'โรม' จี้ กต.ชง UNGA ประณามกัมพูชา เชิญโลกดูความก้าวร้าวเขมร

'โรม' ชี้ไทยต้องตอบโต้กัมพูชาอย่างเหมาะสม เชิญนานาชาติมาสังเกตการณ์ความก้าวร้าวเขมร จี้ กต.ชงเรื่องเข้า UNGA เพื่อประณาม ให้รัฐดูแลกลุ่มเปราะบางชายแดนด้วย
KEY
POINTS
- รังสิมันต์ โรม สส.ปชน. เรียกร้องให้กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) ดำเนินการเชิงรุกต่อสถานการณ์ตึงเครียดชายแดนไทย-กัมพูชา
- เสนอให้เชิญตัวแทนจากนานาชาติเข้ามาสังเกตการณ์ เพื่อเป็นพยานต่อพฤติกรรมก้าวร้าวและการยั่วยุของฝ่ายกัมพูชา
- จี้ให้ กต. นำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UNGA) เพื่อมีมติประณามการกระทำของกัมพูชาที่ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ
- เชื่อว่าการดำเนินการทางการทูตอย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยลดความจำเป็นในการใช้กำลังทหารและคลี่คลายสถานการณ์ได้อย่างสันติ
เมื่อวันที่ 24 ก.ค. 2568 นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) แสดงความเห็นถึงสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า เราต้องยอมรับว่า ในสถานการณ์ปัจจุบัน การเจรจาไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะหลังจากที่มีคลิปเสียงของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.วัฒนธรรม หลุดออกมา ประกอบกับการวางทุ่นระเบิดตามแนวชายแดนโดยฝั่งกัมพูชา ไทยจำเป็นต้องตอบโต้เรื่องนี้อย่างเหมาะสม
นายรังสิมันต์ ระบุว่า สิ่งที่ฝ่ายไทยสามารถดำเนินการได้ทันที คือการเชิญตัวแทนจากนานาประเทศเข้ามาสังเกตการณ์สถานการณ์ เพื่อให้เห็นด้วยตาตนเองว่ากัมพูชามีพฤติกรรมก้าวร้าว และจงใจยั่วยุให้สถานการณ์บานปลาย กระทรวงการต่างประเทศควรดำเนินงานเชิงรุกมากกว่าที่เป็นอยู่ การรอให้เรื่องเข้าสู่กระบวนการพิจารณาตามอนุสัญญาออตตาวาในเดือนธันวาคม อาจสายเกินไป เราควรนำเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UNGA) เพื่อประณามการกระทำของกัมพูชาที่ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ หากกระทรวงการต่างประเทศสามารถทำหน้าที่ของตนอย่างมีประสิทธิภาพ ผมเชื่อว่าจะช่วยลดความจำเป็นในการใช้อาวุธระหว่างสองประเทศลงได้
"หากเราสามารถทำให้นานาอารยประเทศเข้าใจว่าประเทศไทยไม่ต้องการความขัดแย้ง แต่เป็นฝ่ายกัมพูชาที่จงใจยั่วยุและผลักดันให้สถานการณ์เลวร้ายลง ผมเชื่อว่านั่นจะเปิดโอกาสให้ไทยสามารถคลี่คลายสถานการณ์ได้อย่างสงบ
ผมขอฝากถึงรัฐบาลว่า หากเกิดความขัดแย้งทางอาวุธขึ้นจริง รัฐจะต้องให้ความสำคัญกับการดูแลประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้ป่วยติดเตียง และเด็ก แม้จะมีการเตรียมการรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินไว้อย่างดีในพื้นที่ แต่เราไม่อาจคาดการณ์ได้ว่าสถานการณ์จะยืดเยื้อนานเพียงใด รัฐจึงควรมีแผนรองรับประชาชนตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาในทุกรูปแบบความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น" นายรังสิมันต์ ระบุ
ภาพและข้อมูลจาก: Rangsiman Rome - รังสิมันต์ โรม







