ปรับทัพสู้ไอโอกัมพูชา ‘องค์ดำ-องค์ขาว’ ออกศึก

การปรับกลยุทธ์สู้ศึกไอโอกัมพูชา สอดรับสถานการณ์ชายแดนกำลังระอุ หลัง ผบ.ทบ.สั่งเตรียม “แผนc” พร้อมลงพื้นที่บัญชาการด้วยตัวเอง
KEY
POINTS
- ผบ.ทบ. เล็งเห็นความสำคัญการสื่อสาร เพราะมองว่า ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา เป็นภัยคุกคามหลายมิติ บางมิติไม่เคยเผชิญมาก่อน
- ทหารชำนาญเรื่องยุทธวิธีการรบ เมื่อมาเจอสงครามไอโอกัมพูชา ไร้แบบแผน บิดเบือนข้อมูล กลับผิดเป็นถูก จึงต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ ดึงสื่อมวลชนเข้ามามีส่วนร่วม
ปัญหาชายแดนปัจจุบันไทยแพ้กัมพูชาเพียงเรื่องเดียว คือ ข้อมูลข่าวสาร หรือ สงครามไอโอ เนื่องจากรัฐบาลกัมพูชา สามารถคุมสื่อภายในประเทศได้เบ็ดเสร็จ ให้นำเสนอข่าวไปในทิศทางเดียวกัน
ผ่านการคอนโทรลของ “ฮุน มานา” บุตรสาวคนโตสมเด็จฮุน เซน ซึ่งเป็นทั้งเจ้าของ และผู้ถือหุ้นในกิจการสื่อกว่า 20 แห่ง รวมถึงสถานีโทรทัศน์ Bayon และหนังสือพิมพ์ Kampuchea Thmey Daily ซึ่งถือเป็นสื่อกระแสหลักที่มีอิทธิพลสูงในกัมพูชา
ต่างกับสื่อมวลชนไทย ที่มีความอิสระสูง ต้องยอมรับว่า การนำเสนอข่าวบางครั้งส่งผลต่อการปฏิบัติงานเจ้าหน้าที่โดยตรง ทั้งการนำเสนอเรื่องยุทธวิธี การกดดันทหารให้ใช้มาตรการเด็ดขาดกับกัมพูชา อาจกระทบต่อสถานการณ์ในพื้นที่ และการแย่งชิงพื้นที่ในเวทีโลก
นอกจากนี้ การให้ข้อมูลจากบางหน่วยทหาร หรือตัวบุคคล ในลักษณะ “แหล่งข่าว” ไม่สอดคล้องกับทิศทางของ “กองทัพบก” ซึ่งเป็นหน่วยหลักรับผิดชอบสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทำให้ประชาชนเกิดความสับสน
พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก เล็งเห็นความสำคัญการสื่อสาร เพราะมองว่า ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ปัจจุบันเป็นภัยคุกคามหลายมิติ ผสมผสานกัน บางมิติก็ไม่เคยเผชิญมาก่อน
กองทัพไม่อาจปฏิเสธความรับผิดชอบได้ แต่ทหารชำนาญเรื่องยุทธวิธีการรบ เมื่อมาเจอสงครามไอโอของกัมพูชา ซึ่งไร้แบบแผน มีการบิดเบือนข้อมูล กลับผิดเป็นถูก จึงต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ ดึงสื่อมวลชนเข้ามามีส่วนร่วมในการรับมือ
กองทัพบก นำทีมโดย “รองเสธเอก” พล.ท.อานุภาพ ศิริมณฑล รองเสธ.ทบ. เพื่อนเตรียมทหารรุ่น 26 ของ พล.อ.พนา พร้อมด้วย “เสธ.ต๊อด” พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กลับมาประกบคู่กับ “ผู้พันเบิร์ด” พล.ต.วันชนะ สวัสดี ผอ.สำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับ กอ.รมน. กองบัญชาการกองทัพไทย
โดย “ผู้พันเบิร์ด” กับ “เสธ.ต๊อด” มีภาพลักษณ์เรื่องการสร้างความรักความสามัคคี และการปกป้องแผ่นดินทั้งในชีวิตจริง และในภาพยนตร์เรื่องตำนานสมเด็จพระนเรศวร ที่แสดงเป็น “พระองค์ดำ” และ “พระองค์ขาว” พระนามของสมเด็จพระนเรศวร และสมเด็จพระเอกาทศรถตามลำดับ
การหวนกลับมารวมการเฉพาะกิจครั้งนี้ “ผู้พันเบิร์ด” เริ่มต้นด้วยการท่องบทในภาพยนตร์ตำนานสมเด็จพระนเรศวร ช่วง “พระยาละแวก” เตือนใจการแก้ไขปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า “ถอยทัพกลับไปก็ดีแล้ว ละแวกก็หอกข้างแคร่ ดีร้ายจะลอบตลบหลังเราทีเผลอเข้าพลาด”
ส่วน “เสธ.ต๊อด” ตกเป็นเป้าของ พล.ต.เนี๊ยะ วงศ์ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 42 กัมพูชา หลังลงพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ ห้วงที่ผ่านมา พล.ต.เนี๊ยะ วงศ์ ได้ประสานมายังทหารในพื้นที่ พร้อมระบุ “น่าจะบอกกันหน่อย พล.ต.วินธัย มาด้วย เพราะอยากเจอตัว”
ขณะที่ พล.ท.อานุภาพ นำข้อความจาก ผบ.ทบ.ฝากถึงสื่อมวลชนบางช่วงบางตอนว่า "ภัยคุกคามที่เกิดขึ้นปัจจุบันเป็นรูปแบบหลายมิติ ซึ่งบางครั้งก็ยังไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อน ส่งผลความมั่นคงของประเทศ ดังนั้นเป็นความรับผิดชอบทหารโดยตรงอยู่แล้ว อย่างปฏิเสธไม่ได้ แต่อยากให้สื่อมวลชนให้ความร่วมมือ เพราะปัจจุบันมีการต่อสู้ในโซเชียลมีเดีย มีอิทธิพลต่อการปฏิบัติงานของทหาร คงไม่ตำหนิ ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล กระทรวงการต่างประเทศ เพราะมีขีดความสามารถ และข้อจำกัด ฉะนั้นเราต้องทำงานร่วมกัน ในเวลานี้คงไม่สามารถว่าใครได้ แต่เราจะต้องมีความอดทนอดกลั้น หลายคนบอกว่าจะอดทนไปถึงไหน แต่ถ้าเข้าใจว่าเราเป็นทหาร ท.ทหาร ต้องอดทนอยู่แล้ว และการทำงานด้วยความมีสติ และความสามัคคีกัน ถือเป็นหัวใจสำคัญ"
พล.ท.อานุภาพ ยังระบุอีกว่า ในการประชุมหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก 22 ก.ค. ผบ.ทบ. ได้เน้นในที่ประชุมซึ่ง แม่ทัพภาค ผบ.พล ผบ.กองกำลัง ผบ.หน่วย ว่า ภารกิจที่ทำอยู่ เป็นการสนองงานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เรื่องการดูแลประชาชนให้ปลอดภัย และกำลังพลให้มีความเป็นอยู่ที่ดี ซึ่งถือเป็นภารกิจหลักของกองทัพบก ซึ่งทางแม่ทัพภาคที่ 2 ได้รับนโยบายไปดำเนินการต่อไป
ทั้งนี้ กองทัพไทย และกองทัพบก คำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนเป็นสำคัญ หากเกิดเหตุการณ์อะไร เรารับไม่ได้หากประชาชนได้รับความเดือดร้อนหรือเสียชีวิต กองทัพบก และกองทัพไทย ให้ความสำคัญสูงสุด จะเห็นได้จากที่กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 คน คนหนึ่งต้องสูญเสียขา ยังมีความสะเทือนใจมากพออยู่แล้ว หากมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก ถามว่าสังคมจะยอมรับได้อย่างไร เพราะฉะนั้นการทำงานต่างๆ กองทัพบกจะต้องทำด้วยความรอบคอบ
โดย ผบ.ทบ.เน้นย้ำอีกว่า บางครั้งจะผิดพลาดอะไรไป ก็ต้องกล้าที่จะแก้ไขให้ถูกต้อง นอกจากนี้ กองทัพบกยังประสานไปยังกองทัพไทย ในเรื่องการให้ข้อมูลข่าว ที่จะต้องเป็นไปในทิศทางเดียวกัน และเป็นทีมเดียวกัน โดยในส่วนของกองทัพไทย ก็จะมีพล.ต.วันชนะ เป็นผู้รับผิดชอบ ดังนั้นขอให้มั่นใจ
“ผบ.ทบ. ไม่ได้ปิดบังตัวตน และปฏิบัติภารกิจตลอด แต่ด้วยบุคลิก ไม่พร้อมที่จะให้สัมภาษณ์ แต่ให้ความสำคัญ จึงได้มีการตั้งทีมโฆษกขึ้นมา เพื่อเป็นช่องทางในการสื่อสารขององค์กร และยืนยันว่าท่านให้ความสำคัญ และลงมาดูเองในเรื่องนี้ และพร้อมที่จะให้ข้อมูลทุกอย่าง ทั้งนี้ การสื่อสารมีหลายวิธี หลายช่องทาง” พล.ท.อานุภาพ ตอบคำถามข้อครหา ผบ.ทบ.ไม่ออกสื่อ เหมือนนักรบห้องแอร์
ส่วน พล.ต.วินธัย กล่าวเสริมว่า การทำงานในทุกระดับ ตั้งแต่ฝ่ายบริหารมีความสำคัญ และเรามีการประสานงานกันอยู่แล้ว ทั้งประชุมคณะกรรมการเขตแดนร่วม หรือ JBC ซึ่งมีกระทรวงการต่างประเทศ รับผิดชอบ ที่เปรียบเสมือนนักกฎหมาย ของงานด้านนี้ ซึ่งผบ. ทบ อยากให้ตัวแทน และกรรมการซึ่งภูมิภาค หรือ RBC เข้าร่วมประชุม JBC ด้วย ซึ่งจะมีทั้งผู้ปฏิบัติ ผู้วางแผน ได้เข้าใจ และแลกเปลี่ยน ข้อมูลซึ่งกัน
ด้าน พล.ต.วันชนะ ระบุว่า พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูง ได้เดินทางไปพบกลุ่มประเทศในอาเซียน เพื่อทำความเข้าใจชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากทุกประเทศ พร้อมยืนยันจะให้ความร่วมมือ เพื่อให้เหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาจบลงอย่างรวดเร็ว
การปรับกลยุทธ์สู้ศึกไอโอกัมพูชา สอดรับสถานการณ์ชายแดนกำลังระอุ หลัง ผบ.ทบ.สั่งเตรียม “แผนจักรพงษ์ภูวนารถ” พร้อมลงพื้นที่บัญชาการด้วยตัวเอง
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







