'ผบช.ภ.3' สั่งยกระดับสูงสุด 4 จว. พบสัญญาณผิดปกติ ปราสาทตาเมือนธม

“ผบช.ภ.3” สั่งยกระดับสูงสุด 4 จว.พื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พบสัญญาณผิดปกติ ปราสาทตาเมือนธม เน้นวางมาตรการป้องกัน ย้ำกำลังพลใช้ความอดทน อดกลั้น ยึดกฎหมายหลักยุทธวิธี
21 ก.ค.ที่ สภ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ พล.ต.ท.วัฒนา ยี่จีน 'ผบช.ภ.3' ออกคำสั่งด่วนให้ทุกหน่วยในสังกัดเร่งยกระดับการเตรียมพร้อมสูงสุด หลังพบสัญญาณความเคลื่อนไหวผิดปกติบริเวณ แนวชายแดนไทย–กัมพูชา โดยเฉพาะพื้นที่ใกล้ ปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งอยู่ห่างจากชายแดนไม่ถึง 1 กิโลเมตร
พล.ต.ท.วัฒนา กล่าวว่า การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ต้องอยู่บนหลักกฎหมาย ความอดทน และความเป็นมืออาชีพ โดยเฉพาะในช่วงที่สถานการณ์ชายแดนอาจเกิดความตึงเครียด “เราจะไม่ปล่อยให้ความไม่มั่นคงข้ามพรมแดนเข้ามา ความปลอดภัยของประชาชนคือภารกิจสูงสุดของตำรวจภูธรภาค 3 ขอให้กำลังพลทุกนายปฏิบัติหน้าที่ด้วยความอดทน อดกลั้น ยึดหลักกฎหมาย และหลักยุทธวิธีอย่างเคร่งครัด”
พล.ต.ท.วัฒนา. กล่าวว่า พื้นที่เป้าหมายเฝ้าระวังเข้มหน่วยงานในสังกัดตำรวจภูธรภาค 3 ได้รับคำสั่งให้ยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยใน 4 จังหวัดชายแดน ได้แก่ จังหวัดสุรินทร์,บุรีรัมย์ ,ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี
โดยเฉพาะ อำเภอพนมดงรัก จ.สุรินทร์ ที่มีชายแดนติดต่อโดยตรงกับกัมพูชา และอยู่ใกล้โบราณสถานสำคัญอย่าง “ปราสาทตาเมือนธม” ซึ่งถือเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่มีความอ่อนไหวทั้งทางประวัติศาสตร์และความมั่นคง
สำหรับมาตรการภาคสนาม เพื่อความมั่นคงของพื้นที่และความปลอดภัยของประชาชน ได้สั่งการไปคือ 1. จัดตั้งจุดตรวจถาวร 24 ชั่วโมงบริเวณรอบแนวป่าใกล้ชายแดน 2. ติดตั้งกล้องวงจรปิดเชื่อมศูนย์สั่งการ และใช้ โดรนบินลาดตระเวน เพื่อตรวจการณ์ต่อเนื่อง. 3. ประสานหน่วยข่าวกรองตำรวจ–ทหาร–ฝ่ายปกครอง เพื่อวิเคราะห์และประเมินสถานการณ์ล่วงหน้า 4. จัดตั้ง ศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้า (ศปก.) ณ สภ.พนมดงรัก ให้เป็นฐานบัญชาการภาคสนาม
โดยมี พล.ต.ต.ประสงค์ เรืองเดช รอง ผบช.ภ.3 เป็นผู้บัญชาการประจำพื้นที่ 5. วางแผนอพยพประชาชนหมู่บ้านแนวชายแดน หากสถานการณ์บานปลาย 6. จัดชุดปฏิบัติการร่วม (ตำรวจ–ฝ่ายปกครอง–อปพร.–อาสาสมัคร) ดูแลหมู่บ้าน–โรงเรียน–สถานพยาบาล–ศูนย์ราชการทุกจุด
พร้อมปกป้องประชาชนคือภารกิจสูงสุด นอกจากนี้ได้สั่งการให้ทุกสถานีตำรวจในแนวชายแดนเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ในการดูแลชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน
โดยเน้นปกป้อง โรงพยาบาลพนมดงรัก และสถานพยาบาลใกล้เคียง โรงเรียนในรัศมี 30 กิโลเมตร ศูนย์ราชการ–อปท.–ศูนย์อพยพ หมู่บ้านในแนวตะเข็บชายแดนทุกแห่ง
ด้านพล.ต.ต.สุคนธ์ ศรีอรุณ ผู้บังคับการภูธรจังหวัดสุรินทร์ พล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์ พร้อมด้วย รอง ผบก.ภ.จว.สุรินทร์ และ รอง ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์ เรียกกำลัง กองร้อยควบคุมฝูงชน ของ ตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ และ ตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ จังหวัดละ 1 กองร้อย รวมจำนวน 340 นาย เจ้าหน้าที่ กก.สืบสวน ชุดพิทักษ์พื้นที่ส่วนหลัง และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ. ตามแนวชายแดน เพื่อกำชับการปฏิบัติ ในการเฝ้าติดตามสถานการณ์ ความเคลื่อนไหว ชายแดนไทย-กัมพูชา และปฏิบัติตามแผนพิทักษ์พื้นที่ส่วนหลังโดยเคร่งครัดต่อไป และให้รายงานผลการปฏิบัติต่อ ศปก.ภ.3 และ ศปก.ตร. ทราบทุกระยะ







