‘เสธ.เม่น’ ล่ามภาษา‘บิ๊กตู่’ ‘โฆษกกลาโหม’ รุ่นไฮบริด

พล.ร.ต.สุรสันต์ ไม่ใช่แค่ล่ามทหาร หรือพิธีกรงานอินเตอร์ แต่เป็นนักการทูตทางทหารผู้มีศิลปะในการสื่อสาร ตอบโจทย์ความต้องการกระทรวงกลาโหม
KEY
POINTS
- ปัจจุบันมีปัญหาความมั่นคงรอบประเทศ และมิติอื่นๆ การชี้แจงนอกจากทำความเข้าใจให้กันคนในประเทศแล้ว ในระดับต่างประเทศ มีความสำคัญเช่นกัน
- พล.ร.ต.สุรสันต์ ปัจจุบันอายุ 56 ปี ภาษาอังกฤษสำเนียงบริติช ได้มาจากการศึกษาที่สหราชอาณาจักร ตั้งแต่มัธยมจนจบปริญญาโท
เหตุผลหนึ่งของ “บิ๊กเล็ก” พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย -กัมพูชา (ศบ.ทก.) เลือก “เสธ.เม่น” พลเรือตรี สุรสันต์ คงสิริ เป็น โฆษก ศบ.ทก. เพราะนอกจากรอบรู้ความมั่นคงแล้ว ยังสามารถใช้ภาษาไทย และอังกฤษได้อย่างแตกฉาน
เกือบ 1 เดือนเต็ม ที่ทำงานร่วมกันมาใน ศบ.ทก. ภายหลังมีการปรับเปลี่ยนภายในกระทรวงกลาโหม พล.อ.ณัฐพล นั่งรักษาการ รมว.กลาโหม จนนำไปสู่การทาบทามพล.ร.ต.สุรสันต์ เป็นโฆษกกระทรวงกลาโหม อีกตำแหน่ง
โดยพล.อ.ณัฐพล ให้เหตุผลที่เลือกพล.ร.ต.สุรสันต์ "เพราะเขาเป็นไฮบริด หมายความว่า สามารถเป็นโฆษกชี้แจงได้สองภาษาในคนเดียวกัน ไม่เช่นนั้นต้องแต่งตั้งโฆษก 2 คน คนหนึ่งชี้แจงภาษาไทย คนหนึ่งชี้แจงภาษาอังกฤษ
เพราะสถานการณ์ปัจจุบันมีปัญหาความมั่นคงรอบประเทศ และความมั่นคงในมิติอื่นๆ การชี้แจงประเด็นต่างๆ นอกจากทำความเข้าใจให้กันคนในประเทศแล้ว ในระดับต่างประเทศ ก็มีความสำคัญเช่นกัน
เช่นเดียวกับกรณีแขกบ้านแขกเมืองมาเยี่ยมเยือนกระทรวงกลาโหม พล.ร.ต.สุรสันต์ ทำหน้าที่ได้ทั้งนำข้อมูลหารือที่เป็นประโยชน์กองทัพและประเทศเผยแพร่ประชาชนได้รับทราบ และเป็นล่ามภาษาในเวลาเดียวกัน
โดยพล.อ.ณัฐพล ให้นโยบายกับพล.ร.ต.สุรสันต์ และทีมโฆษกกลาโหมชุดใหม่ว่า “เมื่อมีสถานการณ์เกิดขึ้น ให้ประสานงานกับเหล่าทัพ ชี้แจงให้ทันต่อสถานการณ์ ต้องเคลียร์ทุกประเด็น ไม่เน้นปริมาณ แต่เน้นคุณภาพ ประเด็นไหนที่เหล่าทัพชี้แจงแล้ว กระทรวงกลาโหมไม่ต้องชี้แจงซ้ำ แต่ดูในภาพรวมเป็นกรณีไป”
สำหรับโปรไฟล์ พล.ร.ต.สุรสันต์ ปัจจุบันอายุ 56 ปี ภาษาอังกฤษสำเนียงบริติช ได้มาจากการศึกษาที่สหราชอาณาจักร ตั้งแต่มัธยมจนจบปริญญาโท ด้านวิศวกรรมศาสตร์เคมี จาก Imperial College of Science, Technology and Medicine
มหาวิทยาลัยใจกลางกรุงลอนดอน ร่วม 10 ปี
ประสบการณ์จากการศึกษาในต่างประเทศ ทำให้เห็นถึงความหลากหลาย ความแตกต่างด้านวัฒนธรรมไทยกับฝั่งซีกโลกตะวันออกและวัฒนธรรมตะวันตก ฝั่งยุโรป ทำให้เกิดความเข้าใจในเรื่องความแตกต่าง และสามารถเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างวัฒนธรรมให้เกิดความเข้าใจได้ง่ายขึ้น
ส่วนด้านการทหาร พล.ร.ต.สุรสันต์ มีโอกาสศึกษาตามแนวทางการเข้ารับราชการของกองทัพ โดยเริ่มจาก ชั้นนายเรือนาวิกโยธิน รุ่นที่ 30 ชั้นนาวา รุ่นที่ 19 นาวิกโยธิน และได้เข้าเรียนโรงเรียนเสนาธิการทหารบก หลักสูตรประจำ ชุดที่ 83 ปี 2548
เริ่มต้นเข้ารับราชการ ที่กรมข่าวทหารสำนักวิเทศสัมพันธ์ กองบัญชาการกองทัพไทย รับผิดชอบงานด้านพิธีการ การประสาน ความสัมพันธ์ระหว่างทูตทหาร ทั้งในและต่างประเทศ ทำให้เข้าใจถึงบทบาทหน้าที่ของกองทัพ ในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
จากนั้นได้ปรับย้ายมาที่สำนักงานนโยบายและแผน กรมยุทธการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย รับผิดชอบเรื่องของกิจกรรมความร่วมมือระหว่างประเทศ โดยสังกัดกองความร่วมมือระหว่างประเทศ สำนักนโยบายและแผน ทำให้เห็นถึงความหลากหลาย และได้เห็นถึงกิจกรรมที่กองทัพมีอยู่มากมายกับประเทศต่างๆ ทั่วโลก
ปัจจุบันพล.ร.ต.สุรสันต์ เป็นผู้ทรงคุณวุฒิ กองบัญชาการกองทัพไทย และรองโฆษกกองทัพไทย โดยพล.อ.ณัฐพล ดึงมาช่วยงานใน ศบ.ทก. และนั่งเป็นโฆษกกระทรวงกลาโหมในที่สุด
ด้วยทักษะภาษาอังกฤษ และมีศิลปะในการสื่อสาร สไตล์ British English ถือเป็นรูปแบบหนึ่งของภาษาอังกฤษที่ใช้ในสหราชอาณาจักร และมีความแตกต่างจากภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน ในหลายด้าน เช่น คำศัพท์ การสะกด การออกเสียง และไวยากรณ์
ทำให้ได้รับความไว้วางใจ มอบหมายปฏิบัติภารกิจสำคัญเพิ่มเติมจากหน่วยงาน เช่น เป็นพิธีกร การรับรองแขกต่างประเทศ รวมถึงการเป็นล่ามประจำตัวผู้บังคับบัญชา เช่น พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี รวมถึงเป็นล่ามการประชุมในเวทีนานาชาติต่างๆ
ด้วยคุณสมบัติของ พล.ร.ต.สุรสันต์ ที่ไม่ใช่แค่ล่ามทหาร หรือพิธีกรงานอินเตอร์ แต่เป็นนักการทูตทางทหารผู้มีศิลปะในการสื่อสาร การแปลภาษา สู่โฆษกงานระดับอินเตอร์ จึงตอบโจทย์ความต้องการกระทรวงกลาโหม
ปัจจุบัน สำนักงานโฆษกกระทรวงกลาโหม เดินหน้าปรับวิธีคิดและวิธีทำงาน สู่การสื่อสารแบบรัฐยุคใหม่ ด้วยเครื่องมือและช่องทางที่เข้าถึงง่าย และตอบสนองในยุคดิจิทัล ด้วยการรับฟังเสียงของประชาชนอย่างจริงใจ และสื่อสารด้วยข้อมูลที่ถูกต้อง ทันเหตุการณ์ สร้างความรู้สึกปลอดภัยให้ทุกคนเข้าถึง และมีส่วนร่วม
เพราะในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การสื่อสารด้านความมั่นคง ไม่ใช่แค่ข่าวสาร แต่คือ สะพานที่เชื่อมระหว่างรัฐกับประชาชน







