ทักษิณ นายกฯ คู่ขนาน - "ไม่ใช่คนอันตราย" ส่งสัญญาณเครือข่ายอำนาจ

เกมรุกทักษิณ ‘นายกฯ คู่ขนาน’ “ไม่ใช่คนอันตราย” ส่งสัญญาณ “เครือข่ายอำนาจ” เรียกประชุม “ทีมบ้านพิษณุโลก” วางมาตรการแก้เศรษฐกิจ - ภาษีทรัมป์
KEY
POINTS
- ทักษิณส่งสัญญาณว่าตนเปรียบเสมือน "นายกฯ คู่ขนาน" ที่ยังคงคุมเกมการเมือง และทิศทางของรัฐบาลอยู่เบื้องหลัง ไม่ว่าผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจะเป็นใครก็ตาม
- ทักษิณได้วาง 3 ทางรอดให้พรรคเพื่อไทยหากแพทองธาร ชินวัตร หลุดจากตำแหน่งนายกฯ สะท้อนให้เห็นว่าเขายังสามารถควบคุมสถานการณ์ทางการเมืองได้
- ทักษิณพยายามสื่อสารไปยังเครือข่ายอำนาจต่างๆ ว่าตน "ไม่ใช่คนอันตราย" และพร้อมทำงานกับทุกฝ่ายเพื่อประโยชน์ของประเทศ โดยเฉพาะการฟื้นฟูเศรษฐกิจ
- เขายังแสดงความมั่นใจในการรักษาเสถียรภาพของรัฐบาล โดยเชื่อว่าจะสามารถดึงเสียงสนับสนุนจาก สส. พรรคอื่น หรือ "งูเห่า" มาเพิ่มได้
ห่างหายจากการสื่อสารต่อสาธารณะมาเกือบ 2 เดือน “นายใหญ่” ทักษิณ ชินวัตร เลือกจำศีลท่ามกลางมรสุมทางการเมืองถาโถมใส่ “นายกฯ ลูกสาว” แพทองธาร ชินวัตร โดนพิษคลิปเสียงสนทนา “ฮุน เซน” ประธานวุฒิสภากัมพูชา จน สว. สีน้ำเงิน ร้องเรียน “ศาลรัฐธรรมนูญ” นำมาสู่คำสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ
“ทักษิณ” เลือกจังหวะพูดในงาน 55 ปี NATION ผ่าทางตันประเทศไทย Exclusive Talk กับ 3 ผู้นำทางความคิด ส่งสัญญาณไปยัง “เครือข่ายอำนาจ” ทั้งหน้าฉาก - หลังฉาก ทั้งระดับบงการ - ระดับปฏิบัติการ เนื่องจากระยะหลัง “ข่าวปล่อย” ล้มกระดาน “รัฐบาลแพทองธาร” มีออกมาหลายกระแส
ทักษิณเริ่มต้นด้วยการยืนยันว่า “ประเทศไทย” ไม่ถึง “ทางตัน” แม้จะมีบางคนพยายามเดินเกมให้ไปสู่ “ทางตัน” ก็ตาม โดยเฉพาะคดีคลิป “ฮุน เซน” ที่ล่อแหลมจะทำให้ “แพทองธาร” หลุดเก้าอี้นายกฯ
“ทักษิณ” เปิด 3 ออปชันทางรอด “ชินวัตร - เพื่อไทย”
ทางแรก หาก “แพทองธาร” รอด ก็สามารถกลับมามีอำนาจเต็มในฐานะนายกฯ โอกาสที่รัฐบาลจะไปต่อจนครบเทอมมีสูง
ทางที่สอง หาก “แพทองธาร” หลุดเก้าอี้นายกฯ “ชินวัตร - เพื่อไทย” พร้อมที่จะเสนอชื่อ “ชัยเกษม นิติสิริ” แคนดิเดตนายกฯ เบอร์ 3 ให้ที่ประชุมสภาฯโหวตเลือกนายกฯ คนใหม่
ทางที่สาม หากสถานการณ์ไม่เอื้ออำนวย “ชินวัตร - เพื่อไทย” อาจจะต้อง “ยุบสภาฯ” เพื่อรีเซ็ตการเมืองใหม่ แต่จะเป็นทางเลือกสุดท้าย
ทั้งสามทางเลือก - สามทางรอด “ทักษิณ” มั่นใจว่าสามารถคุมเกมได้ เนื่องจาก “หัวขบวนอนุรักษ์” ยังต้องใช้บริการ “เพื่อไทย” เพราะหากไม่มี “ค่ายแดง” อยู่ในสมการ อาจจะเข้าทาง “กระแสสีส้ม” ศัตรูตัวจริงเสียงจริง
อีกทางหนึ่งเขาเชื่อว่า “รัฐบาล” เสียงปริ่มน้ำ ตามตัวเลขจริงมีอยู่ 255 เสียง เลยกึ่งหนึ่ง 248 เสียง มาเพียง 7 เสียง ยังสามารถบริหารจัดการเสียงในสภาฯ ได้ โดยหล่นวลี “หนูเปล่านะ เขามาเอง”
ยิ่งการโหวตถอนร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ... (เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์) มี “งูเห่าสีน้ำเงิน” จากพรรคภูมิใจไทย โผล่แล้ว 3 เสียง ประกอบด้วย “ชูกัน วงษา” สส.นครพนม “ประภา เฮงตระกูล” สส.กาฬสินธุ์ “ อรอุมา บุญศิริ” สส.บึงกาฬ ยิ่งทำให้ “ทักษิณ - เพื่อไทย” มั่นใจว่า ยิ่งนานวัน “งูเห่า” จะตีจาก “พรรคภูมิใจไทย” มากขึ้น
ว่ากันว่าตัวเลขที่ “เพื่อไทย - พรรคร่วมรัฐบาล” ช่วยกันบริหารจัดการ “เสียง สส. งูเห่า” มีการคอนเฟิร์มกันไว้ 15-20 เสียง โดยพยายามดันให้เสียง “ขั้วรัฐบาล” อยู่ที่ 270-275 เสียง เพื่อเพิ่มเสถียรภาพงานสภาฯ
ขณะเดียวกัน เขายังเปิดปฏิบัติการโยนบาปให้ “เครือข่ายสีน้ำเงิน” ที่พยายามเคลื่อนเกมให้ประเทศไทยเดินเข้าสู่ทางตัน พร้อมกระทบชิ่งไปยัง “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่ครั้งหนึ่ง “ครูใหญ่” เนวิน ชิดชอบ พูดเต็มปากว่าจะปั้นให้เป็นนายกฯ
โดยระบุว่า “เมืองไทยคนอยากเป็นนายกฯ ก็เยอะ มีบางคนลูกชายไปเที่ยวเมืองนอก ประกาศเลยว่า พ่อต้องเป็นนายกฯ ในเดือนก.ค.นี้”
ทว่าเขายังทอดไมตรีไปยัง “เครือข่ายสีน้ำเงิน” ด้วยวลี “การเมืองไม่มีมิตรแท้ศัตรูถาวร” หากวันข้างหน้าจำเป็นต้องใช้เสียง สส. พรรคภูมิใจไทย โอกาสกลับมาดองกัน ยังมีอยู่
ส่งสัญญาณ “นายกฯ คู่ขนาน”
อย่างไรก็ตาม สัญญาณสำคัญที่สุดของ “ทักษิณ” คือ การเดินหน้าอาสาทำงานแก้ไขปัญหาของประเทศ เสมือนคอยคุมเกมการเมือง - คุมทิศทางนโยบายรัฐบาล ด้วยตัวเอง
เขาตอบคำถามกรณี “นายกฯ เพื่อไทย” ติดกับดัก “ศาลรัฐธรรมนูญ” มาแล้ว 2 คน “เศรษฐา ทวีสิน” และ “แพทองธาร” คิดว่า “ชัยเกษม” ถ้าได้เป็นนายกฯ จะเป็นทางรอดของประเทศหรือไม่ว่า “ผมยังอยู่ เอาผมออกไม่ได้ ผมเป็น สทร. รักบ้านเมือง ไม่ยอมหรอก การเมืองไม่มีทางตัน เพราะผมยังอยู่”
จับสัญญาณจากคำพูด “ทักษิณ” ค่อนข้างชัดเจน ซึ่งไม่ว่านายกฯ จะชื่อ “แพทองธาร” หรือจะเปลี่ยนเป็นชื่อ “ชัยเกษม” ไม่ว่าใครจะไปใครจะมา “นายกฯ คู่ขนาน” จะชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร”
นอกจากนี้ ยังส่งสัญญาณไปถึง “เครือข่ายอนุรักษ์” ให้มั่นใจในท่าทีของเขาด้วย โดยระบุว่า “การทำงานกับใคร ก่อนอื่นต้องมั่นใจว่า เราไปด้วยกันได้ และไม่ขัดนโยบายหลักๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องสถาบันฯ เรื่องเจ้านาย เพราะผมได้รับพระเมตตาสูงสุด ผมไม่มีทางทำงานกับใคร ที่กระทบกระเทือนสถาบันฯ”
ท่าทีของ “ทักษิณ” ต้องการสื่อสารกับทุก “เครือข่ายอำนาจ” ว่าตัวเขาเองพร้อมทำงาน และยังถือไพ่เหนือกว่า “คู่แข่ง - คู่แค้น” ในทางการเมือง
เดินหน้าฟื้นเศรษฐกิจ-รับมือภาษีทรัมป์
นอกจากนี้ “ทักษิณ” ยังออกแอคชัน เรียกประชุม “ทีมบ้านพิษณุโลก” ทันที เพื่อหารือนโยบายแก้ปัญหาเศรษฐกิจ พร้อมทั้งมาตรการรับมือกับภาษีทรัมป์
โดยมองว่าการขับเคลื่อนเศรษฐกิจต้องจัดการ 3-4 อย่างพร้อมกัน ทั้งการแก้หนี้ หาโอกาสใหม่ให้ประชาชน โดยทำในเรื่องต่างๆ ใน 2 ปีนี้รัฐบาลต้องทำเรื่องนโยบายสำคัญ
1.การจัดการแก้หนี้ภาคประชาชน ต้องตั้ง บริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC) ของภาคประชาชน
2.ซอฟต์พาวเวอร์ต้องทำให้ถึงทุกครัวเรือน 3.ขับเคลื่อนการลงทุน โดยภาครัฐต้องลงทุน แต่ให้เอกชนร่วมลงทุนในโครงการของรัฐ และ 4.การลงทุน และขับเคลื่อนเรื่องปัญญาประดิษฐ์
ส่วนประเด็นร้อน “ภาษีทรัมป์” ทักษิณ มองว่า “ทรัมป์” เป็นนักธุรกิจมีอำนาจต่อรองสูง แต่การเจรจายังไม่จบ ไม่ใช่ยอมทุกอย่างเหมือนแก้ผ้า ต้องคิดทางถอยด้วย ไม่ใช่ให้ได้ทุกอย่าง โดยในสุดสัปดาห์นี้จะมีรายละเอียดทุกอย่าง
ต้องจับตาการขับเคลื่อนมาตรการทางเศรษฐกิจของ “ทักษิณ” เพราะเจ้าตัวต้องการพลิกฟื้นเศรษฐกิจของประเทศไทยให้กลับมาอยู่ในแดนบวก เพื่อฟื้นศรัทธา “พรรคเพื่อไทย” และสร้างเสถียรภาพให้รัฐบาลลูกสาว
ส่งสัญญาณ “ไม่ใช่คนอันตราย”
ขณะเดียวกันในช่วงท้ายของเวทีดังกล่าว “ทักษิณ” ส่งสัญญาณชัดๆ อีกครั้งไปยัง “เครือข่ายอำนาจ” และกลุ่มต่อต้านเขา โดยพยายามบอกถึงความบริสุทธิ์ใจว่า เขาไม่ใช่คนอันตรายอย่างที่เคยมีข้อครหามาก่อน
“ผมอยากจะบอกทุกคน โดยเฉพาะคนที่อาจจะเป็นขาประจำของผม ผมไม่เป็นคนอันตรายต่อบ้านเมือง ผมเชื่อว่า ผมยังสามารถทำประโยชน์ให้บ้านเมืองได้เยอะ ผมอยู่ ผมรับรู้ทุกเรื่อง และจะทำในสิ่งที่ถูกต้อง และเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองเป็นหลัก เรื่องอื่นเล็กมาก ชีวิตผ่านมาขนาดนี้แล้ว ฉะนั้นไม่ต้องกังวล และไม่ต้องกังวลว่า ผมจะไม่ขยันทำเพื่อบ้านเมือง ผมอยู่ ผมรับผิดชอบ เพื่อบ้านเมือง”
ทั้งหมด คือ จุดยืน และทิศทางการเมืองจากปาก “ทักษิณ” แม้ไม่ใช่ “คนกำหนดเกม” ทั้งหมด เนื่องจากอำนาจที่ถูกแบ่งมาให้ปฏิบัติ แม้หน้าฉากจะไม่ใช่ “นายกฯ” แต่ในทางปฏิบัติย่อมรู้กันดีว่า “ทักษิณ” เสมือน “นายกฯ คู่ขนาน” ในโลกแห่งความเป็นจริง
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







