ละเอียด! เปิดคำวินิจฉัย กกต.ลงดาบ ‘หมอเกศ’ ใช้ ‘ศ.’ ลวงสมัคร สว.

ละเอียด! เปิดคำวินิจฉัย กกต.ลงดาบ ‘หมอเกศ’ ใช้ ‘ศ.’ ลวงสมัคร สว.

ดูละเอียด! เปิดคำวินิจฉัย กกต.ลงดาบ ‘หมอเกศกมล เปลี่ยนสมัย’ ใช้คำนำหน้าชื่อ ‘ศาสตราจารย์’ หลอกลวงสมัคร สว. ชงศาลฎีกาฯเพิกถอนสมัครรับเลือกตั้ง โดนโทษอาญาด้วย

KEY

POINTS

  • กกต. มีมติให้ดำเนินคดีกับ น.ส.เกศกมล เปลี่ยนสมัย หรือ "หมอเกศ" กรณีใช้คุณสมบัติอันเป็นเท็จในการสมัคร สว.
  • คำวินิจฉัยระบุว่าการใช้คำนำหน้าชื่อว่า "ศาสตราจารย์" ถือเป็นการหลอกลวงเพื่อให้เข้าใจผิดในคุณสมบัติ เนื่องจากไม่เคยได้รับการแต่งตั้งตามกฎหมายไทย
  • กกต. จะยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาเพื่อเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง และดำเนินคดีอาญา ซึ่งมีโทษจำคุกสูงสุด 10 ปี และตัดสิทธิเลือกตั้ง 20 ปี
  • สำหรับข้อกล่าวหาเรื่องวุฒิปริญญาเอกจากต่างประเทศ กกต. ได้ยกคำร้องเนื่องจากหลักฐานไม่เพียงพอ

กรณี นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือ "ทนายอั๋น บุรีรัมย์" เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมา ตนได้รับมติคำวินิจฉัยของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในฐานะที่เป็นผู้ร้อง คดีให้ตรวจสอบคุณสมบัติของ น.ส.เกศกมล เปลี่ยนสมัย หรือ "หมอเกศ" สว. กรณีวุฒิการศึกษา เข้าข่ายเป็นการหลอกลวงในการลงสมัครเข้ารับการคัดเลือกเป็น สว. หนังสือลงวันที่ 18 ก.ค. 2568 โดย กกต.มีมติให้ดำเนินคดีกับ น.ส.เกศกมล ในความผิดตามกฎหมายเลือกตั้งและคดีอาญา กรณีใช้คำว่า “ศาสตราจารย์” ซึ่งจะมีอัตราโทษจำคุกเป็นเวลา 10 ปี และตัดสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา 20 ปี

อ่านข่าว: กกต.ฟันดาบ 2 'หมอเกศ' ใช้คำนำหน้า 'ศาสตราจารย์' หลอกลวงสมัคร สว.

กรุงเทพธุรกิจ ตรวจค้นคำวินิจฉัยของ กกต.พบว่า ในคำวินิจฉัยที่ 309/2568 เรื่องการเลือก สว.ระดับประเทศ กกต.ได้รับคำร้องและรายงานกรณีมีเหตุอันควรสงสัยหรือความปรากฎต่อ กกต.ว่า น.ส.เกศกมล เปลี่ยนสมัย ผู้มีสิทธิเลือก สว.ระดับประเทศ กลุ่ม 19 หมายเลข 3 (ผู้ถูกร้อง) กระทำการอันเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. 2561 มาตรา 77 (4) กล่าวคือ ผู้ถูกร้องหลอกลวงหรือจูงใจให้บุคคลอื่นเข้าใจผิดในคุณสมบัติ ความรู้ความสามารถ หรือชื่อเสียงเกียรติคุณของผู้ถูกร้อง เพื่อจูงใจให้ผู้สมัครหรือผู้มีสิทธิเลือกลงคะแนนให้แก่ผู้ถูกร้อง จำนวน 6 คำร้อง และ 3 คำร้องย่อย โดยส่วนใหญ่คือ กรณีกล่าวหาเรื่องหลอกลวงคุณสมบัติในการสมัคร สว. เช่น การใช้คำนำหน้าชื่อว่า “ศาสตราจารย์” กรณีการเรียนจบ “ด็อกเตอร์” ปริญญาเอกจาก California University, U.S.A. การเปิดคลินิกเสริมความงาม รวมถึงการสวมชุดครุยวิทยฐานะในการจบมหาวิทยาลัยต่าง ๆ เป็นต้น

อย่างไรก็ดี กกต.ได้ยกคำร้องแทบทั้งหมด เหลือแค่กรณีการใช้คำนำหน้าว่า “ศาสตราจารย์” โดยข้อเท็จจริงที่ได้จากการไต่สวนรับฟังได้ว่า “หมอเกศ” สมัคร สว.ในกลุ่ม 19 โดยระบุในข้อมูลแนะนำตัวผู้สมัคร (สว.3) ในส่วนประวัติการศึกษาว่า ปริญญาเอก รัฐศาสตร์ดุษฎีบัณฑิต (Doctor of Political Science) California University, U.S.A. และศาสตราจารย์การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (Professor in Human Resource Development) California University และระบุประวัติการทำงานหรือประสบการณ์ทำงานในกลุ่มที่สมัครว่า ศาสตราจารย์ จึงต้องพิจารณาเป็น 2 กรณีว่า การที่ผู้ถูกร้องแนะนำตัวในการเลือก สว.ในส่วนของประวัติการศึกษาว่าจบปริญญาเอก และการแนะนำตัวมีคำนำหน้าว่า ศาสตราจารย์ เป็นการหลอกลวง เพื่อจูงใจให้ผู้สมัครหรือผู้มีสิทธิลงคะแนนให้แก่ผู้ถูกร้อง อันฝ่าฝืน พ.ร.ป.เลือก สว. 2561 มาตรา 77 (4) หรือไม่

กรณีวุฒิการศึกษาปริญญาเอกนั้น แม้ว่า California University FCE ได้รับการรับรองจากกระทรวงศึกษาธิการของสหรัฐอเมริกา แต่ยังไม่ได้รับการรับรองจากคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนของไทย (ก.พ.) เนื่องจากยังไม่มีบุคคลใดหรือองค์กรใดนำวุฒิการศึกษาจากมหาวิทยาลัยดังกล่าวไปยื่น เพื่อเทียบวุฒิต่อ ก.พ.เพื่อเข้ารับราชการ อีกทั้งไม่ปรากฎพยานหลักฐานอื่นที่ยืนยันได้ว่า กระทำการฝ่าฝืนกฎหมายตามข้อกล่าวหา จึงน่าเชื่อว่าการที่ผู้ถูกร้องแนะนำตัวในส่วนของประวัติการศึกษาว่า ปริญญาเอกมหาวิทยาลัยดังกล่าว ยังไม่เป็นการหลอกลวง หรือจูงใจให้ผู้อื่นเข้าใจผิด ในชั้นนี้ข้อเท็จจริงจึงยังรับฟังไม่ได้ว่า ผู้ถูกร้องกระทำผิดตามคำร้อง

ละเอียด! เปิดคำวินิจฉัย กกต.ลงดาบ ‘หมอเกศ’ ใช้ ‘ศ.’ ลวงสมัคร สว.

ส่วนกรณี “ศาสตราจารย์” นั้น จากการไต่สวนข้อเท็จจริงว่า กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) การกำหนดคุณสมบัติเกี่ยวกับการแต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์ ต้องเป็นไปตามประกาศคณะกรรมการการข้าราชการพลเรือนในสถาบันการอุดมศึกษา เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการแต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ (ผศ.) รองศาสตราจารย์ (รศ.) และศาสตราจารย์ (ศ.) 2564 และระเบียบคณะกรรมการการอุดมศึกษาที่เกี่ยวข้อง

จากการตรวจสอบข้อมูลของผู้ถูกร้อง ปรากฏข้อเท็จจริงว่า ผู้ถูกร้องไม่มี่ชื่ออยู่ในฐานข้อมูลของผู้ดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์ที่คณะกรรมการข้าราชการพลเรือนในสถาบันการอุดมศึกษา (ก.พ.อ.) และคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) กำหนด ประกอบกับไม่ปรากฏหลักฐานว่า มีสถาบันอุดมศึกษาใดเคยขอให้สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษาฯ พิจารณาดำเนินการเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งบุคคลดังกล่าวให้ดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์

จากการตรวจสอบข้อมูลปรากฏว่า สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษาฯ ยังไม่เคยพิจารณาเทียบวุฒิการศึกษาจาก California University และ California Unviersity FCE ประกอบกับผู้ถูกร้องก็ให้ถ้อยคำว่า ไม่เคยทำงานในตำแหน่งศาสตราจารย์ ข้อเท็จจริงจึงเป็นที่ยุติว่า ผู้ถูกร้องมิได้มีตำแหน่งทางวิชาการศาสตราจารย์ ตามหลักการและขั้นตอนที่กำหนดไว้ในกฎหมายดังกล่าวข้างต้นของไทย

ดังนั้นการที่ผู้ถูกร้องแนะนำตัวในการเลือก สว.ว่าเป็น “ศาสตราจารย์” โดยที่มิเคยดำรงตำแหน่งเป็นศาสตราจารย์ตามกฎหมายของไทย จึงเป็นการหลอกลวง หรือจูงใจให้บุคลอื่นเข้าใจผิดในคุณสมบัติ ความรู้ความสามารถ หรือชื่อเสียงหรือเกียรติคุณของผู้ถูกร้อง เพื่อจูงใจให้ผู้สมัคร หรือผู้มีสิทธิเลือกลงคะแนนให้แก่ผู้ถูกร้อง ซึ่งเป็นการทุจริตในการเลือก และทำให้การเลือกมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม อันเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือก สว. 2561 มาตรา 77 (4)

จึงมีคำสั่งในประเด็นกรณีศาสตราจารย์ ให้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกา เพื่อสั่งให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง หรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของ น.ส.เกศกมล เปลี่ยนสมัย ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. 2561 มาตรา 62 และรัฐธรรมนูญ มาตรา 226 และให้ดำเนินคดีอาญาแก่ น.ส.เกศกมล ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. 2561 มาตรา 77 (4) 

ละเอียด! เปิดคำวินิจฉัย กกต.ลงดาบ ‘หมอเกศ’ ใช้ ‘ศ.’ ลวงสมัคร สว.