'ผู้ค้ารัฐสภา' ร้อง 'สว.' ขอความเป็นธรรม หลังถูกเลิกสัญญาฟ้าผ่า

'ผู้ค้ารัฐสภา' ร้อง 'สว.' ขอความเป็นธรรม หลังถูกเลิกสัญญาฟ้าผ่า

"ผู้ค้ารัฐสภา" ร้องไม่ได้รับความเป็นธรรม ถูกบอกเลิกสัญญาขายแบบฟ้าผ่า "นันทนา" ตั้งคำถาม กก.สวัสดิการ ทำโปร่งใสหรือไม่ หลังอยู่ในสภาฯ​ไม่เคยรู้เรื่อง

ที่รัฐสภา น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สว. รับยื่นหนังสือร้องเรียนของกลุ่มผู้ประกอบการร้านค้ารัฐสภา หลังจากที่ได้รับความไม่เป็นธรรม กรณีที่แจ้งจากคณะกรรมการสวัสดิการ สำนักงานเลขาธิการสภาฯ ให้ย้ายออกจากพื้นที่ โรงอาหารชั่วคราว ชั้น1 ภายใน 15 ส.ค. นี้ และถือว่าเป็นการสิ้นสุดสัญญา

โดยน.ส.นันทนา กล่าวว่ากรณีการเปิดประมูลหรือทำคาเฟ่ทีเรีย หรือ โรงอาหารแห่งใหม่ ตนฐานะสว. และอยู่ในสภาฯ ไม่เคยรับทราบรายละเอียดมาก่อน ดังนั้นตนขอตั้งคำถามไปยังคณะกรรมการสวัสดิการสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรต่อการทำแผนการจัดทำโรงอาหารใหม่ มีกระบวนการและคัดเลือกร้านอาหาร มีการเปิดประมูลอย่างโปร่งใสหรือไม่ มีการเปิดให้ทุกฝ่ายเข้าไปมีส่วนร่วมหรือไม่ และทำไมถึงไม่เปิดให้ผู้ค้าเก่าเข้าไปเสนอตัวร่วมจัดการในการเป็นผู้ขายอาหารต่อไป หากว่าการดำเนินการไม่โปร่งใสจะร้องเรียนไปยังนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เพื่อขอความเป็นธรรม

“กรณีที่บอกเลิกสัญญากับผู้ประกอบการที่ทำมานาน บางคนอยู่มาตั้งแต่ปี 2541และให้ย้ายออก ภายใน 37 วัน นั้น เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง และเรื่องการประมูลหาผู้ประกอบการรายใหม่มาทำ ไม่เคยทราบมาก่อน แสดงว่าเป็นกระบวนการทำแบบลับ และเชื่อว่าจะเอื้อต่อผู้ประกอบการรายใหญ่ หากเป็นจริง ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ ผู้ติดต่อราชการ รวมถึงผู้ช่วย สส. และผู้ช่วย สว. จะได้รับผลกระทบจากราคาอาหารที่สูงขึ้น ทั้งนี้เรื่องดังกล่าวหากไม่เป็นธรรม ควรชะลอออกไปก่อน ” น.ส.นันทนา กล่าว

'ผู้ค้ารัฐสภา' ร้อง 'สว.' ขอความเป็นธรรม หลังถูกเลิกสัญญาฟ้าผ่า

โดยนายสุชาติ บุญมามอญ ผู้ประกอบการขายน้ำชง ภายในโรงอาคารชั่วคราว ชั้น 1 อาคารรัฐสภากล่าวว่า ที่ผ่านมาผู้ค้าไม่เคยได้ประชุมกับคณะกรรมการสวัสดิการ และไม่เคยมีการรับทราบปัญญหา แต่ล่าสุดนั้นพบประกาศให้ออกจากพื้นที่ภายใน 15 ส.ค. นี้ ซึ่งผู้ประกอบการได้รับผลกระทบแบบไม่ทันตั้งตัว จึงขอคความเป็นธรรมจากฝ่ายที่เกี่ยวข้องให้พิจาณาหายกเลิกขอให้หาพื้นที่รองรับให้ขายของได้ต่อ หรือ หากจะเปิดการประมูลตนพร้อมที่จะเข้าร่วมการประมูล ทั้งนี้การรยกเลิกสัญญาดังกล่าว เราไม่ได้ขัดขืน แต่พวกเราได้รับความเดือดร้อน

นายสุชาติ กล่าวต่อว่าตนขายในพื้นที่มา 5 ปีและได้ทำสัญญาเช่าแบบปีต่อปี ทั้งนี้ยอมรับว่าในสัญญาเช่านั้นไม่ได้ระบุหลักประกันหรือความคุ้มครองผู้ประกอบการกรณีที่บอกเลิกการเช่าพื้นที่โดยไม่แจ้งล่วงหน้า

ขณะที่ผู้ค้าร้านผักสดในอาคารัฐสภา กล่าวว่า ผู้ประกอบการส่วนหนึ่งเป็นข้าราชการชั้นผู้น้อย ถ้าไม่มีร้านค้าอาจจะไม่มีเงินส่งลูกไปเรียน บางร้านค้าจะไปต่ออย่างไร เพราะเรื่องนี้ที่เกิดขึ้นเรียกได้ว่ฟ้าผ่าก็ว่าได้