'ปริญญา' ชี้ 'อิ๊งค์' ถูกจำกัดอำนาจ คือ ชนวนพาการเมืองสู่ทางตัน

"นักวิชาการนิติฯ มธ." ชี้ มีความพยายามพาการเมืองสู่ทางตัน ผ่านการจำกัดอำนาจ "แพทองธาร" ไม่ให้ยุบสภา วิเคราะห์ "นายกฯ" ลาออก" อาจเป็นไพ่ที่อยู่ในมือ
KEY
POINTS
- อ.ปริญญาชี้ว่าหากนายกรัฐมนตรีถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ จะไม่สามารถใช้อำนาจยุบสภาได้ ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่อาจนำการเมืองไปสู่ทางตัน
- การตัดสินใจชิงยุบสภาหรือลาออกก่อนมีคำตัดสินของศาล อาจเป็นทางเลือกเพื่อสร้างความได้เปรียบทางการเมืองและหลีกเลี่ยงภาวะสุญญากาศ
- อย่างไรก็ดี ยังมีหลายปัจจัยสำคัญที่อาจทำให้เกิดทางตันคือการที่ผู้รักษาราชการแทนนายกฯ ไม่มีอำนาจในการยุบสภา หรือคดีตรวจสอบการโยกงบประมาณแผ่นดิน
- สถานการณ์ยังมีความซับซ้อนจากคดีความอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลและนายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งมีผลต่อการตัดสินใจและจังหวะทางการเมือง
นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล นักวิชาการนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการคมชัดลึก ในหัวข้อ ผ่าทางตัน ตอนหนึ่งว่า ตนไม่เชื่อว่าการเมืองจะถึงทางตัน เพราะหากเปรียบเทียบกับเหตุการณ์ทางการเมืองในปี 2549 หรือ ปี2557 สถานการณ์ยังไม่ถึงจุดที่ไปถึงทางตัน และตนเชื่อว่าประชาธิปไตยไม่ถึงทางตัน เช่นเดียวกับรัฐธรรมนูญ แต่มีคนหวังเพื่อไปสู่อำนาจทางการเมืองบางอย่าง ทั้งนี้ตนมองว่าหากปล่อยให้สถานการณ์ไหลไปสู่จุดใดจุดหนึ่งเหมือนปี ปี2549 และปี 2557 อาจเป็นทางตันทางการเมือง ที่มีจุดจบคือรัฐประหาร
“แต่ผมมองว่ายังมีแนวทางในระบบรัฐสภา คือ ปรับครม. เปลี่ยนนายกฯ หรือ นายกฯ ลาออก หรือ ยุบสภา เพื่อเลือกตั้งก่อนครบวาระได้ แต่ปัจจุบันมีเหตุที่พรรคเพื่อไทยไม่เลือกทางยุบสภา เหมือนสมัยพรรคไทยรักไทย ที่นายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกฯ และสมัยของพรรคเพื่อไทยที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นแกนนำ เพราะกลัวว่าเลือกตั้งใหม่แล้วไม่สำเร็จ เพราะมีปัจจัยเปรียบเทียบ ส่วนประเด็นที่น่าเป็นห่วงคือ สถานการณ์ทางการเมือง ที่มีการพูดถึงมาตรา 5” นายปริญญา กล่าว
นายปริญญา กล่าวต่อว่า เหตุผลที่น.ส.แพทองธารไม่เลือกทางยุบสภา เพราะอาจต้องต้องหาคะแนนเสียงกับประชาชน รวมถึงการผ่านร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 หรือต้องการทำบัญชีโยกย้ายข้าราชการท้องถิ่นให้แล้วเสร็จ ซึ่งหมายถึงเลยเดือน ก.ย.ไปแล้ว
“นอกจากนั้นยังมีปัจจัยที่ต้องพิจารณาคือ ศาลรัฐธรรมนูญต่อการตัดสินถอดถอนนักการเมือง ที่ล่าสุดมีประเด็นคลิปเสียง ซึ่งหลายฝ่ายมองว่ารอดยาก และอาจเป็นนายกฯ คนที่ 5 ที่ถูกถอดถอนโดยศาลรัฐธรรมนูญ และต่อไปมีการพูดถึงการสนับสนุนให้นายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกฯ ทำหน้าที่แต่มีปัญหาว่าจะไดัรับการสนับสนุนหรือไม่ หรือหาก น.ส.แพทองธาร ไม่รอดแน่ นายทักษิณ ชินวัตร อาจกระซิบบอกให้ยุบสภา เพื่อสร้างความได้เปรียบทางการเมือง หรือ ชิงลาออกก่อน เพื่อให้ประเด็นที่เป็นต้นเรื่องหมดไป เหมือนกับกรณีของนายพิชิต ชื่นบานที่ลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯก่อนศาลตัดสิน” นายปริญญา กล่าว
นายปริญญา กล่าวต่อว่า ตนมองว่าการเลือกลาออก อาจเป็นไพ่ที่อยู่ในมือ และอาจเกิดในช่วงเดือน ก.ย. ซึ่งกรณีของคลิปเสียง ที่น.ส.แพทองธาร ขยายส่งคำชี้แจงไป 15 วัน ดังนั้นเรื่องนี้อาจพิจารณาไปถึงปลายส.ค. หรือ ต้น ก.ย. นอกจากนั้นยังมีคดีของนายทักษิณ มีคดีชั้น 14 และ คดีมาตรา 112 ที่จะพิจารณาด้วย ดังนั้นอาจต้องชิงลงมือ ในจังหวะที่ดีกว่า นอกจากนั้นแล้วในประเด็นการยุบสภา อาจเป็นตัวเลือกเพื่อชิงตัดเกมหลังจากที่ พรรคประชาชนประกาศสนับสนุนโหวตให้ได้นายกฯ แต่ไม่ร่วมรัฐบาลและรับตำแหน่ง
“การเมืองไม่มีทางตัน หากนายกฯ พ้นตำแหน่งหรือลาออก สามารถเลือกนายกฯ ได้ตามกลไก แต่หากจะตัน คือ รักษาราชการแทนนายกฯ สามารถยุบสภาได้หรือไม่ หากตามกฤษฎีกาที่ให้ความเห็นคือ ทำไม่ได้ และผมเห็นด้วยว่ารักษานายกฯ ทำไม่ได้ เพราะอำนาจยุบสภาฯ เป็นของนายกฯ ซึ่งเป็นบุคคลที่ประชาชนเลือกผ่านสส. แต่กรณีดังกล่าวเป็นกรณีปกติ ไม่เหมือนกับกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งว่านายกฯหยุดปฏิบัติหน้าที่ อาจจะเกิดทางตันได้ เพราะคือการสั่งห้ามไม่ให้นายกฯใช้อำนาจยุบสภา
นายปริญญา กล่าวต่อว่า สถานการณ์ที่ไม่มีนายกฯ จะเกิดขึ้นได้ เพราะมีประเด็นการร้องว่าทำผิดรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 ต่อการยุ่งเกี่ยวกับงบประมาณ ที่นำเงินของสถาบันการเงินมาใช้เพื่อโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ เงินดิจิทัล 10,000 บาท ซึ่งมีบทบัญญัติว่าหากครม. รู้การกระทำต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ทั้งนี้การโยกเงินงบประมาณนั้นตนมองว่าเป็นเรื่องที่ป.ป.ช.ต้องพิจารณา ทั้งนี้ตนมองว่ามาตรา 144 ไม่ทำให้ครม.พ้นไปทั้งคณะแต่หากจะผิดคือจงใจฝ่าฝืนบทบัญญัติ
นายปริญญา กล่าวด้วยว่าสำหรับการเมืองที่มีความพยายามนำไปสู่ทางตันนั้นต้องพยายามช่วยกันเพื่อไม่ให้ไปถึงจุดนั้น







