ทลายโควตาสส. ‘เด็กนาย’แทรกโผ ‘รมต.หน้าใหม่’ ปมเสี่ยง พท.

ทลายโควตาสส. ‘เด็กนาย’แทรกโผ  ‘รมต.หน้าใหม่’ ปมเสี่ยง พท.

ยิ่งสถานการณ์การเมืองต่อจากนี้ เริ่มมีปฏิบัติการตีท้ายครัว เพราะเห็นช่องที่เปิดอยู่ อาจทำให้ “ตระกูลชินวัตร - พรรคเพื่อไทย” สูญเสียฐาน สส.

KEY

POINTS

  • การจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีในพรรคเพื่อไทยสร้างความขัดแย้ง เนื่องจากไม่ยึดตามโควตา สส. แต่ให้ความสำคัญกับ "เด็กนาย" ที่มีความใกล้ชิดผู้มีอำนาจ
  • "นายใหญ่" มีเป้าหมายเพื่อลดอำนาจต่อรองของกลุ่ม สส. และป้องกันประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเหมือนกรณี "กลุ่มเพื่อนเนวิน" ที่เคยหักหลังพรรค
  • เกิดกระแสต่อต้านจากกลุ่ม สส.อีสาน ซึ่งเป็นฐานเสียงหลักของพรรค ที่รู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมและอาจนำไปสู่การย้ายพรรคในอนาคต
  • การแต่งตั้ง "รัฐมนตรีหน้าใหม่" บางรายถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักถึงความไม่เหมาะสม และถูกมองว่าเป็นการแซงคิว สส. ที่ทำงานมานาน

แรงกระเพื่อมใน “พรรคเพื่อไทย” ภายหลังเสร็จสิ้นการปรับครม. “แพทองธาร 1/2” เริ่มมีแอ็คชันของ “สส.อีสาน” ออกมาให้เห็นประปราย กลายเป็นเรื่องร้าวลึก เนื่องจากปัญหาการจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีที่ไม่อ้างอิงกับโควตาฐานเสียงของ “สส.” เวลานี้ มีแต่โควตา“เด็กนาย”สายตรง

อีกทั้ง ยังส่งผลให้ “ครม.แพทองธาร” 1/2 มีรัฐมนตรีหลายราย ถูกวางตำแหน่งอย่างผิดฝาผิดตัว โดยเฉพาะ “รัฐมนตรีหน้าใหม่” บางรายถูกวิจารณ์ในที่ลับ ก่อนจะแฉกันยับในที่เปิด ว่าไม่ควรได้นั่งเก้าอี้เสนาบดี

ต้องยอมรับว่า ฐานเสียง สส.ในสภาฯของ “ค่ายสีแดง” ส่วนใหญ่มาจาก“สส.ภาคอีสาน” และที่ผ่านมาการจัดสรรตำแหน่งทางการเมืองต่างๆ ยังอิงกับโควตาภาค โควตาจังหวัด แต่มาถึงวันนี้ วิธีคิดของ “นายใหญ่” ทักษิณ ชินวัตร เปลี่ยนไป 

โดยต้องการลดแรงต่อรองของ สส.เรื่องโควตาเก้าอี้ จึงลดความสำคัญของกลุ่ม ก๊วน ก๊ก ที่รวมตัวกันในพรรค และใช้วิธีมอบหมายให้ “บิ๊กเนม”เท่านั้น ให้ทำหน้าที่ดูแล สส. ผสมกับ“กลุ่มทุน”ที่มีหน้าที่ให้การสนับสนุนกลุ่ม สส. ไม่ปล่อยให้ สส.ตั้งกลุ่มขึ้นมาบริหารจัดการกันเอง

หากย้อนไปดูบทเรียนจากอดีต “สส.กลุ่มเพื่อนเนวิน” ก็เคยหักหลัง “นายใหญ่” ด้วยการรวมตัว พลิกขั้วการเมือง ไปร่วมจัดตั้งรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เมื่อปี 2551 จากนั้น ได้สยายปีกตั้ง“พรรคภูมิใจไทย” จนเติบโตเป็นพรรคการเมืองที่มีความแข็งแกร่งมาจนทุกวันนี้ 

นอกจากนี้ สถานการณ์ “สส.งูเห่า” ธุรกิจซื้อตัวผู้แทนก็เบ่งบาน หากปล่อยให้ “สส.”ต่อรองเก้าอี้อำนาจได้ เรื่องในอดีตอาจกลับมาเกิดซ้ำได้

ทว่า การคุมกำเนิด สส.ไม่ให้สะสมกองกำลัง แม้จะยังพอได้ผล แต่ในระยะยาวมี สส.หลายคน เริ่มคิดตีจาก“พรรคเพื่อไทย” เนื่องจากรู้สึกถึงความไม่เป็นธรรม ทำดีแต่ไม่ได้รับการปูนบำเหน็จ มิหนำซ้ำยังโดน “เด็กนาย” แซงคิว ข้ามหัวอย่างต่อเนื่อง

ปฏิบัติการตอบโต้ทันควันของ “สส.อีสาน” จึงใช้วิธีกดดันให้ “รัฐมนตรีหน้าใหม่” ที่มีสถานะสส.บัญชีรายชื่อ ให้ลาออก เพื่อขยับคิวในบัญชีลำดับถัดไปเข้ามานั่งเก้าอี้ สส.แทน

ว่ากันว่า “รัฐมนตรีหน้าใหม่” กระทรวงแถวถนนราชดำเนิน ก็ตกเป็นเป้า ความไม่พอใจ เนื่องจากมี “นายบางคน” ส่งชื่อเข้าประกวด และที่สุดก็ฝ่าด่านเข้ามาได้ แบบไม่มีใครคาดคิด ทำให้ “แกนนำพรรค-สส.” ต้องถามหาเหตุผล และมีคำอธิบายในทางลับว่ารัฐมนตรีหน้าใหม่รายนี้ อ้างถึงปัญหาสุขภาพ อาจต้องยุติเส้นทางการเมืองในอนาคต จึงขอโอกาสให้ได้นั่งเก้าอี้เสนาบดีสักครั้งในชีวิต

“คนอื่นยังมีโอกาสอีกเยอะ” เป็นคำกล่าวอ้างของ “รัฐมนตรีหน้าใหม่” ทำให้ “บิ๊กเนม” ซึ่งถือโควตารัฐมนตรีของตัวเอง ต้องยอมถอยให้ และยังจำใจต้องเอาชื่อ “คนสนิท” ออกจากโผ เพื่อเปิดทางให้รัฐมนตรีหน้าใหม่

ขณะเดียวกัน “สส.อีสาน” ยังขย่มต่อไปยังโควตา “รองประธานสภาฯ คนที่ 2” เนื่องจากนายใหญ่เพื่อไทย ปล่อยโควตานี้ให้ “พรรคร่วมรัฐบาล” โดยคาดว่า น่าจะเป็นโควตาของ “พรรครวมไทยสร้างชาติ” หรือ “พรรคกล้าธรรม” ที่ต้องไปตกลงเงื่อนไขกันเอง

แม้จะพอเข้าใจได้ว่า จำนวนเสียงในสภาฯ ของรัฐบาล อยู่ในสภาวะปริ่มน้ำ จึงต้องเอาใจพรรคร่วมฯ แต่การไม่เหลียวแล “คนในบ้าน” อาจส่งผลเสียในระยะยาว

ทั้งสองปม ที่ทำให้ สส.อีสานส่งสัญญาณไปยัง “นายใหญ่ - แกนนำเพื่อไทย” ไม่อาจมองข้ามได้ เพราะชั่วโมงนี้ แม้ตัวจะอยู่กับ “ค่ายสีแดง” แต่หลายรายใจเริ่มเปลี่ยนสี

ยิ่งสถานการณ์การเมืองต่อจากนี้ ที่ไม่สามารถเอาแน่เอานอนได้ เวลานี้ ก็เริ่มมีปฏิบัติการตีท้ายครัว เพราะเห็นช่องที่เปิดอยู่ อาจทำให้ “ตระกูลชินวัตร - พรรคเพื่อไทย” สูญเสียฐาน สส.เพราะแรงดูดได้ไม่ยากเช่นกัน