‘ส้ม’ 2 หน้าดันนิรโทษฯ 112-แก้ รธน. ผูกมิตร ‘แดง’ ไว้ไมตรี ‘น้ำเงิน’

พลันที่ “พรรคประชาชน” ประกาศจุดยืน “โหวตนายกฯคนใหม่” ผ่าทางตันทางการเมือง “พรรคส้ม” ก็กระโจนเข้ากลับสู่ “สมการ” พลิกขั้วจัดตั้งรัฐบาลใหม่ในทันที โดยมีเงาฉากหลังเป็น “พรรคภูมิใจไทย” ฝ่ายค้านน้องใหม่ ทาบทับอยู่ลาง ๆ ท่ามกลางเสียงซุบซิบกันว่า “บิ๊กเนมสีส้ม” บางคนต่อสายกริ๊งกร๊างไปยัง “ครูใหญ่สีน้ำเงิน” คุยกันเรียบร้อยแล้ว?

แม้แกนนำพรรคส้มหลายคน รวมถึง “เท้ง” ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรค จะพยายามเสนอว่า การผลักดันเพื่อโหวต “นายกฯขัดตาทัพ” เพื่อแก้ไขสถานการณ์ชั่วคราว หากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย “เป็นลบ” ส่งผลให้ “แพทองธาร ชินวัตร” นายกฯคนที่ 31 ต้องพ้นเก้าอี้ ฉากทัศน์ต่อไปจะเกิดขึ้นได้ 3 ทางคือ 1.สภาฯโหวตเลือกนายกฯคนใหม่ 2.รักษาการนายกฯยุบสภาฯ (พรรค ปชน.อ้างคำพูดของ “วิษณุ เครืองาม” เนติบริกรครุฑ การันตีว่าทำได้) และ 3.มือที่มองไม่เห็นสบช่องใช้ “อำนาจนอกระบบ” เข้าบริหารประเทศ

ปชน.ไม่อยากให้เกิดกรณี “อำนาจนอกระบบ” เข้ามาแทรกแซงการเมืองไทยอีก จึงเรียกร้องให้รักษาการนายกฯยุบสภาฯ นำไปสู่การเลือกตั้งใหม่ แต่ด้วยท่าทีของหลายพรรคการเมือง ยังไม่พร้อมที่จะมีการเลือกตั้งตอนนี้ สวนทางกับ “พรรคส้ม” ที่กำลังกระแสสูง

เช่นเดียวกับ “ภูมิใจไทย” ที่มี 2 ทางเลือกคือ 1.กลับเข้าร่วมรัฐบาลโดยเร็วที่สุด เพื่อเคลียร์สารพัดบาดแผลที่ยังคั่งค้าง 2.รีบยุบสภาฯจัดเลือกตั้งใหม่โดยเร็วที่สุด เพราะทุนทรัพย์ตอนนี้ยังพอมี ปูทางไปสู่การ “ดีล” จัดตั้งรัฐบาลใหม่ในอนาคต

แต่ “เพื่อไทย” อ่านเกมออก จึงยังไม่มีแผนจะ “ยุบสภาฯ” อย่างน้อยก็ภายในปีนี้ แม้ว่าจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นกับ “นายกฯแพทองธาร” ก็ตาม รวมไปถึงบรรดา “พรรคร่วมรัฐบาล” หลายพรรคที่ยังไม่พร้อมในการเลือกตั้งใหม่ ที่ต้องใช้ทรัพยากรทั้ง “กระแส-กระสุน” จำนวนมหาศาล

เมื่อ ปชน.เล็งเห็นว่า “เพื่อไทย-สทร.” ไม่เอาด้วยแน่กับการยุบสภาฯ จึงเกิดข้อเสนอ “นายกฯขัดตาทัพ” ขึ้นมาแทน โดยยืนยันว่า ยังไม่มีมติโหวตเลือกใคร แต่ฝ่ายที่อยากเป็นรัฐบาลใหม่ต้องรับได้กับเงื่อนไข แก้รัฐธรรมนูญ เปิดทางให้มี ส.ส.ร.นำไปสู่การร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ หลังจากนั้นให้มีการยุบสภาฯ เพื่อเลือกตั้ง

การเดินหมากของ ปชน.ถัดจากนั้น น่าสนใจ เพราะพวกเขาขุดเรื่องที่หลายคนอาจลืมไปแล้ว นั่นคือ ร่างกฎหมายนิรโทษกรรม ที่เปิดช่องให้มีการหารือรวมโทษคดีตาม “มาตรา 112” ด้วย แต่ต้องมีเงื่อนไขบางอย่างที่ต้องหารือกันในที่ประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ขณะที่ร่างนิรโทษกรรมของ “ภาคประชาชน” มีจุดยืนชัดเจนว่าต้องหมายรวมนิรโทษกรรมคดีมาตรา 112 และคดีนักโทษทางการเมืองทันที

ประเด็นที่น่าสนใจ ร่างกฎหมายนิรโทษกรรมที่จะเข้าสภาฯขณะนี้มี 4 ฉบับ ได้แก่ ร่างของพรรคกล้าธรรม ร่างของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ร่างของพรรคประชาชน และร่างของภาคประชาชน โดยทั้ง 4 ร่างเนื้อหาสาระสำคัญแทบไม่แตกต่างกันมากนัก ยกเว้นร่างของพรรคประชาชน และร่างของภาคประชาชน ที่เปิดช่องรวมคดีมาตรา 112

อย่างไรก็ดี ในส่วนร่างของภาคประชาชนนั้น คาดว่าจะถูก “ตีตก” ไป เนื่องจากหมายรวมคดีมาตรา 112 แบบทันที ไม่มีเงื่อนไขใด ๆ ทั้งสิ้น เช่นเดียวกับร่างของ ปชน.ที่แม้ว่า จะเปิดช่องให้มีการพิจารณาคดีมาตรา 112 แบบ “มีเงื่อนไข” ก็ตาม แต่สุดท้ายร่างดังกล่าวน่าจะไปไม่รอด ถูกตีตกตั้งแต่ในชั้น “รับหลักการ” หรือวาระ 1 เช่นกัน เพราะการหมายรวม “คดีมาตรา 112” ทำให้ สส.ฝ่ายรัฐบาล หลายคนกังวลว่าจะเปิดช่อง “ฝ่ายอนุรักษนิยม” ปลุกกระแส “จงรักภักดี” เดินเกมล้มรัฐบาลลงได้

นอกจากเรื่องนี้แล้ว ยังมีประเด็นที่เป็นชนักปักหลัง “คีย์แมน” ของทั้ง 2 กลุ่มการเมือง นั่นคือ “ค่ายแดง” มีชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ ถูกพิจารณาคดีมาตรา 112 ในชั้นศาลอาญา ส่วน “ค่ายส้ม” มี 25 สส.ปชน. ที่ก่อนหน้านี้อยู่ในกลุ่ม 44 สส.ก้าวไกล โดนพิจารณาเรื่องผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง กรณีเสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ในชั้นการไต่สวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)

ดังนั้นหาก “ค่ายแดง-ค่ายส้ม” พยายามผลักดันร่างนิรโทษกรรมที่หมายรวมคดีมาตรา 112 ดังกล่าว อาจทำให้สาธารณชนวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่าเอื้อประโยชน์แก่พรรคพวกตัวเองหรือไม่ แม้ที่ผ่านมา “แกนนำสีส้ม” ยืนยันว่า ต่อให้การนิรโทษกรรมคดีมาตรา 112 จะผ่าน แต่จะไม่ขอรับอภิสิทธิ์ หรือขอให้เข้าเงื่อนไขใด ๆ ก็ตาม

เรื่องนี้ “เท้ง ณัฐพงษ์” หัวหน้าพรรค ปชน.ให้สัมภาษณ์ว่า อยากเห็นสภาฯรับร่างกฎหมายนิรโทษกรรมทั้ง 4 ฉบับ ส่วนร่างของ ปชน.นั้น ไม่มีเหตุผลใด ๆ ที่จะปัดตกตั้งแต่ชั้นรับหลักการวาระ 1 แต่ควรสร้างโอกาส และบรรยากาศที่ดีในการรับวาระ 1 ทุกร่างไปก่อน เพื่อไปหารือกันต่อในชั้น กมธ. ก่อนไปโหวตวาระ 2 โดยยืนยันว่าพื้นที่การประชุมสภาฯ ควรจะเป็นพื้นที่ที่ปลอดภัยที่สุด ที่จะพูดได้ในประเทศนี้ ที่เราจะหารือประเด็นที่แหลมคม และข้อคิดเห็นที่ยังเห็นต่างกันมากในสังคม

คิวต่อมาคือการชงแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา โฟกัสเฉพาะกรณีการโหวตบุคคลดำรงตำแหน่งกรรมการองค์กรอิสระ โดยสาระสำคัญคือการเปิดช่องให้การเห็นชอบบุคคลดำรงตำแหน่งกรรมการในองค์กรอิสระนั้น เดิมที่ให้เสียง สว.โหวตอย่างเดียว เปลี่ยนมาเป็นเสียงสมาชิกรัฐสภา หรือ สส.+สว.ในการโหวต เปิดทางให้ยึดโยงกับสภาฯมากยิ่งขึ้น

แน่นอนว่าการเดินเกมนี้ นัยเพื่อปลดล็อกคดีฮั้ว สว.ที่ “ค่ายส้ม” มักถูกทวงถามเสมอ ๆ จากพรรคเพื่อไทยว่า เหตุใดจึงไม่ยอมตรวจสอบก็ตาม แต่การชงเรื่องนี้ ถือเป็นการปลดแอกการผูกขาด “องค์กรอิสระ” ไว้ที่กลุ่มขั้ว “สว.สีน้ำเงิน” อีกทางหนึ่งด้วย

การเดินหมากของ ปชน.ครั้งนี้ น่าสนใจเพราะ 1.การชงร่างนิรโทษกรรมฯ เปิดช่องรวมคดีมาตรา 112 กู้หน้าเรียกกระแสความนิยมให้กลับมาอีกครั้ง หลังพรรคก้าวไกลถูกยุบ และมีการ “ลบนโยบาย” เกี่ยวกับการเสนอแก้ไขมาตรา 112 ออกจากเว็บไซต์ของพรรคไป จนโดนวิจารณ์จาก “ด้อมส้ม-มหามิตร” อย่างหนักก่อนหน้านี้ แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าร่างดังกล่าวแนวโน้ม “น้อยมาก” ที่จะผ่านสภาฯ แถมยังเปิดช่องให้ร่างของ รทสช.มีโอกาสเข้าวิน ปูทางนิรโทษกรรมหมายรวมคดีฮั้ว สว.เอาไว้ ถือว่ายัง “ไว้ไมตรี” กับ “ค่ายน้ำเงิน” ที่มีโอกาสดันให้เป็นรัฐบาลพลิกขั้วใหม่

2.การชงร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าว แม้จะพยายามสลายขั้วอำนาจ “สีน้ำเงิน” ใน “องค์กรอิสระ” แม้จะโอกาสน้อย แต่ก็ยังมีแนวโน้มที่จะผ่าน มากกว่าร่างนิรโทษกรรมข้างต้น เปิดทาง “ค่ายแดง-ค่ายส้ม” เจรจาเฉพาะหน้า ปลดล็อคการผูกขาดของ “ค่ายน้ำเงิน” ลงก่อน ก็ยังถือว่า “ผูกมิตร” กับ “ค่ายแดง” ต่อยอดรวมเสียงในการเลือกตั้งครั้งหน้าได้อยู่

เรียกได้ “ค่ายส้ม” ยิงปืนนัดเดียวได้นก 2 ตัวทั้ง “ค่ายแดง-น้ำเงิน” แต่การเดินหมากอย่างนี้ จะถูกใจ “ด้อมส้ม-มหามิตร” มากน้อยแค่ไหน ต้องรอดู