม่ดันบางอย่าง ซึ่งอาจเกี่ยวพันกับผลประโยชน์ของ 2 ชาติ
แพทองธาร ประกาศอย่างหนักแน่นว่าตระกูลชินวัตร ไม่ช้ำหนักในเรื่องนี้ โดยอ้างว่าตัวเองทำเพื่อประเทศ แต่กลับถูกบิดทางการเมือง ถูกใส่ความ
เธอพยายามชี้ให้เห็นว่า การเดินหน้าปราบปรามแก๊งคอลเซนเตอร์ ที่หลอกเงินคนไทยมหาศาล ตรงนั้นเองที่สร้างความไม่พอใจให้กับตระกูลผู้นำกัมพูชาอย่างหนักมากกว่า และเป็นต้นเหตุของปัญหาทั้งปวง
ความรู้สึกของแพทองธาร อาจขัดแย้งกับตัวเลขการสำรวจความนิยมทางการเมือง ไตรมาส 2 ปีนี้ ของนิด้าโพล ที่ลดฮวบ จากไตรมาสแรกที่ 30.90% เหลือ 9.20%
ตัวเลขดังกล่าว สำรวจก่อนเกิดการปะทะ และหลังจากโจมตีตอบโต้กันไปมาอย่างรุนแรง จนมีผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ และบ้านเรือน ทรัพย์สินของประชาชนเสียหายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จะมีใครกล้าการันตีว่าความนิยมของรัฐบาล โดยเฉพาะในตัวของแพทองธาร กำลังดีวันดีคืน ไม่ช้ำ
บาดแผลของสงคราม จะกลายเป็นประวัติศาสตร์ที่ยากลบเลือนสำหรับฝ่ายการเมือง ค่ายแดง และจะเป็นแผลใจระหว่างประชาชนทั้ง 2 ประเทศ ไปอีกนานแสนนาน
ความอ่อนแอทางการเมือง ย่อมถูกมองว่ามีผลต่อการขับเคลื่อนงานต่างประเทศ แบบปฏิเสธไม่ได้ จนถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงท่าที และความเชื่อมั่น
โดยเฉพาะฝีไม้ลายมือของมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ ที่โดนประทับตราเป็นคนของนาย กำลังนำพาไทยให้เสียเปรียบกัมพูชาในเวทีประชาคมโลกหรือไม่
ความชอบธรรมทางการเมือง ที่กำลังถดถอยด้วยตัวมันเอง สวนทางกับความชอบธรรมของกองทัพ ที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ผ่านภารกิจปกป้องอธิปไตย และตอบโต้ผู้รุกราน
เรื่องนี้จะมีส่วนสำคัญช่วยให้ได้รับการสนับสนุนในการยกระดับศักยภาพกองทัพหลังจากนี้ ผ่านการพิจารณาจัดสรรงบประมาณ
เพราะคงเห็นแล้วว่า เทคโนโลยี และขีดความสามารถทางยุทโธปกรณ์ โดยเฉพาะเครื่องบินรบ และอื่นๆ เป็นตัวเปลี่ยนเกม หรือชี้ขาดผลแพ้ชนะในสมรภูมิได้เลยทีเดียว
วันนี้กองทัพพิสูจน์ตัวเองให้เห็นอีกครั้ง ว่าได้รับความเชื่อมั่นจากประชาชน หลังเผชิญความท้าทาย และถูกมองด้วยสายตาหวาดระแวงมาตลอด
บทพิสูจน์ต่อไป อยู่ที่ฝ่ายการเมือง จะแก้ปัญหาประเทศ ที่รุมเร้าทุกด้านอย่างไร ทั้ง เศรษฐกิจ ภาษีสหรัฐ ปากท้อง น้ำท่วม ภัยพิบัติ ก็ยังไม่สะเด็ดน้ำ
มิหนำซ้ำ ยังโดนซ้ำเติมจากพิษสงคราม ชายแดนไทย-กัมพูชา กลายเป็นเปิดจุดอ่อนทางการเมืองให้ฝ่ายตรงข้ามโจมตีว่าเป็นต้นตอปัญหา หรืออาจถูกตราหน้าว่าชักศึกเข้าบ้านแบบไม่ได้ตั้งใจ
ถึงแม้เพื่อไทย และแพทองธาร จะยืนหยัดว่าไม่ได้เป็นต้นเหตุ โดยชี้ว่าต้นเหตุที่แท้จริงเป็นความบ้าของฮุน เซน ฝ่ายเดียว ตามคำทักษิณ ชินวัตร แต่คนจำนวนไม่น้อย คงเชื่อแบบนั้นไม่ทั้งหมด เพราะคงปักใจไปแล้วว่า 2 ตระกูล อาจมีส่วนทำให้เรื่องบานปลาย ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
สนามเลือกตั้งครั้งต่อไป เพื่อไทย น่าจะเผชิญความยากลำบาก เพราะคู่แข่งคงไม่ปล่อยผ่านให้ศึกชายแดน ถูกลืมเลือนไปได้ง่ายๆ
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







