ภท.เย้ยพท.ล้มเหลวพลิกกำแพงภาษีทรัมป์ หวัง2สัปดาห์'ทีมเจรจา' แก้เกม

ภท.เย้ยพท.ล้มเหลวพลิกกำแพงภาษีทรัมป์ หวัง2สัปดาห์'ทีมเจรจา' แก้เกม

'ชลัฐ' ภท. ขยี้ซ้ำ 'ทีมเจรจาภาษีทรัมป์' หลังสหรัฐยืนยันอัตรา 36% เย้ย พท.อ้างเป็นพรรคมือเศรษฐกิจแต่กลับไม่สามารถพลิกเกมกำแพงได้ หวัง2สัปดาห์พลิกเกม ด้าน"สิริพงศ์" จี้4ข้อรัฐบาล

นายชลัฐ รัชกิจประการ สส.บัญชีรายชื่อ กรรมการบริหารพรรคภูมิใจไทย โพสต์ข้อความผ่านเพซบุ๊กส่วนตัว ถึงกรณีที่สหรัฐอเมริกาส่งหนังสือแจ้งอัตราภาษีศุลกากร ยืนยันอัตราที่ 36% ว่า   เห็นหนังสือแจ้งอัตราภาษีศุลกากรอย่างเป็นทางการของสหรัฐฯ ที่ส่งให้ไทยแล้วได้แต่ปลงครับ 1 ส.ค.นี้ สหรัฐฯ ยังยืนอัตราที่ 36% ตามเดิมหันไปมองเพื่อนบ้านอย่างลาว เขาได้ลด 6% กัมพูชาได้ลด 13% (ลงมาเท่ากับไทยที่ 36%)

ก็เลยสงสัยว่า ทีมเจรจาเรามีเวลาเตรียมตัวมาสองเดือนกว่าๆ ภายใต้การกำกับดูแลของพรรคเพื่อไทย (บอกว่าตนเป็นพรรคมือเศรษฐกิจ)แต่กลับไม่สามารถพลิกเกมกำแพงภาษีสหรัฐฯ ได้เลย

ก็ไม่รู้ว่า ทีมเจรจาไม่เก่ง? หรือว่าทีมเก่งแต่ถูกครอบจากฝ่ายการเมืองจนไปไม่เป็น? ก็ไม่รู้

ป.ล.เหลือเวลาอีก 3 อาทิตย์ มาเอาใจช่วยทีมเจรจาของไทยกันครับอย่างน้อยก็ขอให้ได้ไม่เกิน 20% ไม่งั้นนักลงทุนแห่ไปเวียดนามหมดแน่!!

ภท.เย้ยพท.ล้มเหลวพลิกกำแพงภาษีทรัมป์ หวัง2สัปดาห์'ทีมเจรจา' แก้เกม

ด้านนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีเดียวกันว่า กระทรวงการคลังของไทย ทำการบ้านน้อย และมีชั้นเชิงในการเจรจาอ่อนเกินไป ถึงแม้ว่าจะดีกว่าประเทศลาว เมียนมา แต่แสดงให้เห็นว่า ยังสู้เวียดนามไม่ได้โดยสิ้นเชิง 

นายสิริพงศ์ กล่าวว่า อัตราภาษี 36% ที่แยกออกจากภาษีรายอุตสาหกรรม และกรณีการส่งผ่านประเทศอื่น ซึ่งจะมีอัตราที่สูงขึ้นอีกนั้น แสดงให้เห็นถึงความล้มเหลวในการเจรจาอย่างชัดเจน 

หากใครได้อ่านในจดหมาย ก็จะเห็นท่าทีที่ดูไม่เป็นมิตร ถึงแม้จะใช้ถ้อยคำว่าเป็นมิตร เพราะภายใต้เนื้อหากลับสะท้อนถึงการตัด โอกาส บีบบังคับ ความเป็นต่ออย่างชัดเจน จึงชวนให้สงสัยว่า ฝ่ายไทยเตรียมการอย่างไร และเจรจาแบบใด จึงได้รับจดหมายในลักษณะนี้ รู้สึกผิดหวังกับแนวทางการทำงานของนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะหัวหน้าคณะเจรจาภาษีกับสหรัฐ เป็นอย่างมาก

นายสิริพงศ์ ได้เสนอแนะแนวทางที่รัฐบาลควรเร่งดำเนินการ คือ

1.ศึกษาแนวทางของประเทศที่เจรจาสำเร็จ และนำมาปรับใช้อย่างเร็วที่สุด และอย่าชะล่าใจเหมือนครั้งนี้ ที่ส่งข้อเสนอเกือบชน กำหนดเส้นตาย

2.เร่งหาแนวทางเจรจาทั้งทางตรงและทางอ้อม  โดยรัฐบาลต้องมีความมุ่งมั่นในการเจรจากับสรัฐให้จริงจังมากกว่านี้

3.ทบทวนบทบาทของกระทรวงการคลัง และกระทรวงพาณิชย์ ว่าในช่วงที่ผ่านมาได้ทำอะไรบ้าง เพื่อสร้างขีดความสามารถให้กับภาคเอกชน เช่น การสนับสนุนทางการเงิน การลดระยะเวลาขออนุญาต การสร้างเสถียรภาพของนโยบาย เป็นต้น

 4.ต้องทบทวนแล้วว่า ถ้าสถานะการณ์การเจรจา ไม่เป็นไปในทิศทางที่ดี จะต้องมีการปรับแผนการลงทุนภาครัฐอย่างไร ถ้าการส่งออกพัง และรัฐเก็บรายได้ไม่ได้ อย่าให้ต้องมากระทบ ผู้ประกอบการ ที่จะต้องเพิ่มเป้ารีดภาษี 

"อยากฝากถึง คลัง และพาณิชย์ ปัญหาเศรษฐกิจมีเยอะมาก ทั้ง ราคาพืชผล Sme เศรษฐกิจซบเซาทั่วประเทศ ถ้านโยบายและแนวทางยังสะเปะสะปะเช่นนี้ เกรงว่าเมื่อเศรษฐกิจไม่ดี เรื่อง Reciprocal Tariff ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ นี้ จะถูกยกมาเป็นข้ออ้าง จากการบริหารที่ผิดพลาดไปอีกนาน" นายสิริพงศ์กล่าว