ดีเอสไอยันมี ‘บิ๊กเนมภูมิใจไทย’ โดนสอบคดีฟอกเงินฮั้ว สว.ด้วย

ดีเอสไอยันมี ‘บิ๊กเนมภูมิใจไทย’ โดนสอบคดีฟอกเงินฮั้ว สว.ด้วย

อธิบดีดีเอสไอรับ ‘บิ๊กเนมภูมิใจไทย’ ติดโผโดนสอบคดีอั้งยี่-ฟอกเงินจากการฮั้ว สว.ด้วย ตัวละครส่วนใหญ่ชุดเดียวกับคดีใน กกต. ตอนนี้คืบ 70% คาด 1-2 เดือนแจ้งข้อหาได้

KEY

POINTS

  • พ.ต.อ.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ ยืนยันว่ากำลังสอบสวนคดีอั้งยี่และฟอกเงินที่เกี่ยวกับการฮั้วเลือกตั้ง สว. ซึ่งมีนักการเมืองและเครือข่ายเข้ามาเกี่ยวข้อง
  • อธิบดีดีเอสไอยอมรับว่ามีชื่อของบุคคลระดับสูงในพรรคภูมิใจไทยอยู่ในข่ายที่ถูกสอบสวนในคดีดังกล่าวด้วย
  • การสอบสวนคืบหน้าไปแล้วประมาณ 70% โดยกำลังอยู่ในขั้นตอนการไล่เส้นทางการเงิน และคาดว่าจะสามารถแจ้งข้อกล่าวหาได้ภายใน 1-2 เดือน
  • แม้คดีของดีเอสไอจะแยกจากคดีการเลือกตั้งของ กกต. แต่ใช้พยานหลักฐานและมีกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องส่วนใหญ่เป็นชุดเดียวกัน

เมื่อวันที่ 18 ก.ค. 2568 พ.ต.อ.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ “เจาะลึกทั่วไทย InsideThailand” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ MCOTHD ถึงความคืบหน้าในการสอบสวน คดีอั้งยี่ ฟอกเงิน จากการ ฮั้ว สว. ตอนหนึ่งถึงความเชื่อมโยงของคดีระหว่าง คดีฮั้ว สว.ที่อยู่ในการไต่สวนของ กกต. และคดีอั้งยี่ ฟอกเงินจากการฮั้ว สว.ที่อยู่ในมือของดีเอสไอ มีจุดเกาะเกี่ยวกันตรงไหน ว่า เรียนว่าเรื่องความผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ซึ่ง กกต.ดำเนินการอยู่

ส่วนความผิดอาญาอื่น ทั้งฐานฟอกเงิน และอั้งยี่ ส่วนใหญ่พยานหลักฐานเป็นชุดเดียวกัน เพียงแต่ว่าเราพิสูจน์ความผิดกันคนละฐาน ส่วน กกต.เราคณะอนุกรรมการฯไปร่วม 3 คน ก็พิสูจน์ความผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ขณะที่ของเราคดีฟอกเงินเป็นหลัก ฟอกเงินทางอาญา ปปง.ก็ไม่ได้ทำ ถ้าเป็นทางอาญา หากคดีปกติก็เป็นของตำรวจ ถ้าคดีพิเศษก็เป็นอำนาจหน้าที่ของดีเอสไอ พยานหลักฐานชุดเดียวกัน แต่พิสูจน์คนละฐาน ฟอกเงินกระทำคนละกรรม มีแนวคำวินิจฉัยมากมายว่า ความผิดฐานฟอกเงิน เอาผิดแต่ละกรรม แต่ละการโอน แต่ละครั้ง แยกกันชัดเจน แต่พยานหลักฐานอาจชุดเดียวกัน

เมื่อถามความคืบหน้าคดีอั้งยี่ ฟอกเงิน ในมือของดีเอสไอ จะสรุปสำนวนได้ช่วงใด พ.ต.อ.ยุทธนา กล่าวว่า ตอนนี้เราก็รวบรวมพยานหลักฐานไป 70% เนื่องจากการพิสูจน์ความผิดคดีอาญาของดีเอสไอ ในความเห็นมุมมองตน ต้องพิสูจน์ให้ได้หลักฐานใกล้เคียง หรือปราศจากข้อสงสัย ระดับการพิสูจน์ต้องเข้มข้น ชัดเจน เรื่องความผิดฐานฟอกเงิน ต้องไล่เส้นเงินในแต่ละเส้น ขอ statement มา บุคคลที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดทั้งหมด อาจต้องใช้เวลาพิสูจน์เส้นเงินต่าง ๆ มาวิเคราะห์ว่า เงินที่ได้มาจากการกระทำความผิด หรือเงินที่ใช้เตรียม หรือเพื่อกระทำผิดนั้น มีการจำหน่ายจ่ายโอน ผู้ใดโอน ผู้ใดรับโอนไปยังบุคคลใดบ้าง ต้องใช้เวลาพอสมควร และต้องพิสูจน์ให้ชัด เราเห็นว่าสัก 1-2 เดือนน่าจะเพียงพอที่ชั่งน้ำหนักได้ว่า มีหลักฐานเพียงพอแจ้งข้อกล่าวหาผู้ใดบ้าง

ซักอีกว่า ตัวละครของทั้ง 2 คดีทั้งในชุดไต่สวนของ กกต. และชุดสืบสวนของดีเอสไอ เป็นตัวละครชุดเดียวกันหรือไม่ อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า ส่วนใหญ่เป็นตัวละครชุดเดียวกัน มีนักการเมืองและเครือข่ายนักการเมืองรวมอยู่ด้วย มีซ้ำกันบ้างแต่ว่าไม่ทั้งหมด อย่างที่เรียนคือว่า มันพิสูจน์กันคนละฐาน ผิดกฎหมายเลือกตั้งเขาพิสูจน์เรื่องของการให้ประโยชน์จูงใจให้ผู้ใดได้เป็น สว. แต่ของเราพิสูจน์เรื่องการเป็นสมาชิก คณะบุคคล รวมถึงมีการฟอกเงินจากการกระทำความผิด อาจซ้ำกันบ้าง แต่ไม่ทั้งหมด

ถามย้ำว่า คดีอั้งยี่ ฟอกเงิน ในส่วนดีเอสไอ มีชื่อของกรรมการบริหารพรรคภูมิใจไทยบางคนด้วยหรือไม่ พ.ต.อ.ยุทธนา กล่าวว่า เชื่อว่ามี ต้องเรียนว่า เราเจาะจงใครไม่ได้ ถ้าหลักฐานถึงใคร ตนคิดว่าน่าจะมีไปถึงบุคคลที่ถาม 

ซักว่า มีชื่อของนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นายเนวิน ชิดชอบ ครูใหญ่สีน้ำเงิน และนายไชยชนก ชิดชอบ สส.พรรคภูมิใจไทย บุตรชายนายเนวิน หรือไม่ พ.ต.อ.ยุทธนา กล่าวว่า ขออนุญาตสงวนไว้ เป็นรายละเอียดของตัวบุคคล

เมื่อถามว่าก่อนถึงเส้นตาย 1-2 เดือนที่จะแจ้งข้อกล่าวหา ระหว่างนี้ดีเอสไอจะทยอยเรียกทีมงานคนรอบตัวของ สว.สีน้ำเงิน มาสอบปากคำในฐานะพยานหรือไม่ อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า มีประเด็นของพยาน รู้เห็นเหตุการณ์ หรืออยู่ในกลุ่มนี้ เขาให้ข้อมูลว่า ที่ปรึกษา ผู้เชี่ยวชาญ รวมทั้งที่แต่งตั้งประจำตัว สว.แต่ละคน มีบางคนถูกจัดตั้งมา และ สว.บางคนที่เราได้ข้อมูลคือ เขาไม่รู้จักบุคคลที่ตั้งมา นี่ก็เป็นพยานหลักฐานอย่างหนึ่ง ที่เราต้องเรียกมาสอบถาม ให้สิ้นกระแสความ