'โรม' ซัด 'เพื่อไทย' ไร้กระดูกสันหลัง ปมค้านนิรโทษกรรม ม.112

'โรม' ซัด 'เพื่อไทย' ไร้กระดูกสันหลัง ปมค้านนิรโทษกรรม ม.112

'โรม' ซัด 'เพื่อไทย' ไร้กระดูกสันหลัง อย่าเรียกตัวเองนักสู้ประชาธิปไตย ปล่อยคนเห็นต่างติดคุกต่อ ขอบคุณ 6 สส.แดง หนุนร่างนิรโทษกรรม 'ก้าวไกล-ปชช.'

KEY

POINTS

  • รังสิมันต์ โรม วิพากษ์วิจารณ์พรรคเพื่อไทยอย่างหนัก กรณีลงมติคัดค้านร่างกฎหมายนิรโทษกรรมที่ครอบคลุมถึงคดีมาตรา 112 โดยชี้ว่าเป็นการกระทำที่เลือกปฏิบัติและใจแคบ
  • กล่าวหาว่าพรรคเพื่อไทย ซึ่งเคยประกาศตนเป็นพรรคฝ่ายประชาธิปไตย ได้หันหลังให้กับประชาชนและผู้ที่ถูกดำเนินคดีทางการเมือง
  • โจมตีว่าพรรคเพื่อไทยเป็น "พรรคการเมืองที่ปราศจากกระดูกสันหลัง" เนื่องจากขาดความกล้าหาญในการนำพาสังคมออกจากวิกฤตความขัดแย้ง
  • ระบุว่าพรรคเพื่อไทยไม่ควรเรียกตนเองว่าเป็นพรรคของฝ่ายประชาธิปไตยอีกต่อไป เพราะมีส่วนในการปล่อยให้ผู้เห็นต่างทางการเมืองต้องถูกจองจำ

เมื่อวันที่ 17 ก.ค. 2568 นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) กล่าวถึงมติของที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 16 ก.ค.ที่ผ่านมา ตีตก ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ของ พรรคก้าวไกล และของภาคประชาชน ซึ่งเปิดช่องล้างผิดบุคคลที่ถูกดำเนินคดีตาม มาตรา 112 ว่า รู้สึกผิดหวังที่สุดท้ายแล้ว การนิรโทษกรรมดูเป็นการเลือกปฏิบัติ หากเราพิจารณาดีๆ หากร่างของภาคประชาชนมีความชัดเจนว่าหมายรวมใครบ้าง ส่วนของพรรคประชาชน เราเปิดประตูให้กว้างที่สุด การพิจารณาว่ากรณีไหนจะได้หรือไม่ได้ ต้องไปดูในรายละเอียดของคดี หรือการออกแนวทางกำหนดเงื่อนไขบางประการ ที่อาจทำให้สามารถยอมรับกันได้มากขึ้น กล่าวคือ อยู่ที่ปัจจัยทางการเมืองเมื่อในวันนั้นว่า สังคมรู้สึกอย่างไร แต่อย่างน้อยเราจะไม่กีดกันใคร

“เรารู้ว่าแต่ละคดียากง่ายไม่เหมือนกัน อาจต้องมีการพูดคุยสร้างความเข้าใจ แต่ด้วยความใจแคบของรัฐบาล และคิดแต่เพียงพวกพ้อง ไม่ได้สนใจการคลี่คลายปัญหา สุดท้ายจึงทำให้การนิรโทษกรรมทำได้อย่างจำกัด” นายรังสิมันต์ กล่าว

สำหรับจุดยืนของพรรคประชาชนในชั้นกรรมาธิการ (กมธ.) นั้น นายรังสิมันต์ ในฐานะ กมธ.สัดส่วนพรรค ปชน. ระบุว่า เราก็ต้องทำให้ดีที่สุด อย่างน้อยร่างหลักของพรรครวมไทยสร้างชาติก็ไม่ได้เขียนไว้ในหลักการว่า ไม่ให้รวมถึง การนิรโทษกรรมคดีมาตรา 112 ก็คงต้องไปพูดคุยกัน ถ้าพรรครัฐบาลยังแข็งเหมือนเดิมในชั้นกรรมาธิการ ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนักในการผลักดัน แต่เราก็ต้องทำให้เต็มที่

“อย่างน้อยการพิจารณาเรื่องนี้ต้องโปร่งใสประชาชนทุกคนรวมถึงครอบครัวของผู้เห็นต่างทางการเมืองที่ยังอยู่ในเรือนจำ และตัวแทนต่างๆ ที่นั่งอยู่ในกรรมาธิการ ทั้งสส. และไม่ใช่ สส. ก็ตาม คิดอะไร พูดอะไร เพราะกฎหมายฉบับนี้มีส่วนได้เสียต่อโชคชะตาและชีวิตของคนหลายคน ซึ่งเขามีความปรารถนาดีต่อประเทศชาติ ดังนั้นหากไม่ได้มีทิศทางที่ดีต่อครอบครัวหรือประชาชน เขาก็ควรมีสิทธิ์รู้และตัดสินใจ” นายรังสิมันต์ กล่าว

ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทยลงมติเห็นชอบให้ร่าง พ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุข ที่เสนอโดยพรรคภูมิใจไทยนั้น นายรังสิมันต์ กล่าวว่า คงไม่ใช่แค่โหวตเห็นชอบให้ร่างของพรรคใดพรรคหนึ่ง เพราะหากพิจารณาแล้ว ร่างของพรรครวมไทยสร้างชาติและภูมิใจไทยก็มีเนื้อหาใกล้เคียงกันมาก จึงไม่ได้น่าแปลกใจอะไร

นายรังสิมันต์ กล่าวด้วยว่า แต่ที่แปลกใจกับพรรคเพื่อไทยคือ ที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคการเมืองที่พยายามพูดมาตลอดว่า เป็นตัวแทนของเสียงประชาธิปไตย ตัวแทนของคนที่เคยต่อสู้เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมและความยุติธรรม แล้วพรรคเพื่อไทยควรทราบดีว่า ผู้เห็นต่างทางการเมืองที่ถูกกลั่นแกล้งทางกฎหมายขนาดไหน แม้แต่มาตรา 112 เองก็มีการดำเนินคดีกับคนจำนวนมากที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทย แต่เหตุใดพรรคเพื่อไทยกลับเลือกหันหลังให้ทั้งร่างของภาคประชาชน และร่างที่พยายามจะรวมทุกความแตกต่างให้มากที่สุดอย่างของพรรคประชาชน

“ผมคิดว่าพรรคเพื่อไทยไม่ควรจะเรียกตัวเองว่าเป็นพรรคของฝ่ายประชาธิปไตยอีกแล้ว พรรคเพื่อไทยไม่ควรเรียกตัวเองว่าเป็นพรรคตัวแทนของการต่อสู้ของผู้เห็นต่างทางการเมืองอีกแล้ว เพราะคุณคือส่วนหนึ่งของการปล่อยให้คนที่เห็นต่างทางการเมืองติดคุกต่อไป โดยที่คุณไม่มีแม้แต่เสี้ยวหนึ่งของหัวใจในการรับผิดชอบ หรือใช้อำนาจแก้ปัญหาเรื่องนี้ คุณคือพรรคการเมืองที่ปราศจากซึ่งกระดูกสันหลังแห่งความกล้าหาญในการพาสังคมไทยฝ่าออกจากวิกฤต” นายรังสิมันต์ กล่าว

นายรังสิมันต์ กล่าวทิ้งท้ายว่า เมื่อพูดถึงพรรคเพื่อไทย ต้องขอแยกออกจาก สส. พรรคเพื่อไทย ทั้ง 6 ท่าน ที่ลงมติเห็นชอบให้ร่างของภาคประชาชน และของพรรคก้าวไกล ส่วนตัวก็ขอขอบคุณทั้ง 6 ท่านที่ได้ลงมติสนับสนุน อย่างน้อยที่สุดก็มีบางท่าน ที่เราพอจะยกมือไหว้ได้อย่างรู้สึกดี แต่ต้องยอมรับว่า ความคาดหวังของตนเองไม่ใช่แค่ 6 คน แต่ความคาดหวังคือพรรคการเมือง อย่างเช่นเวลาประชาชนคาดหวังต่อพรรคของเรา คงไม่ได้คาดหวังเพียงนายรังสิมันต์ ก็คงคล้ายกัน ขอขอบคุณทั้ง 6 คนแ ต่ก็ยังเสียดายที่พรรคเพื่อไทยมีพฤติกรรมแบบนี้ ซึ่งชัดเจนว่าพรรคเพื่อไทยก็มีอุดมการณ์ ความคิด ความเชื่อ ไม่ต่างจากพรรคการเมืองอื่นอีกแล้ว