'ฝ่ายแค้น' ผนึกเกมสภาฯ เขย่า 'รัฐบาล' ล็อก ‘เพื่อไทย’ สู่ทางลง

'ฝ่ายแค้น' ผนึกเกมสภาฯ เขย่า 'รัฐบาล' ล็อก ‘เพื่อไทย’ สู่ทางลง

"ภท." เดินเกม "เขย่าขวัญ" รัฐบาล เล่นงาน "เสียงปริ่มน้ำ วาระร่างกม.เอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ คือ จุดเริ่ม แต่จากนี้ยังมีกฎหมายสำคัญ เพื่อล็อก "พท." สู่ทางลง

KEY

POINTS

  • "พรรคภูมิใจไทย" ฐานะฝ่ายค้านน้องใหม่ ใช้เกมในสภาเพื่อท้าทายและสั่นคลอนเสถียรภาพของ "รัฐบาล-พรรคเพื่อไทย"
  • ด้วยการขวาง วาระ ถอนร่าง พ.ร.บ.เอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เพื่อผลักดันให้มีการลงมติ ซึ่งหาก "รัฐบาล" แพ้ อาจต้องแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก
  • แม้ในเกมนี้ "รัฐบาล" จะขนสส.โหวต พ่วง 3 สส.งูเห่าจากค่ายสีน้ำเงิน จะโหวต ชนะ
  • แต่คะแนนเสียงที่เฉียดฉิว เกินองค์ประชุมเพียง 7 เสียง ได้เผยให้เห็นถึงความเปราะบางของรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ
  • เกมการเมืองในสภาคาดว่าจะยังคงดุเดือดต่อไป โดยมีกฎหมายสำคัญฉบับอื่น ๆ เช่น ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ที่อาจถูกใช้เป็นเครื่องมือ "เขย่าขวัญ" รัฐบาลชินวัตร ได้อีก

เป็นครั้งที่ 2 แล้ว ที่ “รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ” ถูกลองดีจากฝ่ายค้าน ที่ผสานกำลังทั้ง “พรรคประชาชน” นำโดย “เท้ง-ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” และ “พรรคภูมิใจไทย” นำโดย “อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่ส่ง “ภราดร ปริศนานันทกุล” สส.อ่างทอง เป็นร่างทรง เล่นบท “บู๊” และ “บุ๋น” ปะทะ “รัฐบาล-เพื่อไทย”

สัปดาห์ที่แล้ว ในการประชุมนัดแรกของสมัยประชุม ถูกหยั่งเชิงลองของ “นับองค์ประชุม” ระหว่างการแจ้งเรื่อง ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่เป็นสาระสำคัญ

ต่อด้วยสัปดาห์นี้ มีวาระสำคัญ ที่เป็นวาระชี้เป็นชี้ตายของ “รัฐบาล-พรรคเพื่อไทย” คือ ร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ… หรือ เอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์

'ฝ่ายแค้น' ผนึกเกมสภาฯ เขย่า 'รัฐบาล' ล็อก ‘เพื่อไทย’ สู่ทางลง

ในภาคปฏิบัติ “รัฐบาล” โดยมติคณะรัฐมนตรีได้ขอถอนร่างกฎหมายออกจากวาระประชุมของสภาฯ แต่ในข้อบังคับการประชุม กำหนดว่า เรื่องใดที่บรรจุในวาระไปแล้ว จะถอนได้ ต้องให้ที่ประชุมเห็นชอบ

หากเป็นภาวะที่ “การเมือง”ไม่เล่นเกมแบบเอาเป็นเอาตาย สส.จะปล่อยไปและยอมให้รัฐบาลถอนไปโดยไม่ต้องลงมติ เพราะมีข้อบังคับการประชุมข้อที่ 88 กำหนดไว้เป็นบทยกเว้นว่า “หากการเสนอใดที่ไม่มีผู้คัดค้าน ให้ถือว่าเป็นมติของที่ประชุม”

ทว่าในยามที่ทุกสเต็ปล้วนเป็นเกมประลองพลัง ทำให้เกิดช่องที่ ฝ่ายค้านโดยพรรคภูมิใจไทยในฐานะฝ่ายค้านลำดับที่สอง ต้องขอลองของสักตั้ง

เกมนี้เดินโดย “ภราดร” เสนอญัตติคัดค้านการถอนร่างกฎหมายเอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่พ่วงกาสิโน เพื่อดันให้เดินหน้าพิจารณา และเตรียมใช้เวทีโหวต ตัดตอนร่างกฎหมายจากสารบบของ “สภาฯ”

ทว่า นัยที่แท้จริง หาใช่จะเล็งประโยชน์ของการโหวตตกไว้เท่านั้น เพราะร่างกฎหมายเอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ถือเป็นกฎหมายสำคัญของรัฐบาล และ “พรรคเพื่อไทย” ตั้งเป็นนโยบายเรือธง ที่ให้เหตุผลต่อความจำเป็นที่ต้องทำเพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจของประเทศ

นอกเหนือจากนั้นแล้ว “ร่างกฎหมายเอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” ยังมีสถานะเป็น “กฎหมายการเงิน” ที่หากสภาฯโหวตคว่ำ ย่อมสะเทือนต่อสถานะรัฐบาล และไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบไปได้

แม้ในรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 จะไม่ได้กำหนดบทว่าด้วยความรับผิดชอบของ รัฐบาล หากร่างกฎหมายฉบับสำคัญ หรือ กฎหมายที่เกี่ยวกับการเงิน หรือ กฎหมายเรือธงของรัฐบาล ถูกสภาฯไม่ให้ความเห็นชอบ

ทว่าตามธรรมเนียมการเมือง ที่เคยมีมา “นายกฯ” ในฐานะผู้นำรัฐบาล ต้องแสดงความรับผิดชอบ หรือในยามนี้ที่มี “แพทองธาร ชินวัตร” ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ผู้นำประเทศได้ อย่างน้อย ครม.ที่ร่วมเสนอร่างกฎหมายนี้ต่อสภาฯ ต้องรับผิดชอบด้วยการ “ลาออก”

'ฝ่ายแค้น' ผนึกเกมสภาฯ เขย่า 'รัฐบาล' ล็อก ‘เพื่อไทย’ สู่ทางลง

ดังนั้นหมากที่ “พรรคภูมิใจไทย” ต้องการเดินหน้าให้ลงมติ ย่อมเล็งเห็นผลได้ว่า “เสียงข้างมาก” จะไม่พอต่อการเข็นร่างกฎหมายเอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ให้ผ่านสภาฯ ไปได้

เพราะในบรรดาพรรคร่วมรัฐบาล มีบางพรรคที่แสดงจุดยืนชัดเจนว่า ไม่เอาด้วยกับ “กาสิโน” ที่แฝงอยู่ในร่างกฎหมายฉบับเรือธงของรัฐบาล และหากการวางหมาก บรรลุเป้าหมาย จะทำให้สถานการณ์การเมือง เดินไปสู่เส้นทาง “เปลี่ยนขั้ว”

'ฝ่ายแค้น' ผนึกเกมสภาฯ เขย่า 'รัฐบาล' ล็อก ‘เพื่อไทย’ สู่ทางลง

การพิสูจน์ทฤษฎีนี้ ดูได้จาก “ผลโหวตในญัตติ” แม้เสียงข้างมาก 253 เสียงโหวตชนะ ฝ่ายค้าน ที่ “พรรคภูมิใจไทย” ร่วมลงมติเพียงพรรคเดียว จำนวน 65 เสียง ขณะที่ “พรรคประชาชน” แสดงเจตนาไม่ร่วมสังฆกรรม

จุดที่จับสังเกตคือ เสียงข้างมากของ ฝ่ายรัฐบาลและ 3 สส.งูเห่าภูมิใจไทย ที่ช่วยลงคะแนน ทั้งสิ้น 253 เสียงนั้น เกินองค์ประชุมที่ต้องใช้ 246 คน มาเพียง 7 เสียงเท่านั้น

หากเช็คเสียงของ สส.ในสภาฯ ล่าสุดมี ผู้แทนที่ปฏิบัติหน้าที่ได้ รวม 492 คน องค์ประชุมต้องเกินกึ่งหนึ่ง คือ 246 คน สำหรับเสียงของ “ฝั่งรัฐบาล” ที่นับรวม สส.พรรคร่วมรัฐบาล และ “สส.งูเห่า” ที่ขณะนี้ปรากฏกายออกมาแล้ว 8 คน จาก 4 พรรคการเมือง จะมียอดรวมทั้งสิ้น 261 คน ขณะที่ “ฝั่งฝ่ายค้าน” มีเสียงรวม 231 เสียง ส่วนต่างคือ 30 เสียง

นัยของเสียงส่วนต่างนั้น “ผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ” พูดให้ข้อคิดไว้ตอนหนึ่งของช่วงโหวตตัดสินการปิดอภิปราย ต่อร่างกฎหมายเอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ว่า “เสียงพรรครัฐบาลที่สนับสนุน 251 เสียง หากหักเสียงของพรรคร่วมรัฐบาลที่ไม่เห็นด้วยกับกาสิโนออก ได้ข้อสรุปตรงกันว่า หากเดินเข้าสู่วาระแรก จะถูกโหวตคว่ำแน่นอน”

'ฝ่ายแค้น' ผนึกเกมสภาฯ เขย่า 'รัฐบาล' ล็อก ‘เพื่อไทย’ สู่ทางลง

ในเกม “กฎหมายคอมเพล็กซ์” แม้รัฐบาลจะรู้แกว และสามารถถอดสลักระเบิดได้ทันเวลา แต่การเล่นเกมจาก “พรรคฝ่ายค้าน” โดยเฉพาะพรรคภูมิใจไทย ที่มี “ครูใหญ่” เป็นคนกำกับบท สร้างผลงานเชิงประจักษ์แล้วว่า สามารถเขย่าขวัญ “รัฐบาล-พรรคเพื่อไทย” ได้

เกมการเมืองในสภาฯ จากวันนี้ ไปจนถึง เดือน ต.ค. ที่ครบวาระปิดสมัยประชุม เชื่อได้ว่า “พรรคเพื่อไทย” และ “แพทองธาร ชินวัตร” ยังต้องเจอเผชิญเหตุการณ์ “เขย่าขวัญ” อีกหลายยก เพราะมีกฎหมายสำคัญของรัฐบาล ที่พาเหรดเข้าสู่สภาฯ และเป็นร่างกฎหมายที่สามารถทวงความรับผิดชอบทางการเมือง ด้วยการ “ลาออก” ได้

เช่น ร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 ที่วางคิวเข้าสภาฯ เดือน ส.ค. นี้ ขณะนี้มีเสียงวิจารณ์จากฝ่ายค้านว่า เน้นจัดงบสนอง “งานการเมือง-หาทุนเลือกตั้ง” มากกว่าแก้ปัญหาวิกฤติชาติ

นอกจากนั้นแล้ว ปัจจัยนอกสภาฯ ที่รุมบีบพรรคร่วมรัฐบาลให้ถอนตัว พ่วงกับ “นิติสงคราม” ที่กำลังนวด “เพื่อไทย-ตระกูลชินวัตร” ให้อ่อนแรง ทั้งหมดนั้น ล้วนเป็นสมการที่ “คู่แค้น” วางเกมล็อกคอให้ “เพื่อไทย” ก้าวไปสู่ทางลง