'ณัฐพงษ์' จี้รัฐบาลไทยเร่งปิดดีลภาษีทรัมป์ ชง 2 แนวทาง 'วิน-วิน'

'ณัฐพงษ์' ติงรัฐบาลไทยล่าช้า จี้เร่งเจรจาปม 'ภาษีทรัมป์' ชี้เวียดนามได้ดีลดีกว่า ยิ่งทำให้ไทยเจรจายาก ชงแนวทาง 'วิน-วิน' เปิดเสรีธนาคาร-โทรคมนาคม
KEY
POINTS
- ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ เรียกร้องให้รัฐบาลเร่งเจรจา 'ภาษีทรัมป์' ก่อนมีผลบังคับใช้ 1 ส.ค. โดยชี้ว่าเวียดนามได้ข้อตกลงที่ดีกว่าไปแล้ว ทำให้ไทยเสียเปรียบ
- เสนอแนวทาง 'วิน-วิน' โดยการเปิดเสรีภาคบริการ เช่น ธนาคารและโทรคมนาคม ซึ่งเป็นที่สนใจของสหรัฐฯ และจะช่วยสร้างตลาดที่มีการแข่งขันมากขึ้น
- ชี้ว่าไทยยังมีโอกาสเจรจาลดหย่อนภาษีจาก 36% หากยื่นข้อเสนอที่น่าสนใจและตรงตามความต้องการของสหรัฐฯ
- ย้ำว่ารัฐบาลควรหารือกับผู้ประกอบการภาคธุรกิจต่างๆ ในประเทศก่อนตัดสินใจยื่นข้อเสนอใดๆ ให้กับสหรัฐฯ
เมื่อวันที่ 9 ก.ค. 2568 ที่รัฐสภา นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงการเจรจา "ภาษีทรัมป์" ที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ส.ค.นี้ ว่า เป็นสิ่งที่พรรคประชาชนสื่อสารมาตลอดว่ารัฐบาลดำเนินการเจรจาช้าไป ประเทศเวียดนามสามารถบรรลุข้อตกลงได้ก่อน เปิดการเข้าถึงอย่างเต็มรูปแบบและสามารถลดภาษี 0% ให้กับสหรัฐอเมริกาได้ จึงทำให้ทางประเทศเวียดนามได้ดีลที่กว่า ซึ่งอยู่ที่อัตราภาษี 20% จึงทำให้ไทยเจรจาภาษีกับรัฐบาลสหรัฐฯ ได้ยากขึ้น เพราะไม่ว่าจะเสนออะไรไปสหรัฐฯ ก็อาจอ้างได้ว่าประเทศเพื่อนบ้านของไทยให้ข้อเสนอที่ดีกว่า
นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า มีอย่างหนึ่งที่อยากเห็นเป็นสิ่งที่รัฐบาลไทยควรเสนอไปด้วยซึ่งเป็นข้อเสนอที่ทั้งสหรัฐฯ และไทย วิน-วิน ทั้งคู่และได้ประโยชน์ทั้งคู่ก็คือการเปิดเสรีภาคบริการ เช่น ธนาคาร ธุรกิจโทรคมนาคม ซึ่งทั้ง 2 ภาคธุรกิจนี้ในประเทศไทยยังมีการผูกขาดและกระจุกตัวค่อนข้างสูงโดยเฉพาะในรายงานของ สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (United States Trade Representative) หรือ USTR ที่ระบุค่อนข้างชัดเจนว่า สหรัฐฯ ยังมีการดำเนินธุรกิจต่าง ๆ เหล่านี้ค่อนข้างยากในประเทศไทยอยู่ ดังนั้นหากมีการเปิดเสรีในภาคธนาคารหรือภาคโทรคมนาคม สหรัฐฯ ก็ได้ประโยชน์ในเรื่องของตลาดที่มีการแข่งขันมากขึ้น
เมื่อถามถึงช่วงเวลาที่ค่อนข้างบีบเค้น จะเจรจาอย่างไรให้เสียเปรียบน้อยที่สุด นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า จดหมายที่โดนัลด์ ทรัมป์ส่งกลับมาให้ไทย ระบุว่าอัตราภาษีจะมีการบังคับใช้ในวันที่ 1 ส.ค. และช่วงนี้ยังเป็นช่วงที่ไทยยังมีหน้าต่างหรือช่องทางในการเจรจาเพื่อลดอัตราภาษีจาก 36% ให้ลงยังคงมีอยู่ ดังนั้นข้อเสนอที่ไทยจะเสนอให้กับสหรัฐฯ ต้องเป็นข้อเสนอที่น่าสนใจจริง ๆ และเป็นข้อเสนอที่สหรัฐฯ แสดงออกว่ามีความสนใจในประเทศไทยหากดีพอก็เชื่อว่าผลการเจรจาคงไม่ได้แตกต่างออกไป
ส่วนตัวเลขใดที่จะสามารถปิดดีลกับสหรัฐฯ ได้ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เรื่องนี้อาจจะไม่สามารถให้ตัวเลขเฉพาะเจาะจงได้ เพราะต้องลงไปดูในรายละเอียดสินค้าในสินค้าหนึ่งว่าไทยมีความได้เปรียบหรือ เสียเปรียบกับประเทศคู่แข่งการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐหรือประเทศนั้น ๆ กับสหรัฐฯ ถ้าจะให้ตอบในหลักการก็คืออัตราภาษีที่มีการเหลื่อมล้ำกัน ย่อมส่งผลในเรื่องของความสามารถในการแข่งขัน ดังนั้นเมื่อดูในรายละเอียดก่อนที่รัฐบาลจะยื่นข้อเสนออะไรไปยังสหรัฐฯ การกลับมาพูดคุยกับผู้ประกอบการในภาคธุรกิจต่าง ๆ ก่อนเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด







