‘รัฐบาล’ เผย ‘กองทัพ’ มีเงื่อนไขเจรจา ‘กัมพูชา’ มั่นใจโลกอยู่ข้างเรา

“ภูมิธรรม” เผย “กัมพูชา” ล็อบบี้ สหรัฐฯ-จีน-มาเลย์ ขอเจรจาหยุดยิง ชี้ เรื่องสำคัญต้องเอาเข้าที่ประชุมรัฐสภา จี้ อีกฝ่ายต้องจริงใจ เลิกไม่อยู่กับร่องกับรอย มั่นใจ โลกอยู่ข้างเรา ระบุ กองทัพมีเงื่อนไข
ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน. 6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ก่อนออกเดินทางไปมาเลเซีย เพื่อเจรจาหยุดยิงกับทางฮุน มาเนต นายกฯกัมพูชา ว่า สิ่งที่จะคุยกันอันดับแรกคือ จะหยุดยิงโดยทันที ซึ่งในการหยุดยิง ก็จะเป็นเรื่องที่คุยรายละเอียดกันนิดหน่อย โดยจะเจอกับ ฮุน มาเนต นายกฯกัมพูชา เป็นการยกระดับการพูดคุยในระดับผู้นำประเทศ ระหว่างนายกฯสองประเทศ โดยมาเลเซียเป็นเจ้าภาพ โดยมีผู้เสนอตัวเข้ามาเป็นผู้สังเกตการณ์ 2ประเทศ คือ สหรัฐอเมริกาและจีน ปมแรกที่คุย ก็จะให้มีการหยุดยิง ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่อยากให้กระทบกับชีวิต ของพลเรือน ส่วนรายละเอียดก็จะหารือทวิภาคีระหว่าง2ประเทศ เราก็จะพูดคุยกันทั้งหมด และมีหลายเรื่องที่จะทำให้การยุตติการสู้รบ ที่เป็นภัยต่อพลเมืองไทยเป็นเรื่องหลัก หัวใจสำคัญของเราอีกอย่างหนึ่งก็คือ เรายึดมั่นในเรื่องของอธิปไตย ส่วนการใช้แผนที่ 1:200,000 ไม่เป็นความจริง ยังไม่มีการคุยเรื่องนี้เลย ขณะนี้ยังไงเราก็ต้องยึดตามที่เราได้ประโยชน์สูงสุด ก็ต้องรอการพูดคุยกันของสองฝ่าย ก็อาจจะมีห้องเล็กที่ได้พูดคุยกันสำหรับทีมงานของทั้งสองฝ่าย
เมื่อถามว่า หลังการรุกพื้นที่อธิปไตยจากกัมพูชา บริเวณปราสาทต่างๆ ซึ่งเป็นดินแดนไทย เขาถอยออกหรือยัง ถ้ายังไม่ออก แล้วเราไปเจรจาหยุดยิง เขาจะอ้างสิทธิ์ในการอยู่พื้นที่ตรงนั้นต่อหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่หรอก ขณะนี้ยังต้องรอการเจรจา การหยุดยิงเพื่อการเจรจา ไม่ได้หมายความว่า หยุดยิงแล้วทุกอย่างจะเป็นแบบเดิม เรายึดมั่นในหลักอธิปไตยของประเทศเป็นหลัก รวมถึงชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน เพราะฉะนั้น การหยุดยิงวันนี้ ถ้าหากมีอะไรที่เป็นเรื่องสำคัญที่เกี่ยวข้องผูกพันในระยะยาว หรือเป็นปัญหาสำคัญของประเทศ เราจะนำเข้ามาในที่ประชุมรัฐสภา แต่ถ้าเป็นการเฉพาะหน้าหารือกัน คณะที่ไปเราจะพิจารณาอย่างเหมาะสม ยืนยัน เรื่องเอกราชอธิปไตยของประเทศเป็นสำคัญ ยึดมั่นในผลประโยชน์และชีวิตทรัพย์สินของประชาชน นี่คือสิ่งที่จะริเริ่มในการดำเนินการขั้นแรก
เมื่อถามว่า การเจรจาที่ผ่านมาทางกัมพูชามักไม่ปฏิบัติตาม ตรงนี้เราจะไว้ใจเขาได้อย่างไร นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตรงนี้เป็นหัวใจสำคัญในการพูดคุย เราบอกไปแล้วว่าเราไม่เชื่อมั่นในประเทศกัมพูชา สิ่งที่กระทำมาทั้งหมด เป็นการสะท้อนว่า เราไม่เชื่อในความจริงใจและจริงจัง ในการจัดการแก้ปัญหา เพราะฉะนั้นในรายละเอียดต่างๆ ที่เกิดขึ้นก็ต้องแสดงให้เราเห็น ก็ต้องดูรายละเอียดว่าเขาจะแสดงอย่างไร
“จริงๆ เขาได้เสนอความเห็นกับมาเลเซีย จีน และสหรัฐอเมริกา เป็นการริเริ่มจากเขาในการที่จะขอเสนอ แต่สิ่งที่เรายังคลางแคลงใจก็คือว่า มีการบุกเข้ามาดำเนินการทุกอย่างที่เป็นปัญหา ในขณะเดียวกันก็จะขอยุติให้เกิดการหยุดยิง เราถึงได้บอกกับทุกคนไปว่า ทั้งหมดเรื่องที่มาเสนอ เป็นเรื่องที่เรารับอยู่แล้วตั้งแต่ต้น เราพยายามเดินแนวนี้อยู่แล้ว แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ เขาไม่เคยรับสนองเรื่องนี้เลย การที่จะมารับสนองเรื่องนี้ สิ่งที่จะให้เรา เราไม่ได้เป็นคนที่มีปัญหา โลกรู้ดีว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเกิดขึ้นจากความพยายาม และความตั้งใจทำของเขา และสิ่งที่เกิดขึ้นก็เป็นการทำโดยไม่อยู่กับร่องกับรอย เหมือนอย่างที่เราประณามไปอย่างรุนแรง เพราะสิ่งที่เขาเริ่มต้นทั้งหมด ไม่ได้อยู่ในกติกาของกฎหมายระหว่างประเทศเลย”
นายภูมิธรรม กล่าวว่า การยิงเข้ามาในโรงพยาบาล เขาไม่ทำกันในโลกนี้ การยิงเข้ามาที่กระทบกับพลเรือน โดยเฉพาะเด็ก โดยมีเคสหนึ่งเป็นนักศึกษาปีหนึ่ง ก็เกิดความเสียหายถึงแม้จะไม่ตาย ก็พิการได้ สิ่งเหล่านี้เป็นตัวอย่างให้เห็นว่า เขาทำการละเมิด ทั้งการวางกับระเบิด การยิงเข้าใส่พลเรือน ทุกอย่างเราได้บอกไปแล้ว แต่สิ่งที่เราทำให้โลกรู้ เป็นการยืนยันและย้ำว่าสิ่งที่เราทำ เราอยู่ในกฎหมายต่างๆ รมว.ต่างประเทศ ตอนอยู่ที่นิวยอร์ก ก็ได้พบและพูดคุยกับตัวแทน เลขาธิการสหประชาชาติ เลขาธิการในองค์การต่างๆ ทั้งหมดก็มีความเข้าใจ ทั้งนี้ สิ่งที่ฮุน มาเนต เสนอเข้าที่ประชุมระหว่างประเทศ ไม่ได้รับการสนใจ ประเด็นก็ไม่ได้เข้าสู่การประชุม อย่างไรก็ตาม จุดยืนของประชาคมโลก อยากให้การสู้รบที่กระทบกับพลเรือนยุติ เพราะฉะนั้นเรายืนตามหลักนี้ เราเชื่อว่าโลกตอนนี้เข้าใจเรา และยืนอยู่ข้างเรา เพราะเรายืนอยู่ข้างความเป็นธรรม สิ่งที่เกิดขึ้นเกิดขึ้นจากกัมพูชาละเมิดข้อตกลง และกฎหมายระหว่างประเทศทั้งหมด
นายภูมิธรรม กล่าวว่า แน่นอนว่าทุกคนอยากเห็นความสงบสุข ไม่อยากเห็นความรุนแรงที่ไปกระทบกับชีวิตพลเมือง ทุกประเทศที่ยื่นมือเข้ามาช่วยพูดตรงกันว่าไม่อยากเห็นสงคราม ไม่อยากเห็นการกระทำที่รุนแรงเกินไปกว่านี้ และอยากเห็นพลเรือนโดยเฉพาะอย่างยิ่ง พลเรือนไทย ซึ่งถูกกระทำ เป็นตัวอย่างที่เขาเรียกร้องให้เห็นว่าสิ่งนี้ เป็นสิ่งที่กัมพูชากระทำอย่างมิชอบ ไม่ถูกต้อง เพราะฉะนั้นการเจรจาวันนี้ อยู่บนพื้นฐานจะทำให้พลเรือนทุกฝ่ายเกิดความปลอดภัย ไม่ให้รุกล้ำเข้ามาในดินแดนของแต่ละฝ่าย ซึ่งเราไม่ได้รุกล้ำ สิ่งที่รุกล้ำคือเขา
เมื่อถามว่า เรามีเอกสารหลักฐานยืนยันหรือไม่ ว่าเราไม่ได้เป็นฝ่ายเปิดฉากโจมตีก่อน นายภูมิธรรม กล่าวว่า เราได้เตรียมการทั้งหมด แต่ที่พูดไปก็เป็นเพียงการคาดการณ์ แต่ก็ต้องรอให้มีการเจรจาดูว่าข้อเสนอทั้งหมดเป็นอย่างไร ทีมเราไปก็ขอยืนยันกับพี่น้องประชาชนว่า เราไปด้วยความพยายามยึดมั่นในประโยชน์ของประเทศ เอกราชของประเทศ อธิปไตยของประเทศ และประชาชนไทยเป็นหัวใจสำคัญ
“การไปครั้งนี้ก็มีการปรึกษาหารือกับกองทัพด้วย ก็ได้รับข้อเสนอจากกองทัพด้วย เราก็จะรับสิ่งต่างๆ ไปยืนยัน การไปเจรจาไม่ใช่รัฐบาลอย่างเดียว แต่เป็นทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งกองทัพบก เรือ อากาศ ที่อยู่ในภาวะกำลังสู้อยู่ในสงคราม เราก็ประสานติดต่อตลอด และได้รับเงื่อนไขด้วยว่าทางกองทัพมีเงื่อนไขอะไรบ้าง ก็รับเงื่อนไขเหล่านั้นไปเจรจาทั้งหมด ก็รอผลการเจรจา”







