ตร.อายัดทรัพย์ 'ก๊ก อาน' 1.1 พันล้าน จ่อออกหมายแดงล่าตัว

ตร.อายัดทรัพย์ 'ก๊ก อาน' 1.1 พันล้าน จ่อออกหมายแดงล่าตัว

ตร.ผนึกกำลังประชาคมโลก ลุยปราบ 'แก๊งคอลเซ็นเตอร์-ค้ามนุษย์' อายัดทรัพย์เครือข่าย 'ก๊ก อาน' 1.1 พันล้านบาท เตรียมออกหมายแดงล่าตัว

KEY

POINTS

  • ตำรวจเข้าตรวจค้นเครือข่าย “ก๊ก อาน” ใน 3 จังหวัด สามารถอายัดทรัพย์สินได้กว่า 1,100 ล้านบาท
  • ทรัพย์สินที่ถูกอายัดประกอบด้วยเงินสด 27 ล้านบาท รถยนต์หรู และเอกสารสำคัญ
  • ทางการเตรียมออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการทั้งหมด และประสานตำรวจสากล (อินเตอร์โพล) ออกหมายแดงเพื่อติดตามจับกุมตัว “ก๊ก อาน”

เมื่อวันที่ 10 ก.ค. 2568 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผอ.ศปอส.ตร)และ หัวหน้าหน่วยเฉพาะกิจ UNODC ต่อต้านอาชญากรรมคอลเซ็นเตอร์และการค้ามนุษย์แถลงผลการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์และค้ามนุษย์ ในปัจจุบันว่า ปัจจุบันสถานการณ์การหลอกลวงคนไทยของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ผ่านมา ยังมีที่ตั้งอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ กัมพูชา เมียนมา และลาว เพื่อที่จะหลอกคนชาติไทยและชาติต่าง ๆ ทั่วโลก

เนื่องจากประเทศไทยเป็นจุดยุทธศาสตร์ทางการบินที่สำคัญในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ มีเที่ยวบินจากทั่วโลกเข้ามาในประเทศ ประกอบกับการคมนาคมที่สะดวกในการเดินทางกลุ่มคนร้ายจึงอาศัยช่องว่างดังกล่าว เข้ามาในไทยในฐานะนักท่องเที่ยว เพื่อเดินทางไปยังบริเวณแนวชายแดนแล้วลักลอบข้ามไปยังแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ตั้งอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านของไทย หรือใช้ช่องทางดังกล่าว หลอกคนข้ามไปทำงานในแก๊งคอลเซ็นเตอร์

พล.ต.อ.ธัชชัย เปิดเผยต่อว่า จากมาตรการการตัดไฟฟ้า อินเทอร์เน็ต และน้ำมัน ไปยังแนวชายแดนประเทศเมียนมาที่ติดกับประเทศไทยเพื่อกดดันให้มีการกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในพื้นที่ที่ปกครองโดยชนกลุ่มน้อยตามแนวชายแดนระหว่างประเทศเมียนมาและไทย ทำให้เกิดการกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในเขตเมืองชเวโก๊ะโก๋ และเคเคพาร์ค ซึ่งพบคน 36 สัญชาติ จำนวน8,893 ราย แต่ยังพบว่าแต่ยังมีกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์อีกจำนวนหนึ่งหลบซ่อนและตั้งอยู่บริเวณทางตอนใต้ของเมืองเมียวดี ซึ่งจะต้องมีมาตรการในการดำเนินการอีกต่อไป

ในส่วนของประเทศกัมพูชา พบว่ามีการขยายตัวของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทั้งที่หลอกคนไทยและคนชาติต่าง ๆทั่วโลก พบว่ามีการตั้งอยู่ในประเทศกัมพูชา จำนวน 52 จุด 10 จังหวัด โดยส่วนใหญ่ยังอยู่ในเมืองปอยเปต และมีการขยายตัวอย่างรวดเร็วในเขตชายแดนติดกับทางประเทศเวียดนาม มีแก๊งชาวจีนเป็นผู้บริหารจัดการ ได้รับความคุ้มครองจากผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ ในห้วงที่ผ่านพบว่า แก๊งคอลเซ็นเตอร์มีการขยายตัว จากประเทศกัมพูชาเช้ามาในประเทศไทยบางส่วน แต่ทางการไทยสามารถดำเนินการกวาดล้างจับกุมได้ โดยแก๊งคอลเซ็นเตอร์เหล่านี้มุ่งหลอกคนชาติอื่นไม่ใช่คนไทย อาทิ ออสเตรเลีย เวียดนาม เกาหลี จีน

โดยเจ้าหน้าที่ ได้ร่วมกำหนดยุทธศาสตร์ “ผนึกกำลังประชาคมโลก ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์และค้ามนุษย์” โดยกำหนดยุทธศาสตร์ไว้ 5 ด้าน (I 2L AI)

1. การทำลายโครงสร้างพื้นฐานของอาคาร (Infrastructure) ได้แก่ ไฟฟ้า อินเทอร์เน็ต

2. การตัดเครือข่ายขบวนการนำพา (Logistics) ได้แก่ เพจโฆษณา หางาน เพจจัดหาบัญชีม้าและคริปโต แอพในการ ติดต่อหายานพาหนะ กลุ่มรถรับจ้าง กลุ่มนำพาข้ามแดน การซีลชายแดน กลุ่มจัดหาบัญชีม้าและคริปโต

3.การบังคับใช้กฎหมายและยึดทรัพย์ (Law Enforcement) โดยมุ่งเน้นไปที่ เจ้าของอาคารคอลเซ็นเตอร์ ผู้บงการ ผู้บริหารจัดการ ผู้ให้ความคุ้มครอง

4. การนำเทคโนโลยี AI มาใช้ในการควบคุมป้องกันไม่ให้ใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่าน หรือใช้ในการหลอกลวง เพื่อลักลอบข้ามผ่านแนวชายแดนไปทำงานที่แก๊งคอล เซ็นเตอร์ที่ตั้งอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน

และ 5. ผนึกกำลังประชาคมโลก (International Community) ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์และค้ามนุษย์โดยนำองค์กรระหว่างประเทศ ได้แก่ UNODC, INTERPOL, FBI และประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก มาร่วมปฏิบัติในศูนย์บริหารฉับพลันเหตุการณ์แก๊งคอลเซ็นเตอร์และค้ามนุษย์ (War Room for Combatting Cyber Scam Syndicate) ซึ่งมีที่ตั้งอยู่ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติของไทย โดยประเทศไทยจะเป็นผู้นำและศูนย์กลางในการแลกเปลี่ยน ข้อมูล เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติงานร่วมกันในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ตั้งอยู่ในประเทศกัมพูชา เมียนมา และลาว

พล.ต.อ.ธัชชัย ยังกล่าวถึงจากปฏิบัติการตรวจค้นเครือข่าย “ก๊ก อาน” ว่า เจ้าหน้าที่ได้เข้าทำการตรวจค้น จำนวน 20 จุด3 จังหวัด กรุงเทพ, สมุทรปราการ, ชลบุรี สามารถอายัดเงินสด 27 ล้านบาท รถยนต์หรู และเอกสารสำคัญ ยึดทรัพย์รวมมูลค่า กว่า 1,100 ล้านบาทและจะดำเนินการออกหมายจับผู้มีส่วนร่วมกระบวนการทั้งหมด รวมทั้งให้ตำรวจอินเตอร์โพลออกหมายแดงในการติดตามจับกุมตัว