ดันผลงาน 1 ปี ‘แพทองธาร’ กู้วิกฤติเพื่อไทย ลุ้นโอกาสไปต่อ

รัฐบาลแพทองธารกู้วิกฤตโชว์ผลงานปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อาศัยจังหวะความขัดแย้งกับกัมพูชาเพื่อสร้างผลงาน ก่อนเตรียมโชว์ผลงานครบ 1ปี
KEY
POINTS
- รัฐบาลแพทองธารเตรียมแถลงผลงานครบรอบ 1 ปี ใน ก.ย. 2568 กู้วิกฤตศรัทธาทางการเมือง ท่ามกลางคะแนนนิยมที่ลดลงและแรงกดดันจากฝ่ายตรงข้าม
- นโยบาย "รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย" เป็นผลงานที่มีความคืบหน้ามากที่สุด โดยจะเริ่มคิกออฟวันที่ 1 ต.ค. 2568 เพื่อเอาใจฐานเสียงคนเมือง
- รัฐบาลเร่งเดินหน้ากู้วิกฤตโชว์ผลงานปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อาศัยจังหวะความขัดแย้งกับกัมพูชาเพื่อสร้างผลงาน
- โครงการ "ดิจิทัลวอลเล็ต" ซึ่งเป็นนโยบายเรือธงยังคงชะลอตัว เพราะต้องทบทวนงบฯ กระตุ้นเศรษฐกิจ
รัฐบาลแพทองธาร พยายามพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส ในห้วงที่กำลังเผชิญตำบลกระสุนใส่ ทั้งปมปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา
รวมทั้งถูกฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองอย่าง “ก๊กสีน้ำเงิน” เปิดหน้าสู้อย่างหนัก เพื่อบั่นทอนคะแนนนิยมพรรคเพื่อไทย เพราะคนการเมืองในสภาฯ เวลานี้ ต่างเตรียมพร้อม รอสัญญาณการเลือกตั้งใหญ่ ซึ่งน่าจะเกิดขึ้นในเร็ววัน หรืออาจไม่เกินอีก 1 ปีนี้
ชั่วโมงนี้กระแสของ“พรรคเพื่อไทย” ที่นำโดยแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรค ยังต้องเผชิญคลื่นลมการเมือง ที่สะท้อนจากคะแนนนิยมที่ลดลงเป็นอย่างมาก หลังเข้ามาบริหารราชการแผ่นดินใกล้ครบ 1 ปีเต็ม เพราะต้องพะวงกับการต่อสู้คดีเกี่ยวกับประเด็นจริยธรรมผ่านศาลรัฐธรรมนูญ และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
ล่าสุด นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯ ยืนยันว่า รัฐบาลเตรียมแถลงผลงานในห้วงครบ 1 ปี ทั้งการปราบปรามแก๊งคอลเซนเตอร์ การปราบปรามยาเสพติด การจัดการอาชญากรรมต่างๆ ในเดือน ก.ย.2568 นี้
หากย้อนไปเมื่อครั้งที่ นายกฯ แพทองธาร ยังไม่เผชิญกระแสโจมตีทางการเมืองอย่างหนักหน่วงเช่นทุกวันนี้ นายกฯ คนที่ 31 เคยแถลงแคมเปญ “โอกาสไทย ทำได้จริง” หลังเข้ามาบริหารประเทศได้ 90 วันเมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 2567 ด้วยการยกนโยบายของ “พรรคเพื่อไทย” ที่ต้องการผลักดันให้เกิดเป็นรูปธรรมในปี 2568 มีทั้งนโยบายระยะยาว อาทิ บ้านเพื่อคนไทย ปลดล็อกตลาดผูกขาด แก้น้ำท่วมน้ำแล้ง ขจัดธุรกิจนอกระบบ แก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5
ส่วนนโยบายโอกาสประเทศไทยในปี 2568 จะมุ่งเน้นไปที่นโยบายเร่งด่วนเฉพาะหน้า ประกอบด้วย แก้หนี้คนไทยผ่าน “คุณสู้ เราช่วย” นโยบาย ODOS (หนึ่งอำเภอ หนึ่งทุนการศึกษา) โครงการเอสเอ็มแอล รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย นโยบายเรือธงเงินดิจิทัลวอลเล็ต
พลันที่มีการปรับคณะรัฐมนตรี แพทองธาร 1/2 พรรคเพื่อไทยเข้าไปบริหารกระทรวงมหาดไทย เดินหน้าโยกย้ายผู้ว่าฯ และข้าราชการระดับสูง เพื่อเดินเครื่องรุกหนักในการแก้ปัญหายาเสพติดในทุกพื้นที่ รวมทั้งวางตัวรัฐมนตรีเข้าไปอยู่ในกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อเร่งเดินหน้านโยบายโอกาสประเทศไทย
มองดูนโยบายของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ที่มีความคืบหน้าในปี 2568 และเดินหน้าในช่วงมีวิกฤติ มากที่สุดคือ “รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย” ซึ่งจะเริ่มคิกออฟโครงการในวันที่ 1 ต.ค. 2568 ครอบคลุมรถไฟฟ้าในกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล 8 สาย ทั้งสายสีเขียว สีทอง สีเหลือง สีชมพู สีน้ำเงิน สายสีม่วง สายสีแดง และ สายแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ (ARL)
โดยมาตรการดังกล่าวมีกรอบระยะเวลาการดำเนินมาตรการ 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2568 ถึง 30 ก.ย. 2569 หรือตามมติ ครม.
ปฏิเสธไม่ได้ว่า นโยบาย รถไฟฟ้า 20 บาท พรรคเพื่อไทยต้องการเอาใจฐานเสียงคนเมืองหลวง-ปริมณฑล รวมถึงเอาใจผู้โดยสารจากต่างจังหวัดที่มาหาเช้า-กินค่ำในเมืองหลวง
ขณะที่นโยบายการปราบปรามขบวนการข้ามชาติ แก๊งคอลเซนเตอร์ รัฐบาลพรรคเพื่อไทย อาศัยจังหวะที่เพื่อนบ้านอย่าง “กัมพูชา” กำลังล้ำเส้นการเมืองไทยและปลุกกระแสคลั่งชาติ
รัฐบาลวางเกมเดินหน้าปราบปรามภัยอาชญากรรมออนไลน์อย่างต่อเนื่อง โดยไม่เปลี่ยนตัวรัฐมนตรีเจ้ากระทรวง ในช่วงที่รอการแถลงผลงาน 1 ปี ทำให้เห็นการขยับของรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ทั้งกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กระทรวงการต่างประเทศ พยายามเร่งโชว์ผลงานในภาวะวิกฤติ เดินหน้าจัดการภัยอาชญากรรมข้ามชาติ
เมื่อเข้าไปดูผลการดำเนินการของศูนย์ปฏฺิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ หรือ AOC 1441 ซึ่งก่อตั้งโดย ดีอีเอส ร่วมกับกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.)ได้รายงานภาพรวมการหลอกลวงทางออนไลน์ มี 229,923 รายการ ระหว่างวันที่ 1 มี.ค. 2565-31 มี.ค. 2566 มีมูลค่าความเสียหายรวม 34,501 ล้านบาท
ศูนย์ AOC 1441 เปิดตัวเมื่อวันที่ 1 พ.ย. 2566 ในระหว่างวันที่ 1 มี.ค. 2567 - 31 มี.ค. 2568 มีการจัดการคดีมากกว่า 1.18 ล้านคดี ระงับบัญชีม้า 521,915 บัญชี พร้อมทั้งโชว์ผลงานว่าป้องกันการสููญเสียได้ 19,964 ล้านบาท
ระหว่าง 1 พ.ย. 2566 ถึง 31 พ.ค. 2568 มีบัญชีที่เกี่ยวข้องกับการหลอกลวงถูกระบับการใช้งาน 686,515 บัญชี และตรวจสอบความเสียหายมูลค่า 29,750 ล้านบาท
การดำเนินงานตามนโยบายของนายกฯ เกี่ยวกับการแก้ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ เมื่อรวมผลการจับกุมคดีอาญชากรรมทางเทคโนโลยี รวมทุกประเภท ระหว่างเดือน ต.ค. 2566- เม.ย. 2568 มีจำนวน 59,279 ราย ส่วนสถิติผลการจับกุมบัญชีม้า ซิมม้า มีจำนวน 6,386 ราย ขณะที่สถิติการจับกุมคดีพนันออนไลน์ ต.ค. 2566 - เม.ย. 2568 มีจำนวน 25,519 ราย
ท่าทีนานาชาติ โดยเฉพาะวงรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนที่เพิ่งประชุมที่ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 8-11 ก.ค. 2568 ถึงการจัดการปัญหาอาญชากรรมข้ามชาติและดิจิทัล ยังคงเห็นว่า ชาติอาเซียนต้องรับมือกับภัยคุกคาม ทั้งการค้ามนุษย์ การค้ายาเสพติด อาชญากรรมไซเบอร์โดยเฉพาะการหลอกลวงออนไลน์ เพราะมีตัวเลขการหลอกลวงออนไลน์ที่สร้างความเสียหายทางการเงินในภูมิภาค อาเซียน สูงถึง 37,000 ดอลลาร์สหรัฐ
ขณะที่ รัฐบาลไทยเห็นว่าความรุนแรงของการหลอกลวงออนไลน์ (Online scam) ยังเป็นปัญหาข้ามพรมแดนที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนและเกิดความสููญเสียทางเศรษฐกิจ ทำให้รัฐบาลจะใช้โอกาสพลิกเกมที่ทำท่าจะเปิดฉากรบกับ “กัมพูชา” ลุยเดินหน้าปราบปรามภัยอาญชากรรมข้ามชาติ
สอดรับกับท่าทีของ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ ได้ส่งสัญญาณถึงภาครัฐผ่านเวที“55 ปีเนชั่น ผ่าทางตันการเมืองไทย” ว่า รู้ตัวการใหญ่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นคนจีน ตั้งฐานปฏิบัติการในไทยแล้ว
ขณะที่นโยบายแก้หนี้คนไทย พรรคเพื่อไทยเดินหน้าผลักดันผ่าน “คุณสู้ เราช่วย”โดยดึงเอาเงินที่ธนาคารพาณิชย์ต้องส่งเข้ากองทุน FIDF โดยธนาคารแห่งประเทศไทยและสมาคมธนาคารตกลงที่จะลดการส่งเงินเข้ากองทุนฟื้นฟูลง 0.23% ซึ่งเป็นเงินกว่า 39,000 ล้านต่อปี และธนาคารพาณิชย์จะเติมให้อีก 39,000 รวมกันเป็น 78,000 ล้านบาทต่อปี เพื่อพักดอกเบี้ย 3 ปี ให้ลูกหนี้จ่ายคืนเงินต้นได้เต็มจำนวน
“คุณสู้ เราช่วย” ดำเนินการในปี 2568 กระทั่ง ครม.ได้มีมติขยายงเวลาลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการได้จนถึงวันที่ 30 ก.ย. 2568 (ระยะที่ 2) เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้กลุ่มเปราะบางจำนวนมากที่มีปัญหาในการชำระหนี้
ส่วนนโยบายเรือธงชิ้นโบว์แดงที่ “รัฐบาลเพื่อไทย” หวังจะปลุกชีพจรทางเศรษฐกิจให้กลับมากระเตื้องขึ้นในช่วงครึ่งเทอมหลัง ก่อนเข้าสู่โหมดการเลือกตั้งใหญ่ อย่าง “ดิจิทัลวอลเล็ต” เฟส 3 ก็ยังไม่สามารถเดินหน้าได้ เพราะต้องชะลอและทบทวนงบฯกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.57 แสนล้านบาทไว้ก่อน ผลการชะลอทำให้ส่งผลถึงการแจกเงินหมื่นให้กับคนทั่วไปด้วย
ขณะที่นโยบายแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 คืนอากาศบริสุทธิ์ให้คนไทย นายกฯ เคยแถลงสภาฯ ในศึกซักฟอก เมื่อเดือน มี.ค.2568 ว่า ปัญหาฝุ่นพิษ เป็นวาระแห่งชาติ โดยกระทรวงมหาดไทยได้สั่งการ 76 จังหวัด ยกระดับบังคับใช้กฎหมายโดยประกาศห้ามเผาและขอความร่วมมือจากประชาชน ส่งผลให้การเผาพื้นที่เกษตรลดลงและดำเนินคดีกับผู้จงใจฝ่าฝืนกว่า 133 คดี ภายในระยะเวลาเพียง 3 เดือนแรกของปี 2568
ก่อนจะถึงวันแถลงผลงานครบ 1 ปีของรัฐบาลแพทองธาร ทั้งหมดนี้คือ “โอกาส” ของพรรคเพื่อไทยที่จำเป็นต้องนำจุดแข็ง คือนโยบายเรือธงที่ยังไปต่อได้ เดินหน้าเร่งด่วนภายในปี 2568 นี้ เพื่อหยุดกระแสรัฐบาลขาลง พลิกวิกฤติที่รุมเร้ารัฐบาลทั้งการเมืองในประเทศ และปัจจัยแทรกซ้อนจากการเมืองเพื่อนบ้านอย่าง “กัมพูชา”
ไม่เช่นนั้นอาจสายเกินแก้ หากต้องเดินหน้าเข้าสู่โหมดเลือกตั้งใหญ่ จนกระทบต่อการหวนคืนสู่อำนาจอีกครั้งได้







