จี้ กกต.อย่าตั้งอนุฯวินิจฉัยซ้ำคดีฮั้ว สว. เชื่อคณะ 26 ทำรอบคอบ

จี้ กกต.อย่าตั้งอนุฯวินิจฉัยซ้ำคดีฮั้ว สว. เชื่อคณะ 26 ทำรอบคอบ

คณะ สว.สำรอง ออกแถลการณ์ถึง กกต. ของดตั้งอนุกรรมการฯ วินิจฉัยผลสอบซ้ำ คดีฮั้ว สว. มั่นใจการทำงาน กก.สืบสวนฯ คณะ 26 ทำทุกอย่างรอบคอบแล้ว

KEY

POINTS

  • กลุ่ม สว.สำรอง ยื่นหนังสือถึง กกต. เรียกร้องไม่ให้ตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาพิจารณาคดีฮั้วเลือกตั้ง สว. ซ้ำซ้อน
  • แสดงความเชื่อมั่นว่าคณะกรรมการสืบสวนไต่สวนกลางชุดที่ 26 ได้รวบรวมพยานหลักฐานอย่างรอบคอบและชัดเจนเพียงพอแล้ว
  • ให้เหตุผลว่าการตั้งคณะอนุกรรมการเพิ่มเติมอาจถูกมองว่าเป็นการประวิงเวลาเพื่อช่วยเหลือผู้กระทำผิด
  • ขอให้ กกต. ดำเนินการยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาเพื่อเพิกถอนสิทธิผู้กระทำผิดโดยเร็วตามพยานหลักฐานที่มีอยู่

เมื่อวันที่ 9 ก.ค. 2568 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กลุ่ม สว.สำรอง และอดีตผู้สมัคร สว. นำโดย พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว อดีตผู้ช่วย ผบ.ตร. พร้อมคณะ เดินทางมาติดตาม “คดีฮั้ว สว.” และนำแถลงการณ์ของกลุ่ม สว.สำรอง มามอบให้ กกต.ระบุว่า ตามที่ได้มีการเลือกสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2567 ที่ผ่านมาและคณะกรรมการการเลือกตั้ง ได้ประกาศรับรองผลการเลือกไปแล้วเมื่อวันที่ 10 ก.ค.2567

ต่อมามีการร้องเรียนกล่าวหามากมายว่าไม่สุจริตและเที่ยงธรรมและคณะกรรมการการเลือกตั้งได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนไต่สวนกลางชุดที่ 26 ประกอบไปด้วยเจ้าหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้งและกรมสอบสวนคดีพิเศษร่วมเป็นคณะกรรมการฯ รวม 7 คน โดยได้มีการสืบสวนไต่สวนรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องมากมายจนมีหนังสือแจ้งผู้เกี่ยวข้องเข้ารับทราบและแก้ข้อกล่าวหาหลายครั้งรวมเกือบ 200 คน ตามข้อมูลข่าวที่สื่อมวลชนต่างๆได้นำเสนอไปแล้วนั้น

กลุ่ม สว.สำรอง ระบุว่า บัดนี้ ได้ทราบข่าวว่า คณะกรรมการสืบสวนไต่สวนกลางชุดที่ 26จะสรุปความเห็นเพื่อนำเสนอต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง ภายในเดือนกรกฎาคม 2568 นี้ โดยเชื่อได้ว่าอาจจะมีข้อกล่าวหากับผู้เกี่ยวข้องซึ่งอาจแยกได้เป็น 3 กลุ่มบุคคล ดังนี้

1. กลุ่มผู้ที่มีความเกี่ยวข้องในฐานะ คณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองบางพรรคการเมืองที่เป็นผู้มีส่วนร่วมในการกระทำผิด

2.กลุ่มผู้ที่เป็นนักการเมืองอื่นหรือบุคคลอื่นที่มิใช่ผู้สมัครสมาชิกวุฒิสภาและเป็นผู้มีส่วนร่วมในการกระทำผิด

3.กลุ่มผู้ที่เป็นสมาชิกวุฒิสภาปัจจุบัน

ที่เป็นผู้มีส่วนร่วมในการกระทำผิดโดยที่ในการพิจารณาพฤติการณ์ความผิดของผู้ถูกกล่าวหาเป็นรายกลุ่มหรือรายบุคคลนี้เชื่อมั่นว่ามีพยานหลักฐานและหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์เป็นจำนวนมากที่ชัดเจน และยืนยันถึงข้อกล่าวหาทุกคนได้อย่างชัดเจนจึงใคร่ขอให้คณะกรรมการการเลือกตั้งได้โปรดใช้ความรู้ความสามารถและวิจารณญาณในการไตร่ตรองใคร่ครวญให้เป็นไปตามข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานแห่งคดี

โดยเฉพาะใน “กลุ่มที่ 3” ที่เป็นสมาชิกวุฒิสภาทั้งหมดซึ่งเกี่ยวข้องและมีหลักฐานเชื่อได้ว่าเกี่ยวข้องรู้เห็นหรือมีผู้ดำเนินการโดยทุจริตจัดทำโพยล็อกการลงคะแนนให้บุคคลอื่นลงคะแนน อันเป็นการกระทำที่ไม่เป็นไปด้วยความสุจริตและเที่ยงธรรม และเป็นการกระทำฝ่าฝืน มาตรา 76 และหรือ มาตรา 77ซึ่งคณะกรรมการการเลือกตั้งจะต้องดำเนินการให้เป็นไปตามความในมาตรา 62 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 โดยจะต้องมีการยื่นคำร้องต่อศาลฎีกา เพื่อสั่งให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้น

อีกทั้ง ในสำนวนคดีนี้ เนื่องจากผ่านการดำเนินการของคณะกรรมการสืบสวน/ไต่สวนที่ 26ซึ่งล้วนเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิทั้งสิ้น และระหว่างการดำเนินการสืบสวนและไต่สวน คณะกรรมการสืบสวน/ไต่สวนที่ 26 ก็มีการขอความเห็นชอบต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งอย่างต่อเนื่องเป็นลำดับตลอดมาดังนั้น คณะกรรมการการเลือกตั้ง จึงเป็นผู้ใช้อำนาจและหน้าที่ ในการสืบสวน/ไต่สวนด้วยตนเองเป็นองค์คณะโดยตรง ตลอดมานับแต่ได้มีมติให้สั่งรับเป็นคดีกรณีเป็นความปรากฏจึงไม่มีเหตุจำเป็นที่คณะกรรมการการเลือกตั้งจะต้องมีมติให้ตั้งคณะอนุกรรมการวินิจฉัยเพื่อพิจารณากลั่นกรองสำนวนซ้ำอีก เพราะจะเป็นเหตุให้คณะกรรมการการเลือกตั้งถูกกล่าวหาว่าหลีกเลี่ยงหรือมีเจตนาหน่วงเหนี่ยวหรือยืดระยะเวลาการลงโทษผู้กระทำผิดเกินความจำเป็น

ผู้ร้องจึงร้องขอให้

1.คณะกรรมการการเลือกตั้งงดเว้นการตั้งคณะอนุกรรมการวินิจฉัยเข้ามาทำหน้าที่พิจารณากลั่นกรองสำนวนซ้ำ อันเป็นการประวิงเวลาการการดำเนินการและลงโทษผู้กระทำผิด

2.คณะกรรมการการเลือกตั้งทุกท่าน บันทึกความเห็นส่วนบุคคลโดยระบุรายละเอียดพฤติการณ์ การกระทำผิดลงในคำวินิจฉัย ตามมติของคณะกรรมการการเลือกตั้งไว้เป็นหลักฐานเพื่อจะได้นำสืบในชั้นศาล หรือเพื่อเป็นการอ้างอิงหากจะต้องมีการร้องขอต่อศาลในการตรวจสอบภายหลัง

ดังนั้น คดีนี้จะเป็นคดีประวัติศาสตร์ที่จารึกไว้ว่า มีการทุจริตเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจทางการเมืองอย่างเลวร้ายที่สุดเท่าที่เคยมีมาว่าบรรพบุรุษของปวงชนชาวไทยในรุ่นต่อๆ ไป ได้กระทำไว้อย่างไรและมีการแก้ไขกันอย่างไร เพื่ออนุชนรุ่นหลังจะได้นำไปศึกษาในเชิงวิชาการต่อไป