จับตา 'วาระการเมือง' - 'สว.สีน้ำเงิน' เดินหน้าโหวต องค์กรอิสระ

จับตา 'วาระการเมือง' -  'สว.สีน้ำเงิน' เดินหน้าโหวต องค์กรอิสระ

วุฒิสภา นัดประชุม 22 ก.ค.68 วาระต้องจับตา คือ โหวต "กกต.-ตุลาการศาล รธน." แทนตำแหน่งที่ว่าง หลังจากที่ได้ความชอบธรรม ให้เดินหน้า แม้ 138 สว.จะถูกสอบคดีฮั้ว

KEY

POINTS

  • เกิดความขัดแย้งระหว่างกลุ่ม สว. "สีน้ำเงิน" และ "สว.หลากสี" ในประเด็นการลงมติเลือกกรรมการในองค์กรอิสระ
  • "กลุ่มสีน้ำเงิน" ยืนยันเดินหน้าลงมติต่อไป โดยอ้างความชอบธรรมตามรัฐธรรมนูญ แม้ว่าสมาชิกบางส่วนจะอยู่ระหว่างการตรวจสอบในคดี "ฮั้วเลือก สว."
  • วาระสำคัญที่กำลังจะมีการลงมติคือ เห็นชอบ กกต. 1 คน และตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 2 คน หลังตำแหน่งว่างลง
  • การคัดเลือกตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเป็นที่น่าจับตาเป็นพิเศษ เนื่องจากผู้ได้รับการเสนอชื่อทั้งสองมีประวัติที่ถูกมองว่าอาจเชื่อมโยงกับขั้วการเมือง

ปรากฏการณ์ วิวาทะของ “สว.” ตัวแทน ค่ายสีน้ำเงิน และ “ค่ายแดงแกมส้ม” เกิดขึ้นต่อเนื่อง และทวีความรุนแรง

ประเด็นที่ทำให้  2 ค่าย เปิดหน้าฟาดแบบไม่เกรงใจกัน คือ การให้ความเห็นชอบ “กรรมการองค์กรอิสระ”  ที่เปิดประเด็น 2 มุมความเห็น

ซึ่งฝั่ง “ค่ายแดงแกมส้ม” มี “นพ.เปรมศักดิ์ เพียรยุระ” และ “นันทนา นันทวโรภาส” เป็นหัวหอก ยับยั้งการโหวตลงมติ ให้ความเห็นชอบ “กรรมการองค์กรอิสระ”

ตลอดเวลาที่ หัวหอกค่ายแดง แกม ส้ม ออกมาเล่นบทบู๊ คือ การอ้างถึง มาตรฐานจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการ และความสำนึกทางการเมือง หลัง “สว.ขั้วน้ำเงิน” กว่า 138 คน ถูกตรวจสอบในคดีฮั้วการเลือก สว. และคดีนี้ ล่าสุด ถูกส่งให้ “คณะกรรมการการเลือกตั้ง” (กกต.) พิจารณา ถือเป็นความด่างพร้อยอย่างยิ่ง

ขณะที่ “ค่ายสีน้ำเงิน” แม้จะเล่นบทสงวนท่าที แต่ได้ส่ง “พิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงษ์” โฆษกวิปวุฒิสภา ออกมาตอบโต้ พร้อมยืนยันว่า การทำหน้าที่ของ สว. ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด เป็น “สิทธิ” ที่ทำได้ และ รับรองความถูกต้องชอบธรรม จากบทบัญญัติของ รัฐธรรมนูญ มาตรา  82 วรรคสอง ที่ระบุว่า “กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ให้พ้นสมาชิกภาพ ให้ผู้นั้นพ้นจากตำแหน่งนับจากวันที่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่ไม่กระทบต่อกิจการที่ผู้นั้นทำไปก่อนหน้าที่จะพ้นตำแหน่ง”

จับตา 'วาระการเมือง' -  'สว.สีน้ำเงิน' เดินหน้าโหวต องค์กรอิสระ อย่างไรก็ดี ในบทสรุปของเรื่องนี้  ไม่ชัดเจนว่า “ค่ายแดงแกมส้ม” จะใช้สิทธิเสนอญัตติเพื่อ “ยับยั้ง” การโหวตองค์กรอิสระ ก็ไม่สำเร็จ เพราะเมื่อถึงคราวโหวต ยังสู้เสียงส่วนใหญ่ ไม่ได้

ดังนั้น “ค่ายน้ำเงิน” จึงเดินหน้าพิจารณาโหวตองค์กรอิสระต่อไป ด้วยความ “ชอบธรรม” ตามกระบวนการ

โดยสัปดาห์นี้  มี 2 วาระโหวตสำคัญ คือ เลือก “กกต.” แทนตำแหน่งที่ว่าง จำนวน 1 คน และ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ แทนตำแหน่งที่ว่าง จำนวน 2 คน

สำหรับตำแหน่ง กกต. ที่ “สว.” ต้องลงมตินั้น ตามวาระคือ การเลือกแทน “ปกรณ์ มรรณพ” กกต. ที่พ้นจากตำแหน่ง เมื่อ ก.พ.68 เพราะอายุครบ 70 ปี ซึ่งบุคคลที่จะสรรหาเข้ามาแทนที่ ต้องเป็นไปตามสเปกที่กำหนดไว้ในกฎหมาย คือ“ผู้มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ ด้านกฎหมาย และเคยดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าอธิบดีอัยการมาแล้วไไม่น้อยกว่า 5 ปี”  นั่นหมายถึงเป็นโควตามาจาก “นักกฎหมาย” และต้องเลือกในที่ประชุมใหญ่ศาลฏีกา

สำหรับผลการพิจารณาผ่านการลงมติจากที่ประชุมใหญ่ศาลฏีกา เมื่อ 9 เม.ย.68  พบว่า “ณรงค์ กลั่นวารินทร์” ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา ได้รับเลือกด้วยคะแนนสูงสุด และมีคะแนนเกินกึ่งหนึ่งของจำนวนผู้พิพากษาที่มีอยู่ในศาลฎีกา คือ  134 คะแนน ส่วนคู่แข่ง คือ “ภัฏ วิภูมิรพี” ประธานแผนกคดีพาณิชย์ และเศรษฐกิจในศาลฎีกา ได้ 55 คะแนน

จับตา 'วาระการเมือง' -  'สว.สีน้ำเงิน' เดินหน้าโหวต องค์กรอิสระ

สำหรับประวัติของ “ณรงค์”  นั้น ปัจจุบันอายุ 65 ปี  ประสบการณ์การทำงานปัจจุบัน เป็น “ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา” ส่วนวุฒิสภาศึกษา คือ นิติศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยรามคำแหง ปี 2525 พัฒนาบริหารศาสตร์บัณฑิตทางรัฐประศาสนศาสตร์ ปี 2535 นิด้า และ เนติบัณฑิต สำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา ปี2526

ดังนั้นในตำแหน่งนี้ ที่มีจากการเลือกของที่ประชุมใหญ่ของศาลฎีกา จึงเชื่อว่าการลงมติ คงไม่มี สว. คนไหน โหวตสวนทาง

ขณะที่ สำหรับ “ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ” มีผู้ถูกเสนอชื่อ 2 คน  เพื่อแทน “นครินทร์ เมฆไตรรัตน์” ประธานศาลรัฐธรรมนูญ และ “ปัญญา อุดชาชน” ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากพ้นตำแหน่งเพราะครบวาระ เป็นประเด็นที่ต้องจับตา วงในของ “สภาสูง” ตีตราไว้ว่า  คือ "ตัวแทนของสีการเมือง”

สำหรับผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อ ทั้ง 2 คน นั้น มีรายละเอียด   คือ

คนแรก “ร.ต.อ.สุธรรม เชื้อประกอบกิจ” นักวิชาการรัฐประศาสนศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

มาในคุณสมบัติ คือ “ผู้ทรงคุณวุฒิสาขารัฐศาสตร์หรือ รัฐประศาสนศาสตร์ ซึ่งดำรงตำแหน่งหรือเคยดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยในประเทศไทย มาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี และยังมีผลงานทางวิชาการเป็นที่ประจักษ์”

จับตา 'วาระการเมือง' -  'สว.สีน้ำเงิน' เดินหน้าโหวต องค์กรอิสระ และคนที่สอง คือ  “สราวุธ ทรงศิวิไล” อดีตอธิบดีกรมขนส่งทางราง และอดีตอธิบดีกรมทางหลวง

มาในคุณสมบัติ คือ “ผู้ทรงวุฒิที่รับหรือเคยรับราชการในตำแหน่งไม่ต่ำกว่าอธิบดีหรือหัวหน้าส่วนราชการที่เทียบเท่า หรือ ตำแหน่งไม่ต่ำกว่ารองอัยการสูงสุดมาแล้วไม่น้อยกว่า5ปี”

สำหรับการลงคะแนนเลือก ในชั้นของ “คณะกรรมการสรรหา” ที่มีประธานศาลฎีกา เป็นประธาน มีความน่าสนใจ คือ ผู้จะผ่าน ต้องได้เสียง 2 ใน 3 ของ กรรมการที่มี คือ 8 คน ซึ่งในส่วนของ  “ร.ต.อ.สุธรรม” ต้องแข่งกับ “อ.ไชยยันต์ ไชยพร” นักวิชาการจากค่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งรอบแรกนั้น ปรากฎว่า นักวิชาการทั้งสอง ไม่มีใครได้คะแนนถึงเกณฑ์ ทำให้ต้องใช้การลงมติ 2 รอบ และ “ร.ต.อ.สุธรรม” ได้รับเลือก

ขณะที่ “สราวุธ” ต้องใช้การโหวต 3 รอบ

จับตา 'วาระการเมือง' -  'สว.สีน้ำเงิน' เดินหน้าโหวต องค์กรอิสระ

สำหรับประวัติ “สราวุธ”  ที่ได้ให้ไว้ในการยื่นใบสมัคร มีความน่าสนใจ คือ จบการศึกษาปริญญาตรี และปริญญาโท ที่สาขาวิศวกรรมศาสตร์ ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  ประสบการณ์ทำงานที่สำคัญ คือ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร อธิบดีกรมการขนส่งทางราง และอธิบดีกรมทางหลวง ในยุคที่ “แกนนำพรรคภูมิใจไทย” นั่งคุมกระทรวงคมนาคม

สำหรับประวัติของ “ร.ต.อ.สุธรรม” นั้น ปัจจุบันอายุ 62 ปี วุฒิการศึกษา ปริญญาบัณฑิต สาขารัฐประศาสนศาสตร์ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ ต่อมา วิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาการบริหารยุติธรรม มหาวิทยาลัยอาลาบาม่าเบอรร์มิงแฮม สหรัฐอเมริกา ดุษฎีบัณฑิต สาขาการบริหารรงานยุติธรรม มหาวิทยาลัยแซมฮุสตันสเตท สหรัฐอเมริกา

ขณะที่ประสบการณ์ทำงาน เริ่มจาก เป็นอาจารย์ภาควิชาการบริหารงานตำรวจ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ ต่อมา ศาสตราจารย์ สาขากระบวนการยุติธรรม และ ผู้อำรววยการหลักสูตรปริญญาโท สาขากระบวนการยุติธรรม มหาวิทยาลัยเคนนีซอร์สเตท สหรัฐอเมริกา  ช่วง 49 - 59 ก่อนจะกลับมารับตำแหน่ง ผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า กระทรวงพาณิชย์ ช่วงปี 2559- 2560  ซึ่งเป็นช่วงรัฐบาลของ คสช. และต่อเนื่องรัฐบาล พปชร.  ต่อจากนั้นเข้ารับงานวิชาการ ที่คณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ตั้งแต่ปี 2565 ถึงปัจจุบัน และยังควบกรรมการเพื่อการวิจัยและส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัย โรงเรียนนายร้อยตำรวจ ด้วย

อย่างไรก็ดี “ร.ต.อ.สุธรรม” ได้กรอกรายละเอียดการทำงานไว้ด้วยว่า  ร่วมเป็นคณะที่ปรึกษา รมว.ยุติธรรม (ร.ต.อ.ทวี สอดส่อง)  ตั้งแต่ 28 ก.ย.2566 จนถึงปัจจุบัน(วันที่ยื่นใบสมัครเข้ารับการสรรหา) และที่ปรึกษาในคณะทำงานกำหนดนโยบาย เพื่อยกระดับ และขับเคลื่อนภารกิจกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในหน่วยงาน กรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยเริ่มเป็นตั้งแต่ 8 มกราคม 2567 จนถึงปัจจุบัน (วันที่ยื่นใบสมัคร) อีกด้วย ดังนั้นต้องจับตา วาระโหวตเห็นชอบ 2 บุคคลที่เสนอชื่อให้เป็น ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ในวันพรุ่งนี้ ให้ดี

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์   ศิลาวงษ์