ยุทธศาสตร์ สทร.สู้ศึกกัมพูชา 'การเมือง'เกียร์ว่าง ‘กองทัพ’แบก

ยุทธศาสตร์ สทร.สู้ศึกกัมพูชา  'การเมือง'เกียร์ว่าง ‘กองทัพ’แบก

ทหารแนวหน้าชายแดนไทย-กัมพูชา ตกอยู่ในสภาวะตึงเครียดจากเหตุการณ์ในพื้นที่ ประเดประดังเข้ามา หนำซ้ำยังถูกปล่อยคลิปดิสเครดิต เสมือนหนึ่งทหารไทยเพลี่ยงพล้ำอยู่ตลอดเวลา และต้องแบกความคาดหวังคนไทยทั้งประเทศ

KEY

POINTS

  • สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาพลิกผันรายวัน ก่อให้เกิดความตึงเครียดอีกหลายจุด 
  • แม้ไทย-กัมพูชา ได้ข้อสรุปจัดระเบียบนักท่องเที่ยวบนปราสาทตาเมือนธม แต่ยังมีการตอบโต้ระหว่างผู้นำกัมพูชา กับ แม่ทัพภาคที่ 2

 

  • ทหารไทยเหยียบกับระเบิด ขณะออกลาดตระเวนจากฐานปฏิบัติการมรกต ไปยังเนิน 481 บาดเจ็บ 3 นาย ยังรอการพิสูจย์เป็นของเก่าหรือวางใหม่

แม้“รัฐบาลไทย”พยายามรักษาบรรยากาศไทย-กัมพูชา หวังยกปัญหาชายแดนเข้าสู่โต๊ะเจรจาทวิภาคี ผ่าน 3 กลไก ประกอบด้วย

กลไกกระทรวงต่างประเทศ ที่ มาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.การต่างประเทศ เตรียมส่งหนังสือเชิญกัมพูชาเข้าประชุมคณะกรรมการเขตแดนร่วม (Joint Boundary Commission) หรือ JBC ในช่วงเดือนกันยายนนี้

กลไกกระทรวงกลาโหม พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ในฐานะรักษาการแทน รมว.กลาโหม อยู่ระหว่างเจรจากัมพูชา เพื่อเปิดประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา หรือ GBC วาระพิเศษ

กลไกระดับแม่ทัพภาค พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 อยู่ระหว่างรอสัญญาณตอบรับจากกัมพูชา เพื่อจัดการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค หรือ RBC ซึ่งล่วงเลยเวลามาสมควร นับตั้งแต่เกิดเหตุปะทะช่องบก จ.อุบลราชธานี

ขณะที่ท่าที “กัมพูชา” ต่อทั้ง 3 กลไก ต้องรอผู้มีอำนาจเบ็ดเสร็จตัดสินใจ คือ 2 พ่อลูก “ฮุน เซน” ประธานวุฒิสภากัมพูชา และ “ฮุน มาเนต” นายกรัฐมนตรีกัมพูชา แต่จนถึงวันนี้ ยังไม่มีสัญญาณตอบรับในเชิงบวกแต่อย่างใด

ส่วนสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ได้ลุกลามมาไกล จากปัญหากระทบกระทั่งบริเวณช่องบก จ.อุบลราชธานี เมื่อ 28 พ.ค.2568 

ในเบื้องแรก เหตุการณ์อาจจบลงด้วยดี หากไม่มีข่าวเล็ดลอดออกมาว่า กัมพูชายอมปรับลดกำลัง และกลบคูเลต เมื่อเป็นเช่นนี้ สถานการณ์จึงพลิกผัน ก่อให้เกิดความตึงเครียดอีกหลายจุด โดยเฉพาะบริเวณปราสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ หลังจากมีนักท่องเที่ยวไทยและกัมพูชา เดินทางขึ้นมาท่องเที่ยวบนตัวปราสาท อย่างมีนัยสำคัญ และมีปัญหากระทบกระทั่ง จนนำไปสู่การเอาคืน

สืบเนื่องจากอดีตทหารพราน ทำร้ายทหารกัมพูชาชุดประสานงานชายแดน เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวไว้ได้ ก่อนนำตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมายของไทย 

ถัดมาเกิดกรณีหญิงชาวกัมพูชา เข้ามาชี้หน้าด่าทอทหารไทยในเขตพื้นที่ไทยปราสาทตาเมือนธม มีการโต้เถียงไปมา จนกำลังรบทหารทั้งสองฝ่ายกรูเข้ามาในพื้นที่ หลังได้ยินทหารกัมพูชาเตรียมตั้งปืน 

แม้ทุกอย่างจะจบลงด้วยการเจรจา ปรับความเข้าใจ ต่างฝ่ายต่างแยกย้าย ทว่าแม่ทัพภาคที่ 2 พล.ท.บุญสิน เริ่มเห็นสัญญาณไม่สู้ดี หลังเกิดการเผชิญหน้า ระหว่างกำลังรบทั้งสองฝ่าย สุ่มเสี่ยงต่อสถานการณ์บานปลาย จึงสั่งจัดระเบียบนักท่องเที่ยวบนปราสาทตาเมือนธม

จึงเป็นที่มา ของการหารือระหว่าง พ.อ.บุญเสริม บุญบำรุง รอง ผบ.กกล.สุรนารี พล.ต.เนี๊ยะ วงค์ ผบ.พลน้อย ร.42 จนได้ข้อสรุปร่วมกัน ให้คัดกรองนักท่องเที่ยวเข้าพื้นที่ หากเกิดเหตุการณ์กระทบกระทั่ง ให้เป็นหน้าที่ชุดประสานงานชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ประจำบนปราสาทตาเมือนธม ซึ่งมีฝ่ายละ7 นาย ให้ดำเนินการกับนักท่องเที่ยวของตัวเอง และห้ามกำลังรบสองฝ่ายเข้าพื้นที่เด็ดขาด

แม้ในระดับพื้นที่ จะได้ข้อสรุป และแนวทางปฏิบัติในการดูแลนักท่องเที่ยวบนปราสาทตาเมือนธมแล้ว แต่ยังมีการตอบโต้ระหว่างผู้นำกัมพูชา กับแม่ทัพภาคที่ 2

เมื่อพล.อ.เตีย เซ็ยฮา รองนายกฯ และรมว.กลาโหมกัมพูชา เรียกร้องให้ไทยออกมาขอโทษต่อสาธารณชน ต่อกรณีอดีตทหารพรานไทยทำร้ายทหารกัมพูชา ทำให้ พล.ท.บุญสิน มทภ.2 เรียกร้องเช่นกัน โดยให้กัมพูชาออกมาขอโทษ ทั้งกรณีหญิงกัมพูชาชี้หน้าด่าทหารไทยในเขตไทย รวมถึงกรณีทหารกัมพูชาผลักทหารไทยล้ม ส่วนผู้ก่อเหตุที่ทำร้ายทหารกัมพูชา ได้ส่งดำเนินคดีตามกฎหมายไทยไปแล้ว

ปัญหาเก่า ยังไม่คลี่คลาย ก็เกิดเหตุชุดลาดตระเวนกองร้อยทหารพรานที่ 2302 เหยียบกับระเบิด ขณะออกลาดตระเวนจากฐานปฏิบัติการมรกต ไปยังเนิน 481 บาดเจ็บ 3 นาย หนึ่งในจำนวนนี้อาการสาหัส ขาขาด 1 นาย

กระแสข่าวในไทย อ้างรายงานจากหน่วยปฏิบัติการต่อต้านทุนระเบิด(นปท.) กองบัญชาการกองทัพไทย ระบุว่า เป็นทุ่นระเบิดสังหารบุคคลอยู่กับที่ PMN2 ซึ่งถูกวางใหม่ เพราะของเก่า นปท.3 ได้กวาดล้างทำลายหมดแล้ว

อีกทั้ง ก่อนหน้านั้น 15 ก.ค.2568 ขณะที่ทหารร้อย.ร.6021 พัน.RDF จัดกำลังพลลาดตระเวน เจาะเส้นทางจากต้นพญาสัตบรรณ ไปยังฐานปฏิบัติการตัว T ได้ตรวจพบวัตถุระเบิดชนิดนี้เช่นกัน

แรงกดดันถึงถาโถมมาที่ “กองทัพ” เพราะประชาชนอารมณ์คุกรุ่น ไม่พอใจกับการทำหน้าที่ของทหารไทย ที่ไม่ดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เด็ดขาด ผสมโรงกับก่อนหน้านี้ ที่ทหารกัมพูชาปล่อยคลิป ดิสเครดิตทหารไทยออกมาเป็นระยะ

ล่าสุด กรณี“ภูมะเขือ” จ.ศรีษะเกษ มีการเผยแพร่คลิปการสร้างกระเช้า-บันได พร้อมข้อความว่า ภูมะเขือถูกทหารกัมพูชายึด จึงเป็นที่มาของ “กองทัพบก” ได้นำสื่อมวลชนลงพื้นที่พิสูจน์ข้อเท็จจริง

ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ทหารอยู่แนวหน้า กำลังตกอยู่ในสภาวะตึงเครียดจากเหตุการณ์ในพื้นที่ ประเดประดังเข้ามา หนำซ้ำยังถูกปล่อยคลิปดิสเครดิต เสมือนหนึ่งทหารไทยเพลี่ยงพล้ำอยู่ตลอดเวลา และยังต้องแบกความคาดหวังคนไทยทั้งประเทศในการปกป้องรักษาอธิปไตย

ส่วน“รัฐบาล-กระทรวงการต่างประเทศ” ก็ถูกมองว่า ใส่เกียร์ว่าง เพราะวุ่นวายอยู่กับเรื่องการเมือง การปรับย้ายข้าราชการ แย่งงบประมาณลงพื้นที่ฐานเสียง ปล่อยให้ชายแดนไทย-กัมพูชา เป็นหน้าที่ของกองทัพแก้ปัญหากันเอง

สถานการณ์ที่ไทยถูกมองว่าเพลี่ยงพล้ำยามนี้ ไม่อาจมองเป็นอื่นไปได้ เมื่อทุกอย่างต้องเดินไปตามกลไก ตามยุทธศาสตร์รัฐบาล โดยเฉพาะ สทร.ทักษิณ ที่ว่า ใครดำน้ำอึดกว่ากัน